เมื่อฤดูฝนมาพร้อมกับช่วงเปิดเทอมของเด็กๆ แน่นอนว่าสถานที่ฮอตคงไม่พ้น โรงพยาบาล เพราะ เป็นช่วง high season ของการป่วยเด็กน้อย เลยก็ว่าได้
ลูกชาย อายุ 2 ขวบเป๊ะ ยังไม่เข้าโรงเรียน เลี้ยงเองที่บ้าน ไม่ได้พาไปสถานที่คนเยอะหรือแออัด เพราะช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน แต่จู่ๆ ขณะที่น้องกำลังกินนมอยู่ (กินเต้า) เลือดก็ออกมาจมูก 2 หยด และสังเกตที่ริมฝีปากล่างก็เป็นแผลคล้ายร้อนใน คนใกล้ชิดก็บอกว่า อาจจะไม่สบาย แต่เมื่อเอาปรอทมาวัด ไข้ไม่มี
ด้วยความกังวล เลยพาลูกไปหมอที่ รพ. ใกล้บ้าน และด้วยคำว่า ไม่ได้นัดเลยต้องรอคิวจนค่ำ ได้พบหมอ หมอให้ขี้ผึ้งมาทาในจมูก สัก 1 สัปดาห์ แต่ไม่มีอะไรน่ากังวล
ผ่านมา 5 วัน น้องเริ่มมีไข้ ไอแห้งๆ แต่นิดเดียวและ ไข้สูงมาก เกิน 39 องศา เลยจับน้องเช็ดตัวและกินยาแก้ไข้ ทุก 4 ชั่วโมง.แต่เช็ดตัวบ่อยมาก
เข้าวันที่สาม ระยะห่างของไข้สูง เยอะขึ้น จาก ทุก 4 ชั่วโมง เป็นขึ้นทุก 6 - 8 ชั่วโมง แต่ไข้ยังแตะ ที่ มากสุด 38.5 อยู่ และไอเพิ่มขึ้น เริ่มมีน้ำมูกและเสมหะ แต่น้องยังกินข้าว นม ได้ไม่ซึม เลยตัดสินใจพาไป รพ. เพราะโดยทั่วไปหากเป็นไข้ หรือหวัด (ที่น้องเคยเป็น) อาการจะดีขึ้น และจะลดมาเป็น 37 ในวันที่สาม แต่ครั้งนี้ไม่ใช่
พอไป รพ. ถึงกับตกใจเพราะ ที่นี่เค้าจะแบ่งโซน เด็กปกติมาฉีดวัคซีน กับ เด็กไม่สบาย ซึ่ง โซนเด็กไม่สบายแน่นมาก แต่เด็กปกติมี 2 คน
รอไม่กี่คิวก็ได้พบหมอเมื่อหมอตรวจและถามอาการ หมอคาดว่า ไม่ flu ก็ rsv จึงส่งตรวจแลป และรอผล 45 นาที ซึ่งพอหมอพูด แม่เครียดมาก เพราะจากที่อ่าน และมีข้อมูลมา มันน่ากลัวมากทั้งคู่ จนผลออกมา หมอบอกว่า rsv นะคุณแม่ แล้วตรวจอีกรอบก่อนสั่งให้เจาะเลือด พ่นยา เช็ดตัวและกินยาแก้ไข้
คุณหมอคงเห็นหน้าแม่เครียดเลยบอกว่า ทุกอย่างโอเค เด็กเป็นกันเยอะ ไม่ต้องกังวล
rsv เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง มีอาการคล้ายไข้หวัดแต่อันตรายตรงที่ มันลงได้ไกลถึงทางเดินหายใจส่วนล่างคือปอด ยารักษาไม่มี ต้องรักษาตามอาการ ดูอาการเป็นวันๆไป และร่างกายลูกเท่านั้นจะต่อสู้กับ rsv ได้ หมอย้ำ คนป่วยต้องกินได้ ต้องนอนได้ จึงจะหายเร็ว ซึ่งวันที่สองของการนอน รพ น้องเริ่มไม่กินข้าว กินนมกล่องน้อยลง แต่ยังดีที่กินนมแม่และขนมได้บ้างซึ่งคุณหมอบอกว่า ในตอนนี้แม้จะเป็นขนมก็ยังดีกว่าไม่กินอะไรเลย
การรักษา คือ ให้ยาลดไข้ เมื่อมีไข้ และเช็ดตัว, ให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือด พ่นยาขยายหลอดลม ล้างจมูก หยดยาขยายหลอดลม กินยาแก้ไอ กินยาแก้คัดจมูก กินยาก่อนนอน
ลูกร้องไห้ แม่ก็ใจจะขาด แต่หมอและพยาบาลยังย้ำว่า ทุกอย่างโอเคดี อย่างน้อยลูกก็ไม่ซึม ไม่นอน ไม่เหนื่อย ค่าออกซิเจนดีมาก และแนวโน้มไข้ลดลง
ตอนนี้ กังวลเรื่องผลกระทบอื่นใด เช่น จะเป็นหวัดง่ายไหม ปอดจะอ่อนแอหรือเปล่า จะมีโอกาสเป็นหอบหืดมากน้อยแค่ไหน
แม่ๆท่านใดมี ประสบการณ์ มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ และเคยอ่านเจอว่า มีวิตามินกินเพื่อเสริมภูมิ แม่ๆ ให้น้องกินตัวไหนกันบ้างคะ
