ก่อนอื่นอยากให้ผู้ชมในห้องวอลเล่ย์บอลเข้าใจโควต้านี้ก่อนว่า โควต้าที่ญี่ปุ่นเปิดให้นักกีฬาจากประเทศคู่สัญญามาเล่นในลีกตัวเอง โดยให้ถือว่าเป็นผู้เล่นญี่ปุ่นควรเรียกว่า โควต้า พันธมิตร
เพราะโควต้านี้ไม่ได้เปิดรับแค่นักกีฬาแต่ละชนิดในอาเซียนเท่านั้น แต่รวมถึงนักกีฬาในอิหร่าน และ กาตาร์ ด้วยครับ
เท่าที่ผมสังเกตุการเปิดโควต้าพันธมิตร จากกีฬาฟุตบอลที่เขาเปิดโควต้านี้มาก่อน พอสรุปได้ดังนี้
1. สโมสรญี่ปุ่นจะเลือกผู้เล่นในโควต้า พันธมิตร ที่เขาเซ็นสัญญา
จากผลงานในระดับเอเชียและระดับโลก ซึ่งต้องทำผลงานได้ดี พาทีมเข้ารอบต่อไปของฟุตบอลระดับเอเชียให้ได้เป็นอย่างน้อย
เทียบกับวอลเล่ย์บอล นักวอลเล่ย์บอลไทยผ่านคุณสมบัติตรงนี้กันแทบทุกคนที่ติดทีมชาติ และอดีตทีมชาติที่ปัจจุบันไม่ติดแล้วบางคน เช่น จุฑารัตน์, รัศมี, วนิดา จากค่ายบางกอกกล๊าส แต่เนื่องจากผู้เล่นในกีฬาวอลเล่ย์บอลหญิงของไทย มีดีกรีสูงกว่า ฟุตบอลชาย มาก เขาคงจะเลือกผู้เล่นที่เล่นในระดับโลกไปด้วย เพราะฉะนั้นคงเป็นกลุ่มผู้เล่นที่อยู่ในแคมป์ทีมชาติปัจจุบัน ส่วนของวอลเล่ย์บอลหญิงชาติอื่นแทบตัดไปได้เลย เพราะไม่มีผลงานแม้แต่ในระดับเอเชีย เช่นเดียวกับ วอลเล่ย์บอลชาย ถ้าเขาเลือกได้เขาเลือก ผู้เล่นจากอิหร่านมากกว่า
แต่ติดที่ผู้เล่นอิหร่านเงินเดือนที่เล่นในลีกตัวเองสูงพอไหม และมีโอกาสไปเล่นลีกใหญ่กว่า ญี่ปุ่น หรือเปล่าสำหรับวอลเล่ย์บอลชาย อันนี้เขาจะมองชาติที่รองลงมา ซึ่งผู้เล่นวอลเล่ย์บอลชายไทยก็มีโอกาสแต่ก็ยังน้อยมาก ผู้เล่นวอลเล่ย์บอลหญิงเวียดนาม และ วอลเล่ย์บอลชายไทย ไปได้อย่างมากก็ เจทู ถึง เจทรี
2. เป็นผู้เล่นที่ ผู้ชมในอาเซียน + อิหร่าน + กาตาร์ชื่นชอบ และเป็นที่รู้จัก
เทียบกับวอลเล่ย์บอล เพื่อนในห้องวอลเล่ย์บอลลองนึกสิ มีผู้เล่นวอลเล่ย์บอลหญิงไทยคนไหนที่เข้าข่ายนี้ สำหรับผมคงมี 5 เซียนที่เหลือ เพียว แป้น บุ๋มบิ๋ม เตย หรือ แม้แต่ บีม ก็เหอะที่โชว์ฟอร์มระดับโลกไม่น่าประทับใจ
แต่อยู่ในข่ายผู้เล่นที่เป็นที่รู้จัก และ เป็นที่ชื่นชอบในอาเซียน + อิหร่าน + กาตาร์ เพราะ เขาต้องขายการถ่ายทอดลีกญี่ปุ่นมาสู่ประเทศเหล่านี้ ถ้าไม่มีนักกีฬาที่ชื่นชอบหรือรู้จักไปเล่นในลีก ถามว่า ญี่ปุ่น จะขายได้ไหม ผมตอบเลยว่า ไม่ได้ ส่วนผู้เล่นอื่นอย่าง เป็ด, บะหมี่, โสรยา ที่โชว์ฟอร์มใน VNL ล่าสุดได้ดีกว่าผู้เล่นบางคนที่กล่าวอ้าง แต่โอกาสไปก็น้อยกว่า เพราะ ชื่อเสียงของผู้เล่นยังขายไม่ได้ พรพรรณ ก็ยังก่ำกึ่งอยู่ ส่วนวอลเล่ย์บอลชายไทย คงมีแต่ กันตพัฒน์ จิรายุ ยามีน วุฒิชัย สุขศาลา มาวิน อาจได้ไปแต่คงไม่ใช่ เจลีก น่าจะเจทูยังพอมีสิทธิ
