เรื่องต่อไปนี้ คือความรักซึ้งตรึงใจ รักจริงแท้แน่นอน ซึ่งยากจะหาพบ
ชายคนหนึ่ง กับหญิงคนหนึ่ง เคยรักกัน สัญญาต่อกัน แล้วมีอันต้องจากกันไป
แล้ววันหนึ่ง ทั้งสองมาพบกันใหม่อีกครั้ง เพื่อทำความรักที่เคยมีให้แก่กันให้สมบูรณ์ เป็นรักแท้นิรันดร ไม่มีวันพรากจากกัน
เชิญอ่าน ให้เกรด ตามความประทับใจ และหาตัวคนเขียนกันครับ


“ภูคะ ในที่สุดเราก็ได้ดูแสงแดดแรกของวันที่มีดวงอาทิตย์โผล่ทะเลจริงๆ แล้วนะคะ สวยเหลือเกิน”
เจ้าของเสียงพยายามลุกขึ้นจากเบาะนุ่มหนาบนเตียงใหญ่หรูหราในตัวเรือซึ่งออกแบบเป็นพิเศษ ชะเง้อมองขอบฟ้าจดผิวทะเลไกล ชื่นชมกับดวงตะวันกลมโต โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา บรรยากาศทะเลสดชื่นเหลือเกิน ฟากฟ้าแต่งแต้มแซมประดับสีสันพรรณรายงดงาม พลิ้วไหวยิ่งกว่าฝีแปรงของจิตรกรเอกใด เสียงคลื่นกระทบเรือเป็นจังหวะราวบทเพลงแห่งท้องทะเลไกลประสานใจร้องรับขับขาน แม้ความงดงามนี้จะคงอยู่เพียงช่วงสั้น ๆ แต่เป็นระยะเวลาที่มีความหมาย โดยเฉพาะกับทั้งสอง
“ฟ้า...ความฝันของเราเป็นจริงแล้ว คุณจำได้ไหม ความฝันของเรา”
“ฟ้าจำได้เสมอค่ะ ภูล่ะคะ”
“ผมไม่มีทางลืมอยู่แล้ว ผมมีความสุขเหลือเกิน” มือและปาก เขาหมายความตามนั้นจริง ๆ
“ความฝันของเรา นานแค่ไหนแล้วคะ”
“นานแค่ไหนไม่คำคัญหรอกที่รัก ถ้าท้ายสุดความฝันเป็นจริง มันก็คุ้มค่าที่รอรอคอยไม่ใช่หรือฟ้าที่รัก”
มือแข็งแรงกุมมือของคนข้างกายไว้แน่น หัวใจอิงแอบแนบเกาะเกี่ยวกันผูกพันเกินกว่าจะมีใครมาแยกให้พรากจากกันได้ การรอคอยนานแสนนาน ในที่สุดความฝันก็สานตัวกันเป็นความจริง
“ทะเลสวยอย่างที่ฟ้าเคยคิดเอาไว้จริง ๆ ค่ะ”
นภาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครืออันมาจากความตื้นตันใจ น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา เธอพยายามยกมือขึ้นปาดน้ำตา แต่มือของคนกอดก่ายแนบข้าง ชิงยื่นมาใช้หลังมือเช็ดน้ำตาให้แผ่วเบาเสียก่อนพร้อมกับวงแขนอบอุ่นราวกับจะโอบกอดไว้ตลอดกาล
“บอกรักผมสักคำสิฟ้า”
“ฟ้าเคยบอกภูหลายครั้งแล้วนี่”
“ผมอยากฟังอีก”
“ไม่เบื่อหรือคะ”
“ความรักของผมไม่มีคำว่าเบื่อหรอกฟ้า”
“ฟ้ารักภู” พยางค์สุดท้ายเกือบไม่ทันการ เพราะริมฝีปากใครบางคนมาขัดขวางจังหวะการพูด
“ผมจะพาคุณไปให้ถึงขอบฟ้า พวกเราจะไปด้วยกัน” เขากระซิบข้างหู “ตอนนี้คุณตกลงแต่งงานกับผมได้แล้วนะฟ้า แหวนผมก็เตรียมมาแล้วฟ้าที่รัก”
“ภู....” เสียงขาดหายไปเพราะแรงสะอื้น
