สำหรับคำว่าน้ำผึ้งหยดเดียวจริง ๆ ความหมายคือ ประมาณว่าเรื่องเล็กแต่กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา......
อาจจะไม่ตรงนักกับเหตุการณ์เด็กติดถ้ำหลวง ที่ไม่ตรงคือการที่เด็กติดถ้ำไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับชีวิตทั้งหมด 13 ชีวิต (เด็ก 12 คนและผู้ใหญ๋ 1 คน)
มันคือเรื่องใหญ่ต่อใครอีกหลายคน พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ และคนรู้จัก ฯลฯ และนั่นคือชีวิตย่อมสำคัญเสมอ......แต่
ทำไมคนบางคนไม่คิดว่า "ทุกคนปลอดภัยก็เป็นเรื่องน่ายินดีแล้วและน่าชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" และการช่วยเหลือและดูแลรักษาชีวิตทั้ง 13 คนก็ต้องเหมือนกันและดีที่สุดสำหรับทุกคน ...ทำไมต้องมีบางคนหรือบางกลุ่มไปวิจารณ์แง่ลบไม่ว่าจะกับใครก็ตามแต่ ทำไมไม่คิดถึงผลที่จะตามมาของการกระทำแย่ ๆของการวิจารณ์แย่ๆ ของตนเอง เรื่องไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ คิดว่า" เออเด็กติดถ้ำน่าเป็นห่วงและเห็นใจและรวมถึงโค้ชด้วย เค้าก็คนเหมือนกันมีชีวิตมีความรู้สึก เค้าติดถ้ำ .....ลองถ้าเป็นคุณที่ชอบวิจารณ์แย่ ๆ ท่านจะรู้สึกอย่างไรและถ้าออกมาเจอสื่อหรือประชาชนหรือคอมเมนต์ สื่อโซเชียล (ที่หาสาระไม่ได้) ท่านจะรับมือกับความรู้สึกต้วเองอย่างไร..จริงอยู่ โค้ชเอกอาจจะเคยบวชเรียนมาหลายพรรษาย่อมให้อภัยและไม่โกรธใครง่าย ๆ ด้วยหลักธรรมมะ แต่ถ้าเจอกระแสโจมตีแรง ๆ นั้นในขณะนี้โค้ชคือฆราวาสคนนึงมีกิเลสมีความรู้สึก บางทีใช้หลักธรรมมะก็อาจจะไม่ไหวก็ได้ ...แต่ผมคิดว่าโค้ชเอกเก่งจะต้องรับมือและปล่อยวางกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ และจับสาระไม่ได้จากคนที่วิจารณ์แย่ๆ ......
เหตุการณ์นี้มีคนตายไปแล้วและคนเจ็บอีกหลายคน รวมถึงคนที่ป่วย...และบางส่วนที่สื่อไม่ได้แจ้งไว้ที่เราไม่รู้เพราะเรารู้จากทีวี จากสื่อหลายๆ แหล่งที่มา...
และคนที่ไปวิจารณ์แย่ ๆ นั้นคือต้องการอะไรกัน.......คุณถึงจะสะใจกับความรู้สึกของคุณ..ต้องการเหยียบหรือต้องการให้เค้าตายไปเลยคุณถึงจะสะใจสักที.....
