10 หนังสืบสวนเชิงจิตวิทยายอดเยี่ยม แห่งศตวรรษที่ 20


นับเป็นลิสต์หนังที่ 50 อย่างเป็นทางการ ผมจึงอยากนำเสนอลิสต์ในรูปแบบเดียวกับจุดเริ่มต้นของแอคเคาท์พันทิป 'In The Darkness' ซึ่งก็คือ 'หนังทริลเลอร์เชิงจิตวิทยา' ที่เคยทำไว้เมื่อเกือบ 5 ปีก่อนที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการรวมลิสต์หนังแนวนี้ครั้งแรกในไทย และหลายคนก็เริ่มรู้จักผมจากกระทู้ดังกล่าวเเละตามไปกดไลค์ในเพจกว่าหนึ่งหมื่นคนในช่วงเวลาไม่กี่วัน ผมจึงอยากขอบคุณกลุ่มคนที่ตามผมในพันทิปเเละเเฟนเพจมากๆ ทางผมจะยึดแนวทางการทำลิสต์รูปแบบเดิมต่อไปที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสืบสวนหรือทางจิตวิทยาทั้งหนังแนวทริลเลอร์ หนังไซไฟ และหนังสยองขวัญ แต่อาจมีบางช่วงที่ต้องสลับไปยังลิสต์หนังกลุ่มกว้างๆหรือเข้ากับกระแสในช่วงเวลานั้นๆ…

หนังสืบสวนเชิงจิตวิทยา (Psychological Suspense) เกิดจากส่วนผสมของมิสเทอรี่เเละทริลเลอร์ ที่ตัวหนังพยายามกระตุ้นให้เกิดความจดจ่อ อยากรู้อยากเห็น เเละมีการปกปิดเงื่อนงำหรือข้อสงสัยบางอย่างไว้ เเละที่สำคัญหนังยังพยายามเล่นกับกระบวนการความคิด อารมณ์ เเละพฤติกรรมของตัวละคร...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

10. Blow Out (1981)

ความระทึกขวัญและความใคร่รู้ที่ถูกกระตุ้นด้วยเทคนิคการใช้เสียงอันสร้างสรรค์ ที่เชื่อมโยงกับปมฆาตกรรมทางการเมืองได้อย่างลงตัว กับการเปิดปมด้วยหนุ่มวิศวกรควบคุมเสียงของบริษัทผลิตหนังสยองขวัญ ที่กำลังบันทึกเสียงธรรมชาติท่ามกลางความมืดเพื่อใช้เป็นซาวน์เอฟเฟกต์ประกอบหนัง แต่กลับพบอุบัติเหตุที่รถพุ่งตกจากสะพานทำให้ชายคนขับเสียชีวิต โดยหนังโฟกัสไปยังการสืบหาความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านสาวผู้รอดชีวิตกับหนุ่มวิศวกรเสียงที่พบเงื่อนงำที่บ่งชี้ว่ามันอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ และยิ่งทั้งคู่เข้าใกล้ความจริงที่พัวพันกับปมความขัดแย้งทางการเมือง อันตรายจากผู้อยู่เบื้องหลังก็ยิ่งคืบคลานเข้าใกล้ทั้งคู่มากเท่านั้น








9. Se7en (1995)

การยืนยันที่จะใช้ตอนจบแบบดั้งเดิมของ Brad Pitt เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกกล่าวขานจนถึงปัจจุบันในฐานะจุดไคลแม็กซ์ที่สะเทือนใจคนดูมากที่สุดเรื่องหนึ่งของวงการภาพยนตร์ และ Kevin Spacey ที่มีบทบาทสำคัญต่อเหตุการณ์ดังกล่าวก็ถูกพูดถึงไม่แพ้กัน กับเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องสุดโหดที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ 7 ราย โดยหนังได้โฟกัสไปที่การสืบสวนของสองตำรวจต่างรุ่น ที่เริ่มต้นด้วยความมืดบอดและไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย ก่อนคำใบ้ที่ถูกทิ้งไว้ ณ จุดเกิดเหตุจะเชื่อมโยงไปยังคัมภีร์ศาสนาคริสต์ที่ว่าด้วยบาป 7 ประการ และมันก็กลายเป็นสัญญาณเตือนว่าทั้งคู่กำลังเข้าใกล้อันตรายที่ไม่อาจหลีกหนีได้