ภูผาและนภา มีความฝันความหวังร่วมกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาแล้ว ทั้งสองหนุ่มสาวมาจากต่างจังหวัด ไม่มีใครเคยเห็นทะเลมาก่อน นอกจากในหนังสือหรือทางทีวี ดังนั้นทะเลในความรู้สึกจึงวาดไว้สวยงามบรรเจิดเกินพรรณา แต่สมัยเรียนความฝันของทั้งสองไม่มีโอกาสเป็นจริง กระทั่งเรียนจบ และแยกย้ายกันทำงาน ตามเส้นทางชีวิตของตัวเอง ความฝันความตั้งใจในการใช้ชีวิตร่วมกันดูห่างไกลออกไปตามวันเวลา
เรียนจบ คือจุดพลิกผลันของคู่รักมากมาย ต่อให้รักการมากขนาดไหนก็ตาม มีเพียงจำนวนน้อยจะสมหวัง ความห่างไกลเป็นศัตรูของความรักถ้าไม่มั่นคงพอ
กับบางคน เวลาคือสิ่งรักษาใจและความเจ็บปวดของอารมณ์ แต่ไม่ใช่กับภูผา เขายังคงมีความหวังความฝันมั่นคงเสมอมา คำสัญญาไม่ใช่แค่ลมปาก จนกระทั่งห้าปีหลังเรียนจบ การ์ดแต่งงานก็มาถึงมือของเขา นภาแต่งงานกับหนุ่มนักธุรกิจชื่อดังผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวมาก่อน กับข่าวดีที่ร้ายกาจ ชีวิตจิตใจของชายหนุ่มพังทลายลงทันที คำมั่นสัญญาที่เคยพากันบอกย้ำพร่าเตือนกันเสมอมาสมัยเรียน ถูกคนรักฉีกกระชากขาดไม่มีชิ้นดี
น่าแปลกว่าภูผาไม่ได้คร่ำครวญตีโพยตีพายอะไรมากมาย มีเสียงแววตาที่พยายามกล้ำกลืนความรู้สึกภายในอย่างเต็มที่ แววตาของคนหัวใจกำลังแหลกสลาย ผุพังเป็นผุยผงไม่มีชิ้นดี เขาคงไปร่วมงานแต่งด้วยท่าทางสงบ และยอมรับความจริง ฝืนยิ้มให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวขณะรินรดน้ำสังข์ให้
แต่สัญญายังคงเป็นสัญญา ทั้งสองมีความหวังความฝันงดงามร่วมกัน
“ภูคะ วันหนึ่งเราจะไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นจากน้ำทะลพร้อมกัน”
“รับรองได้เลยฟ้า ผมจะทำความฝันของเราเป็นจริงให้ได้”
ภูผารับคำหนักแน่น แม้ตอนนั้นยังเรียนไม่จบ แต่เขามีแรงขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความรักอันทรงพลัง นั่นเป็นคำมั่นสัญญา และเขาไม่เคยลืมคำสัญญา แม้วันเวลาผ่านไปหลายสิบปีก็ตาม แม้ว่านภาจะแต่งงานไป กระทั่งมีลูกหญิงชายหลายคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีการมีงานทำ แยกย้ายกันออกไปสร้างครอบครัวใหม่ของตัวเอง
แม้จะอยู่ห่างไกลกัน แต่ภูผายังคงติดตามข่าวเรื่องราวของหญิงคนรักอยู่เสมอมา เพียงแต่ไม่ได้แสดงอาการสนใจออกหน้าออกตาเป็นพิเศษ เธอมีเจ้าของแล้ว...นั่นคือเหตุผลสำคัญ แต่เหตุผลนั้นไม่สามารถกางกั้นหัวใจได้ ข่าวร้ายในครอบครัวของนภาเริ่มต้นขึ้นทีละน้อยแต่น่ากลัว สามีของเธอเริ่มทำตัวเลวร้ายมากขึ้นทุกที ทั้งขี้เมาเจ้าชู้ คบผู้หญิงไม่เลือกหน้า จนนำมาสู่การทะเลาะกันนับครั้งไม่ถ้วน และจบลงด้วยการลงมือทำร้ายร่างกาย