3. สโมสรญี่ปุ่น จะเลือกผู้เล่นในโควต้าพันธมิตร เพียง 1 คนต่อ 1 สโมสรเท่านั้น ด้วยนโยบายที่ต้องการกระจายแม่เหล็กดึงดูดให้ไปเชียร์สโมสรต่างๆ ให้มากจำนวนสโมสรที่สุด ไม่กระจุกอยู่แต่สโมสรเดียว
ทางสมาคมญี่ปุ่นจะได้ขายลิขสิทธิทีมที่จะให้ถ่ายได้มากขึ้น ดังนั้นถ้าสโมสรญี่ปุ่น ไหนล็อกตัวต้องการใครไว้แล้ว ก็จะไม่มีทางที่ได้ผู้เล่นคนอื่นไปเพิ่มอีกในสโมสรเดียวกัน ส่งผลให้จังต้องเลือกผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในข้อ 2.
และมันเป็นข้อดีเวลาสโมสรที่ผู้เล่นไทยเจอกันเอง เขาจะขายการตลาดเพิ่มในรูป " Thai battle" เหมือนทีม คอนซาโดเล่ ซัปโปโระ ของเจ ชนาธิป เจอกับ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิมะ ของ ธีรศิลป์ เขาก็เปิดแคมเปญนี้
4. อันนี้ผมไม่ทราบว่า วอลเล่ย์บอลลีกญี่ปุ่นมีทีม U-23 ของสโมสรแข่งในลีกวอลเล่ย์บอลเหมือนฟุตบอลไหม ถ้ามี สโมสรวอลเล่ย์บอลหญิงรีบทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับสโมสรวอลเล่ย์บอลในญี่ปุ่นเลย
เพื่อแลกเปลี่ยนผู้เล่น เราสามารถส่งนักวอลเล่ย์บอลโดยเฉพาะเยาวชนอายุน้อย ที่เล่นทีมชาติในชุดเยาวชน ไปฝึกปรือฝีมือในแคมป์วอลเล่ย์บอลของสโมสรเลย และยังมีสิทธิถ้าโชว์ฟอร์มการซ้อมได้ดี มีสิทธิได้เล่นในลีก เจทรี ของ ญี่ปุ่น ด้วย ซึ่งผมว่าสำหรับวอลเล่ย์บอล เผลอๆแข็งกว่า วอลเล่ย์บอล ไทยลีก เราอีกนะ รับรองเลเวลผู้เล่นเราอัพรัวๆแน่นอน แถมทางสโมสรญี่ปุ่นก็จะส่งผู้เล่นที่ไม่อยู่ข่ายชุดใหญ่เขา มาลงเล่นให้สโมสรในไทยอีก แม้ไม่ได้ระดับท็อปของ ญี่ปุ่น แต่ดีกรีความสามารถคงเหนือกว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ในลีกไทยแน่ๆ สโมสรวอลเล่ย์บอลลีกในไทยก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งมากมาย โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างผู้เล่นสูงด้วย มีแต่ได้กับได้ วิน-วิน ทั้งคู่
พวกอย่างชุด U-18 ชายไทย และ สุภัชชา โมเม วิรัลยุภา ดรีม อารีรักษ์ พวกนี้จะได้ฝึกแบบฉบับญี่ปุ่น และเล่นกับพวกเหนียวๆ เบสิคปึ๊กกันตั้งแต่เด็กเลย คิดดูว่าเป็นผลดีกับทีมชาติไทยในอนาคตแค่ไหน