8. Laura (1944)

หนึ่งในท็อปสิบหนังอเมริกันฟิล์มนัวร์ยอดเยี่ยมตลอดกาลจากบีเอฟไอ ที่เต็มไปด้วยความพิศวง ความซับซ้อนของตัวละครตามแบบฉบับฟิล์มนัวร์ ที่พยายามบิดเบือนความจริงบางอย่างเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเอง โดยหนังเปิดปมด้วยเหตุฆาตกรรมสาวเจ้าเสน่ห์ 'ลอร่า ฮันท์' ที่เป็นชื่อเดียวกับหนังและเป็นตัวละครที่สำคัญมากต่อการกำหนดทิศทางของเนื้อเรื่อง ซึ่งหนังได้โฟกัสไปยังตัวนักสืบที่กำลังสืบหาความจริงว่าใครคือฆาตกร ผ่านภาพสะท้อนจากแฟลชแบ็คที่อ้างอิงจากการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องรอบตัวลอร่า ที่ต่างก็มีความชื่นชอบ ความหลงใหล และให้การในเชิงบวกต่อตนเอง มันยากที่จะจับผิดและคาดเดาตัวตนแท้จริงของแต่ละคน จนนำไปสู่โมเม้นท์พลิกผันมากมายตั้งแต่กลางเรื่องตลอดจนท้ายเรื่อง








7. The Silence of the Lambs (1991)

นับเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากนิยายอาชญากรรมของ Thomas Harris ที่การันตีด้วย 5 รางวัลใหญ่จากเวทีออสการ์ กับปมฆาตกรรมต่อเนื่องบัฟฟาโล บิลล์ ที่หนังได้โฟกัสไปยังการสืบสวนของเอฟบีไอสาวมือใหม่ ที่ต้องไปหา 'ฮันนิบาล เล็คเตอร์' ซึ่งถูกจองจำอยู่ในคุกเพื่อให้ช่วยในการวิเคราะห์รูปแบบการฆาตกรรมที่อาจบ่งชี้ถึงอุปนิสัยเฉพาะตัวและใช้เป็นข้อมูลเชื่อมโยงในการสาวถึงตัวฆาตกร นอกจากปมอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่เล่าได้ชวนติดตาม อีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดที่หลายคนต่างยกย่องคือฉากปะทะคารมของสองนักแสดงนำ Anthony Hopkins กับ Jodie Foster ที่เต็มไปด้วยไดอะล็อกลึกซึ้งคมคาย และสะท้อนคาแรคเตอร์ของตัวละครออกมาได้อย่างดีเยี่ยม








6. Psycho (1960)

การเก็บความลับอันรัดกุมและเฉลยอย่างมีชั้นเชิง จนกลายเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในหนังหักมุมชั้นเยี่ยมตลอดกาล โดย Alfred Hitchcock วางปมฆาตกรรมหญิงสาวที่เกิดขึ้นในโรงแรมย่านชานเมือง ก่อนพาคนดูไปสืบค้นความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น นอกเหนือจากกลอุบายการใช้มุมกล้องเพื่อปกปิดตัวตนฆาตกร ส่วนของบทหนังก็พูดได้ว่าเป็นจุดแข็งอย่างยิ่งในการสับหลอกคนดูเช่นกัน กับการสร้างคาแรคเตอร์ที่ผสมปมทางจิตวิทยาจนเกิดความสลับซับซ้อน ที่ภายนอกอาจดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่ภายในได้สร้างอีกหนึ่งตัวตนด้านมืดขึ้นมา เพราะผลพวงจากการทารุณกรรมในวัยเด็กและการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง









5. The Third Man (1949)

หนังสัญชาติอังกฤษที่หลายคนต่างยกย่องว่าดีที่สุดตลอดกาล ถูกหลอมรวมจากองค์ประกอบชั้นเยี่ยมและเปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์ ทั้งเสน่ห์ดนตรีประกอบจากซิเตอร์ และเทคนิคงานภาพที่กลายเป็นงานเรียนรู้ชั้นดีของคนรุ่นหลัง แต่เหนืออื่นใดคือบทฟิล์มนัวร์สืบสวนที่อัดแน่นด้วยความลึกลับ ความซับซ้อนที่ยากต่อการคาดเดา กับนักเขียนนิยายที่เดินทางมายังเวียนนาเพื่อร่วมธุรกิจกับเพื่อนสนิท แต่เมื่อมาถึงกลับทราบว่าเพื่อนตัวเองได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยหนังได้โฟกัสไปที่ตัวนักเขียนหลังพูดคุยกับผู้คนรอบตัวและพยานในที่เกิดเหตุ จนจับข้อพิรุธบางอย่างได้และพยายามสืบหาความจริง ก่อนนำไปสู่เหตุการณ์อันพลิกผันมากมาย โดยเฉพาะชายที่อยู่ในลิสต์นักแสดงนำอย่าง Orson Welles ที่ช่วงแรกเก็บซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและปรากฏกลายในโมเม้นท์ที่ไม่มีใครคาดคิด









