เห็นกระแสบอลโลก2018 กำลังแรง(นอกจอ)ระหว่างทรูกับเอไอเอส เลยไปสืบค้นหาข้อมูลเก่าๆเพราะจำได้ว่ากรณีนี้คลายๆกับกรณีที่เกิดขึ้นกับRS
โดยผมหยิบยกเนื้อที่สำคัญ แต่อาจจะเป็นภาษากฏหมายไปหน่อยนะครับ
“... ถึงแม้ว่าประกาศ Must Carry จะเป็นการจำกัดสิทธิของผู้ฟ้องคดี (บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด) แต่ก็เป็นการกระทำโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติกฎหมาย และประกาศดังกล่าวดำเนินการโดยไม่เกินกว่าความจำเป็นและไม่กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิของผู้ฟ้องคดี นอกจากนี้ การออกประกาศ Must Carry มีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ กรณีจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า ประกาศ Must Carry ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และผู้ฟ้องคดีมีสิทธิเผยแพร่งานดังกล่าวต่อสาธารณชนได้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งประกาศดังกล่าวมิได้จำกัดสิทธิของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวแต่อย่างใด แต่หากวิธีการหรือช่องทางการเผยแพร่ดังกล่าวมีบทบัญญัติของกฎหมายใดควบคุม ผู้ฟ้องคดีก็ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด คือ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยประกาศ Must Carry มิได้ห้ามมิให้ผู้ฟ้องคดีแสวงหาประโยชน์หรือเผยแพร่ทางโทรทัศน์ทั้งหมดแต่อย่างใด จึงไม่ใช่กรณีที่ประกาศ Must Carry ขัดต่อมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗”
อย่างไรถ้าข้อมูลที่ผมนำมามีความคลาดเคลื่อน หรือไม่จริงรบกวนผู้รู้ช่วยให้ข้อมูลเพิ่มด้วยนะครับ
Link ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
http://www.komchadluek.net/news/sport/186340 
บอลโลก2018 “นอกจอฟัดกันมันส์ 2ค่ายมือถือ” (เทียบเคียงกรณีRS 4 ปีที่แล้ว)
โดยผมหยิบยกเนื้อที่สำคัญ แต่อาจจะเป็นภาษากฏหมายไปหน่อยนะครับ
“... ถึงแม้ว่าประกาศ Must Carry จะเป็นการจำกัดสิทธิของผู้ฟ้องคดี (บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด) แต่ก็เป็นการกระทำโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติกฎหมาย และประกาศดังกล่าวดำเนินการโดยไม่เกินกว่าความจำเป็นและไม่กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิของผู้ฟ้องคดี นอกจากนี้ การออกประกาศ Must Carry มีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ กรณีจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า ประกาศ Must Carry ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และผู้ฟ้องคดีมีสิทธิเผยแพร่งานดังกล่าวต่อสาธารณชนได้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งประกาศดังกล่าวมิได้จำกัดสิทธิของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวแต่อย่างใด แต่หากวิธีการหรือช่องทางการเผยแพร่ดังกล่าวมีบทบัญญัติของกฎหมายใดควบคุม ผู้ฟ้องคดีก็ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด คือ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยประกาศ Must Carry มิได้ห้ามมิให้ผู้ฟ้องคดีแสวงหาประโยชน์หรือเผยแพร่ทางโทรทัศน์ทั้งหมดแต่อย่างใด จึงไม่ใช่กรณีที่ประกาศ Must Carry ขัดต่อมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗”
อย่างไรถ้าข้อมูลที่ผมนำมามีความคลาดเคลื่อน หรือไม่จริงรบกวนผู้รู้ช่วยให้ข้อมูลเพิ่มด้วยนะครับ
Link ข่าวที่เกี่ยวข้อง : http://www.komchadluek.net/news/sport/186340