5. ปีหน้ารับประกันว่า มีกระทู้เชียร์วอลเล่ย์บอลหญิง วีลีก พุดขึ้นมาไม่แพ้กระแสฟุตบอล เจลีก แน่นอน
ทำนายเค้าโครงนักวอลเล่ย์บอลไทยที่จะได้ไปเล่นในลีกญี่ปุ่น โดยใช้โควต้าพันธมิตร เทียบกับ ฟุตบอล ที่เปิดโควต้านี้มาก่อน
เท่าที่ผมสังเกตุการเปิดโควต้าพันธมิตร จากกีฬาฟุตบอลที่เขาเปิดโควต้านี้มาก่อน พอสรุปได้ดังนี้
1. สโมสรญี่ปุ่นจะเลือกผู้เล่นในโควต้า พันธมิตร ที่เขาเซ็นสัญญา จากผลงานในระดับเอเชียและระดับโลก ซึ่งต้องทำผลงานได้ดี พาทีมเข้ารอบต่อไปของฟุตบอลระดับเอเชียให้ได้เป็นอย่างน้อย
เทียบกับวอลเล่ย์บอล นักวอลเล่ย์บอลไทยผ่านคุณสมบัติตรงนี้กันแทบทุกคนที่ติดทีมชาติ และอดีตทีมชาติที่ปัจจุบันไม่ติดแล้วบางคน เช่น จุฑารัตน์, รัศมี, วนิดา จากค่ายบางกอกกล๊าส แต่เนื่องจากผู้เล่นในกีฬาวอลเล่ย์บอลหญิงของไทย มีดีกรีสูงกว่า ฟุตบอลชาย มาก เขาคงจะเลือกผู้เล่นที่เล่นในระดับโลกไปด้วย เพราะฉะนั้นคงเป็นกลุ่มผู้เล่นที่อยู่ในแคมป์ทีมชาติปัจจุบัน ส่วนของวอลเล่ย์บอลหญิงชาติอื่นแทบตัดไปได้เลย เพราะไม่มีผลงานแม้แต่ในระดับเอเชีย เช่นเดียวกับ วอลเล่ย์บอลชาย ถ้าเขาเลือกได้เขาเลือก ผู้เล่นจากอิหร่านมากกว่า แต่ติดที่ผู้เล่นอิหร่านเงินเดือนที่เล่นในลีกตัวเองสูงพอไหม และมีโอกาสไปเล่นลีกใหญ่กว่า ญี่ปุ่น หรือเปล่าสำหรับวอลเล่ย์บอลชาย อันนี้เขาจะมองชาติที่รองลงมา ซึ่งผู้เล่นวอลเล่ย์บอลชายไทยก็มีโอกาสแต่ก็ยังน้อยมาก ผู้เล่นวอลเล่ย์บอลหญิงเวียดนาม และ วอลเล่ย์บอลชายไทย ไปได้อย่างมากก็ เจทู ถึง เจทรี
2. เป็นผู้เล่นที่ ผู้ชมในอาเซียน + อิหร่าน + กาตาร์ชื่นชอบ และเป็นที่รู้จัก
เทียบกับวอลเล่ย์บอล เพื่อนในห้องวอลเล่ย์บอลลองนึกสิ มีผู้เล่นวอลเล่ย์บอลหญิงไทยคนไหนที่เข้าข่ายนี้ สำหรับผมคงมี 5 เซียนที่เหลือ เพียว แป้น บุ๋มบิ๋ม เตย หรือ แม้แต่ บีม ก็เหอะที่โชว์ฟอร์มระดับโลกไม่น่าประทับใจ แต่อยู่ในข่ายผู้เล่นที่เป็นที่รู้จัก และ เป็นที่ชื่นชอบในอาเซียน + อิหร่าน + กาตาร์ เพราะ เขาต้องขายการถ่ายทอดลีกญี่ปุ่นมาสู่ประเทศเหล่านี้ ถ้าไม่มีนักกีฬาที่ชื่นชอบหรือรู้จักไปเล่นในลีก ถามว่า ญี่ปุ่น จะขายได้ไหม ผมตอบเลยว่า ไม่ได้ ส่วนผู้เล่นอื่นอย่าง เป็ด, บะหมี่, โสรยา ที่โชว์ฟอร์มใน VNL ล่าสุดได้ดีกว่าผู้เล่นบางคนที่กล่าวอ้าง แต่โอกาสไปก็น้อยกว่า เพราะ ชื่อเสียงของผู้เล่นยังขายไม่ได้ พรพรรณ ก็ยังก่ำกึ่งอยู่ ส่วนวอลเล่ย์บอลชายไทย คงมีแต่ กันตพัฒน์ จิรายุ ยามีน วุฒิชัย สุขศาลา มาวิน อาจได้ไปแต่คงไม่ใช่ เจลีก น่าจะเจทูยังพอมีสิทธิ