ปล. พิมพ์ในมือถือ การเว้นวรรคอาจไม่สวยงามนะคะ
เมื่อลูกติด ไวรัส RSV
ลูกชาย อายุ 2 ขวบเป๊ะ ยังไม่เข้าโรงเรียน เลี้ยงเองที่บ้าน ไม่ได้พาไปสถานที่คนเยอะหรือแออัด เพราะช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน แต่จู่ๆ ขณะที่น้องกำลังกินนมอยู่ (กินเต้า) เลือดก็ออกมาจมูก 2 หยด และสังเกตที่ริมฝีปากล่างก็เป็นแผลคล้ายร้อนใน คนใกล้ชิดก็บอกว่า อาจจะไม่สบาย แต่เมื่อเอาปรอทมาวัด ไข้ไม่มี
ด้วยความกังวล เลยพาลูกไปหมอที่ รพ. ใกล้บ้าน และด้วยคำว่า ไม่ได้นัดเลยต้องรอคิวจนค่ำ ได้พบหมอ หมอให้ขี้ผึ้งมาทาในจมูก สัก 1 สัปดาห์ แต่ไม่มีอะไรน่ากังวล
ผ่านมา 5 วัน น้องเริ่มมีไข้ ไอแห้งๆ แต่นิดเดียวและ ไข้สูงมาก เกิน 39 องศา เลยจับน้องเช็ดตัวและกินยาแก้ไข้ ทุก 4 ชั่วโมง.แต่เช็ดตัวบ่อยมาก
เข้าวันที่สาม ระยะห่างของไข้สูง เยอะขึ้น จาก ทุก 4 ชั่วโมง เป็นขึ้นทุก 6 - 8 ชั่วโมง แต่ไข้ยังแตะ ที่ มากสุด 38.5 อยู่ และไอเพิ่มขึ้น เริ่มมีน้ำมูกและเสมหะ แต่น้องยังกินข้าว นม ได้ไม่ซึม เลยตัดสินใจพาไป รพ. เพราะโดยทั่วไปหากเป็นไข้ หรือหวัด (ที่น้องเคยเป็น) อาการจะดีขึ้น และจะลดมาเป็น 37 ในวันที่สาม แต่ครั้งนี้ไม่ใช่
พอไป รพ. ถึงกับตกใจเพราะ ที่นี่เค้าจะแบ่งโซน เด็กปกติมาฉีดวัคซีน กับ เด็กไม่สบาย ซึ่ง โซนเด็กไม่สบายแน่นมาก แต่เด็กปกติมี 2 คน
รอไม่กี่คิวก็ได้พบหมอเมื่อหมอตรวจและถามอาการ หมอคาดว่า ไม่ flu ก็ rsv จึงส่งตรวจแลป และรอผล 45 นาที ซึ่งพอหมอพูด แม่เครียดมาก เพราะจากที่อ่าน และมีข้อมูลมา มันน่ากลัวมากทั้งคู่ จนผลออกมา หมอบอกว่า rsv นะคุณแม่ แล้วตรวจอีกรอบก่อนสั่งให้เจาะเลือด พ่นยา เช็ดตัวและกินยาแก้ไข้
คุณหมอคงเห็นหน้าแม่เครียดเลยบอกว่า ทุกอย่างโอเค เด็กเป็นกันเยอะ ไม่ต้องกังวล
rsv เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง มีอาการคล้ายไข้หวัดแต่อันตรายตรงที่ มันลงได้ไกลถึงทางเดินหายใจส่วนล่างคือปอด ยารักษาไม่มี ต้องรักษาตามอาการ ดูอาการเป็นวันๆไป และร่างกายลูกเท่านั้นจะต่อสู้กับ rsv ได้ หมอย้ำ คนป่วยต้องกินได้ ต้องนอนได้ จึงจะหายเร็ว ซึ่งวันที่สองของการนอน รพ น้องเริ่มไม่กินข้าว กินนมกล่องน้อยลง แต่ยังดีที่กินนมแม่และขนมได้บ้างซึ่งคุณหมอบอกว่า ในตอนนี้แม้จะเป็นขนมก็ยังดีกว่าไม่กินอะไรเลย
การรักษา คือ ให้ยาลดไข้ เมื่อมีไข้ และเช็ดตัว, ให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือด พ่นยาขยายหลอดลม ล้างจมูก หยดยาขยายหลอดลม กินยาแก้ไอ กินยาแก้คัดจมูก กินยาก่อนนอน
ลูกร้องไห้ แม่ก็ใจจะขาด แต่หมอและพยาบาลยังย้ำว่า ทุกอย่างโอเคดี อย่างน้อยลูกก็ไม่ซึม ไม่นอน ไม่เหนื่อย ค่าออกซิเจนดีมาก และแนวโน้มไข้ลดลง
ตอนนี้ กังวลเรื่องผลกระทบอื่นใด เช่น จะเป็นหวัดง่ายไหม ปอดจะอ่อนแอหรือเปล่า จะมีโอกาสเป็นหอบหืดมากน้อยแค่ไหน
แม่ๆท่านใดมี ประสบการณ์ มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ และเคยอ่านเจอว่า มีวิตามินกินเพื่อเสริมภูมิ แม่ๆ ให้น้องกินตัวไหนกันบ้างคะ
ปล. พิมพ์ในมือถือ การเว้นวรรคอาจไม่สวยงามนะคะ