4. Rear Window (1954)

การเป็นผู้เล่าที่คอยสร้างสรรค์รูปแบบการถ่ายทำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับลักษณะของพล็อต นับเป็นหนึ่งในความยอดเยี่ยมที่หาตัวจับได้ยากของ Alfred Hitchcock ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่างชั้นดีที่ควรหยิบยกมาอ้างอิง กับชายผู้เป็นตากล้องที่ประสบอุบัติเหตุจนขาหักและใช้ชีวิตในแต่ละวันกับการส่องกล้องเฝ้ามองพฤติกรรมของผู้คนกระทั่งได้พบชายผู้น่าสงสัยที่ส่อแววจะก่อเหตุฆาตกรรม โดยหนังเซ็ทสถานที่ภายในห้องเล็กๆและเล่าผ่านมุมมองของตากล้องที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้และความกดดัน เมื่อต้องพยายามประติดประต่อเหตุการณ์ที่ได้พบเห็นว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร ทั้งยังต้องหาแผนรับมือช่วยเหลือเหยื่อหากมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุฆาตกรรม









3. M (1931)

เยอรมันต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เกิดเหตุการณ์จริงที่เด็กจำนวนมากได้หายตัวไปและเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดจากเหตุฆาตกรรมต่อเนื่อง นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนในช่วงเวลานั้นมาก ทางผู้กำกับ Fritz Lang ได้หยิบเรื่องดังกล่าวมาประเดิมเป็นหนังพูดเรื่องแรกของตัวเองและเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจกับเหล่าผู้ชมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยช่วงแรกหนังพยายามพาคนดูไปสำรวจตัวตนของฆาตกรและคู่ขนานไปกับเหล่าตำรวจที่ทำทุกวิถีทาง แต่ก็ไร้ซึ่งหนทางในการสืบหาความจริง กระทั่งเหล่าอาชญากรในเมืองต้องรวมตัวกันเพื่อควานหาตัวฆาตกรรายนี้ และสุดท้ายก็นำไปสู่จุดไคลแม็กซ์กับการตั้งคำถามต่อกระบวนการศาลเตี้ย ว่าเป็นความยุติธรรมที่เหมาะสม หรือเป็นเพียงความต่ำช้าของมนุษย์ที่กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง









2. Les Diaboliques (1955)

พล็อตอาชญากรรมสมบูรณ์แบบที่มีความเป็นออริจินอลอยู่เหนือกาลเวลา กับหนังแนวระทึกขวัญเชิงจิตวิทยาที่คลุกเคล้าด้วยบรรยากาศหลอนๆ ยะเยือกสไตล์หนังสยองขวัญ เมื่อเมียหลวงและเมียน้อยต่างร่วมมือกันฆ่าคนรักของตน แต่อยู่ๆศพก็ดันหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยหนังจะพาคนดูไปรับรู้กลอุบายการฆาตกรรมของสองหญิงสาวที่มีการวางแผนและจัดฉากกันอย่างรัดกุม ทั้งยังฉลาดในการเลือกใช้ยาพิษซึ่งเป็นสิ่งที่ยากต่อการชันสูตรหาสาเหตุการตายมาเป็นเครื่องมือปลิดชีพคนรักของตน ก่อนเหตุพลิกผันจะเกิดขึ้นและทำให้สถานการณ์หลังจากนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่ยากจะคาดเดา จนนำไปสู่โมเม้นท์สุดเซอร์ไพร์สคนดูในฉากจบ ที่ทำให้หลายคนยกย่องว่าเป็นหนึ่งในการหักมุมที่เหนือชั้นตลอดกาล









1. Vertigo (1958)

หนังที่ถูกขนานนามว่าดีที่สุดในโลกจากนิตยสาร Sight & Sound ของปรมาจารย์แห่งหนังระทึกขวัญอย่าง Alfred Hitchcock ที่นำเสนอมนต์เสน่ห์แห่งรักภายใต้ปมจิตวิทยาซ่อนเงื่อน ผ่านบรรยากาศอันลุ้นระทึกและกระตุ้นความใคร่รู้ของคนดู ที่เต็มไปด้วยโมเม้นท์หลอกล่อและตลบหลังคนดูได้อย่างเหนือชั้น เมื่ออดีตนักสืบถูกจ้างวานจากเพื่อนสนิทให้สะกดรอยตามหญิงคนรัก โดยหนังจะถูกเล่าผ่านมุมมองของตัวนักสืบที่พยายามสอดส่องและจับผิดพฤติกรรมอันน่าสงสัยของหญิงรายนี้ ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นหรือเธอกำลังปิดบังความจริงบางอย่างเอาไว้ ก่อนนำไปสู่เหตุการณ์ที่ตัวนักสืบได้ถลำลึกลงไปในวังวนแห่งรักจนไม่อาจถอนตัวได้
.
.
.
.
.
.
.

ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังทั่วไปเเละซีรีส์(โดยเฉพาะฝั่งเกาหลี)



ขออนุญาตฝากเพจนะครับ

https://www.facebook.com/Criticalme



เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่