เหตุการณ์นี้ให้แง่คิดอะไรหลายอย่าง......ถ้าเราใช้สติคิดกันดี ๆ .......และไตร่ตรอบกันดี ๆ .....เลิกตำหนิใครได้แล้ว .....หยุดเถอะ....ถ้ามันไม่ทำให้ใครหรือฝ่ายไหนเกิดประโยชน์นอกจาก...ความสะใจของตัวเองหรือต้องการระบายความรู้สึกของตนเองเพื่อตอบสนองความอยาก....อยากให้เค้าแย่ลงๆ
ประเทศไทยรักสามัคคีกันมานานแล้ว.......ทุกฝ่ายมาช่วยเหลือน้อง ๆ ช่วยโค้ชเอก ต่างชาติทราบจากสื่อก็รีบมาช่วยเหลือกัน นั่นคือมนุษยธรรมของคน
ถ้าเค้าเห็นข่าวว่าคนไทยบางกลุ่มมาวิจารณ์แย่ ๆ เค้าคงคิดนะว่า...เหตุการณ์นี้คือมีคนเดือดร้อนทุกคนร่วมมือกันช่วยเหลือ เมื่อคนเดือดร้อนปลอดภัยดีก็ดีใจที่สุดแล้ว และยกย่องชื่นชมทุกคนทุกฝ่ายที่ช่วบเหลือกัน ถ้าจะให้รางวัลและเกียรติบัตรก็ใช้เยอะมาก ๆ อย่าได้ยกย่องใครเป็นพิเศษเลยดีกว่าไหม คนที่เค้าช่วยเหลือมีเยอะมาก ๆ โดยมากไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งน้นนะ
ส่วนที่วิจารณ์พระ หรือท่านครูบานั้น ...คือ...ท่านคือคนที่ควรเคารพนะไม่ใช่เอามาวิจารณ์ .....ท่าไม่เคารพหรือนับถือก็ไม่สมควรจะไปว่าท่านหรือวิจารณ์นะ
บางมุมไม่เห็นด้วยก็ปล่อยวางไปนะ ....เพราะจะมีวิถีทางไหนก็ตามที่จะทำให้เด็ก ๆ ออกมาก็นำมา....ไม่เสียหายอะไร......เพราะถ้าท่านออกมาทำพิธีหรืออย่างไรก็ตามแล้วเจอวิจารณ์แบบนี้ ท่านก็อยู่วัดเฉย ๆ ดีกว่า....มันเป็นความเชื่อและความศรัทธาของคนเรา
ทุกวันนี้ข่าวที่ไร้สาระเริ่มกระจายออกมาแล้ว.........เพื่อเรียกกระแส.....
และหวังว่าสื่อที่จ้องจะนำเด็กหรือโค้ชมาให้สัมภาษณ์หลังเหตุการณ์นี้ก็คิดนิดนึงนะ .......ใช้สมองนิดนึงในการจะสัมภาษณ์ทุกคน ......
และพ่อแม่เด็กก็เหมือนกันถ้าลูกคุณปลอดภัยแล้วก็พอแล้วนะ ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือก็จบแล้ว..อย่าไปโทษโค้ชเอกนะ เพราะถ้าไม่มีโค้ชเอกลูกคุณอาจจะตายก็ได้.....
เด็กติดถ้ำหลวง......น้ำผึ้งหยดเดียว.....เริ่มไม่ใช่ละ
อาจจะไม่ตรงนักกับเหตุการณ์เด็กติดถ้ำหลวง ที่ไม่ตรงคือการที่เด็กติดถ้ำไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับชีวิตทั้งหมด 13 ชีวิต (เด็ก 12 คนและผู้ใหญ๋ 1 คน)
มันคือเรื่องใหญ่ต่อใครอีกหลายคน พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ และคนรู้จัก ฯลฯ และนั่นคือชีวิตย่อมสำคัญเสมอ......แต่
ทำไมคนบางคนไม่คิดว่า "ทุกคนปลอดภัยก็เป็นเรื่องน่ายินดีแล้วและน่าชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" และการช่วยเหลือและดูแลรักษาชีวิตทั้ง 13 คนก็ต้องเหมือนกันและดีที่สุดสำหรับทุกคน ...ทำไมต้องมีบางคนหรือบางกลุ่มไปวิจารณ์แง่ลบไม่ว่าจะกับใครก็ตามแต่ ทำไมไม่คิดถึงผลที่จะตามมาของการกระทำแย่ ๆของการวิจารณ์แย่ๆ ของตนเอง เรื่องไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ คิดว่า" เออเด็กติดถ้ำน่าเป็นห่วงและเห็นใจและรวมถึงโค้ชด้วย เค้าก็คนเหมือนกันมีชีวิตมีความรู้สึก เค้าติดถ้ำ .....ลองถ้าเป็นคุณที่ชอบวิจารณ์แย่ ๆ ท่านจะรู้สึกอย่างไรและถ้าออกมาเจอสื่อหรือประชาชนหรือคอมเมนต์ สื่อโซเชียล (ที่หาสาระไม่ได้) ท่านจะรับมือกับความรู้สึกต้วเองอย่างไร..จริงอยู่ โค้ชเอกอาจจะเคยบวชเรียนมาหลายพรรษาย่อมให้อภัยและไม่โกรธใครง่าย ๆ ด้วยหลักธรรมมะ แต่ถ้าเจอกระแสโจมตีแรง ๆ นั้นในขณะนี้โค้ชคือฆราวาสคนนึงมีกิเลสมีความรู้สึก บางทีใช้หลักธรรมมะก็อาจจะไม่ไหวก็ได้ ...แต่ผมคิดว่าโค้ชเอกเก่งจะต้องรับมือและปล่อยวางกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ และจับสาระไม่ได้จากคนที่วิจารณ์แย่ๆ ......