3. สโมสรญี่ปุ่น จะเลือกผู้เล่นในโควต้าพันธมิตร เพียง 1 คนต่อ 1 สโมสรเท่านั้น ด้วยนโยบายที่ต้องการกระจายแม่เหล็กดึงดูดให้ไปเชียร์สโมสรต่างๆ ให้มากจำนวนสโมสรที่สุด ไม่กระจุกอยู่แต่สโมสรเดียว
ทางสมาคมญี่ปุ่นจะได้ขายลิขสิทธิทีมที่จะให้ถ่ายได้มากขึ้น ดังนั้นถ้าสโมสรญี่ปุ่น ไหนล็อกตัวต้องการใครไว้แล้ว ก็จะไม่มีทางที่ได้ผู้เล่นคนอื่นไปเพิ่มอีกในสโมสรเดียวกัน ส่งผลให้จังต้องเลือกผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในข้อ 2. และมันเป็นข้อดีเวลาสโมสรที่ผู้เล่นไทยเจอกันเอง เขาจะขายการตลาดเพิ่มในรูป " Thai battle" เหมือนทีม คอนซาโดเล่ ซัปโปโระ ของเจ ชนาธิป เจอกับ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิมะ ของ ธีรศิลป์ เขาก็เปิดแคมเปญนี้
4. อันนี้ผมไม่ทราบว่า วอลเล่ย์บอลลีกญี่ปุ่นมีทีม U-23 ของสโมสรแข่งในลีกวอลเล่ย์บอลเหมือนฟุตบอลไหม ถ้ามี สโมสรวอลเล่ย์บอลหญิงรีบทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับสโมสรวอลเล่ย์บอลในญี่ปุ่นเลย
เพื่อแลกเปลี่ยนผู้เล่น เราสามารถส่งนักวอลเล่ย์บอลโดยเฉพาะเยาวชนอายุน้อย ที่เล่นทีมชาติในชุดเยาวชน ไปฝึกปรือฝีมือในแคมป์วอลเล่ย์บอลของสโมสรเลย และยังมีสิทธิถ้าโชว์ฟอร์มการซ้อมได้ดี มีสิทธิได้เล่นในลีก เจทรี ของ ญี่ปุ่น ด้วย ซึ่งผมว่าสำหรับวอลเล่ย์บอล เผลอๆแข็งกว่า วอลเล่ย์บอล ไทยลีก เราอีกนะ รับรองเลเวลผู้เล่นเราอัพรัวๆแน่นอน แถมทางสโมสรญี่ปุ่นก็จะส่งผู้เล่นที่ไม่อยู่ข่ายชุดใหญ่เขา มาลงเล่นให้สโมสรในไทยอีก แม้ไม่ได้ระดับท็อปของ ญี่ปุ่น แต่ดีกรีความสามารถคงเหนือกว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ในลีกไทยแน่ๆ สโมสรวอลเล่ย์บอลลีกในไทยก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งมากมาย โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างผู้เล่นสูงด้วย มีแต่ได้กับได้ วิน-วิน ทั้งคู่
พวกอย่างชุด U-18 ชายไทย และ สุภัชชา โมเม วิรัลยุภา ดรีม อารีรักษ์ พวกนี้จะได้ฝึกแบบฉบับญี่ปุ่น และเล่นกับพวกเหนียวๆ เบสิคปึ๊กกันตั้งแต่เด็กเลย คิดดูว่าเป็นผลดีกับทีมชาติไทยในอนาคตแค่ไหน
5. ปีหน้ารับประกันว่า มีกระทู้เชียร์วอลเล่ย์บอลหญิง วีลีก พุดขึ้นมาไม่แพ้กระแสฟุตบอล เจลีก แน่นอน