เหตุการณ์นี้มีคนตายไปแล้วและคนเจ็บอีกหลายคน รวมถึงคนที่ป่วย...และบางส่วนที่สื่อไม่ได้แจ้งไว้ที่เราไม่รู้เพราะเรารู้จากทีวี จากสื่อหลายๆ แหล่งที่มา...
และคนที่ไปวิจารณ์แย่ ๆ นั้นคือต้องการอะไรกัน.......คุณถึงจะสะใจกับความรู้สึกของคุณ..ต้องการเหยียบหรือต้องการให้เค้าตายไปเลยคุณถึงจะสะใจสักที.....
เหตุการณ์นี้ให้แง่คิดอะไรหลายอย่าง......ถ้าเราใช้สติคิดกันดี ๆ .......และไตร่ตรอบกันดี ๆ .....เลิกตำหนิใครได้แล้ว .....หยุดเถอะ....ถ้ามันไม่ทำให้ใครหรือฝ่ายไหนเกิดประโยชน์นอกจาก...ความสะใจของตัวเองหรือต้องการระบายความรู้สึกของตนเองเพื่อตอบสนองความอยาก....อยากให้เค้าแย่ลงๆ
ประเทศไทยรักสามัคคีกันมานานแล้ว.......ทุกฝ่ายมาช่วยเหลือน้อง ๆ ช่วยโค้ชเอก ต่างชาติทราบจากสื่อก็รีบมาช่วยเหลือกัน นั่นคือมนุษยธรรมของคน
ถ้าเค้าเห็นข่าวว่าคนไทยบางกลุ่มมาวิจารณ์แย่ ๆ เค้าคงคิดนะว่า...เหตุการณ์นี้คือมีคนเดือดร้อนทุกคนร่วมมือกันช่วยเหลือ เมื่อคนเดือดร้อนปลอดภัยดีก็ดีใจที่สุดแล้ว และยกย่องชื่นชมทุกคนทุกฝ่ายที่ช่วบเหลือกัน ถ้าจะให้รางวัลและเกียรติบัตรก็ใช้เยอะมาก ๆ อย่าได้ยกย่องใครเป็นพิเศษเลยดีกว่าไหม คนที่เค้าช่วยเหลือมีเยอะมาก ๆ โดยมากไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งน้นนะ
ส่วนที่วิจารณ์พระ หรือท่านครูบานั้น ...คือ...ท่านคือคนที่ควรเคารพนะไม่ใช่เอามาวิจารณ์ .....ท่าไม่เคารพหรือนับถือก็ไม่สมควรจะไปว่าท่านหรือวิจารณ์นะ
บางมุมไม่เห็นด้วยก็ปล่อยวางไปนะ ....เพราะจะมีวิถีทางไหนก็ตามที่จะทำให้เด็ก ๆ ออกมาก็นำมา....ไม่เสียหายอะไร......เพราะถ้าท่านออกมาทำพิธีหรืออย่างไรก็ตามแล้วเจอวิจารณ์แบบนี้ ท่านก็อยู่วัดเฉย ๆ ดีกว่า....มันเป็นความเชื่อและความศรัทธาของคนเรา
ทุกวันนี้ข่าวที่ไร้สาระเริ่มกระจายออกมาแล้ว.........เพื่อเรียกกระแส.....
และหวังว่าสื่อที่จ้องจะนำเด็กหรือโค้ชมาให้สัมภาษณ์หลังเหตุการณ์นี้ก็คิดนิดนึงนะ .......ใช้สมองนิดนึงในการจะสัมภาษณ์ทุกคน ......
และพ่อแม่เด็กก็เหมือนกันถ้าลูกคุณปลอดภัยแล้วก็พอแล้วนะ ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือก็จบแล้ว..อย่าไปโทษโค้ชเอกนะ เพราะถ้าไม่มีโค้ชเอกลูกคุณอาจจะตายก็ได้.....