สำหรับภูผาแล้ว นั่นเป็นความเจ็บปวดเหลือเกิน เพราะตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือปกป้องอะไรได้ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน นั่นเป็นเรื่องของครอบครัว เขาเป็นคนนอกเท่านั้น เจ็บปวดอย่างไรต้องกล้ำกลืนฝืนทน
และที่ร้ายแรงที่สุด นภาติดโรคร้ายรักษาไม่หายจากผู้เป็นสามี หลังจากนั้นไม่นาน สามีผู้ร้ายกาจก็ชิงลาโลกไปเสียก่อนด้วยโรคร้าย ทิ้งภรรยาผู้โชคร้ายเอาไว้เพียงเดียวดายรอวันตาย
โลกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย คนเลวๆ แบบนั้นน่าจะอยู่ทรมานให้สาสม ภูผาได้แต่คิดในใจ
ตลอดระยะเวลานานนับสิบปีมาแล้ว ผู้คนริมชายหาดแห่งหนึ่งจะเห็นเรือยอร์ชสีขาวสะอาดสวยงามจอดอยู่ท่าเรือห่างไกลจากความพลุกพล่าน บางวันเรือแล่นออกไปในทะเล แต่ส่วนมากจะจอดอยู่ริมฝั่ง พร้อมกับชายผู้ร่ำรวยเจ้าของเรือ ที่ผู้คนมักจะเห็นเขามาเช็ดถูดูแลเรืออย่างทะนุถนอมใส่ใจ ราวกับเป็นของล้ำค่า
“ผมจะพาคนรักของผมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะล”
เขาบอกผู้คนที่สนใจซักถามอย่างนั้นเสมอ บอกตลอดมาในระยะเวลาหลายปี ท่ามกลางความสงสัยของชาวบ้านเพราะพอจะรู้ว่าเจ้าของเรืองามลำนี้ ยังไม่มีครอบครัว ราวกับว่าเขาตั้งใจรออะไรบางอย่าง แม้ว่าการรอคอยนั้นจะเป็นการรอคอยทั้งชีวิตก็ตาม
ภูผานั่งเคียงข้างร่างผอมซูบของคนไข้บนเตียงด้วยสายแสดงความห่วงไยอย่างไม่ปิดบัง นานเท่าไรแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน ? อาจจะสามสิบปี ไม่สิ...อาจจะนานกว่านั้น แม้จะจดจำวันสุดท้ายในการพูดคุยทักทายกันได้ แต่สมองกลับลืมวันลืมคืน บางทีสมองอาจมีการป้องกันตัวเองก็เป็นไปได้
นภา เวลานี้เธอเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จากหญิงสาวน่ารักแจ่มใส กลับกลายเป็นสังขารร่วงโรย แม้ว่าอายุยังไม่ถึงสี่สิบปีด้วยซ้ำไป พายุชีวิตโหมกระหน่ำจนเกินกว่าผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งจะทานทนได้ การตัดใจผิดพลาดครั้งเดียวชักนำเส้นทางชีวิตดำดิ่งลงสู่นรกอย่างไม่อาจถอนตัวกลับ อะไรทำให้สามีคนดีของเธอเปลี่ยนไปแบบไม่น่าเชื่อขนาดนั้น ความรักความผูกพันในสายตาของเขาคืออะไรกันแน่ แต่คำตอบแท้จริงไม่มีทางเป็นไปได้เสียแล้ว
และจุดจบเธอเองก็คงไม่ต่างจากเขาเท่าไร หลังการเสียชีวิตของสามี นภาก็เหมือนซากเรือไร้ราคาถูกลอยแพ ญาติฝ่ายสามีพากันชิงชังรังเกียจ ลูก ๆ ก็ไม่ลนใจมาดูแลผู้เป็นแม่ผู้อ่อนล้าโรยแรง ราวกับต้นไม้ใกล้ฝั่งกำลังจะล้มทลายลงสู่สายน้ำมรณะ
ภูผาก้าวเข้ามาในช่วงนั้นเอง
เขาใช้เวลาอยู่กับเธอนานเท่าที่เป็นไปได้ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ภูผาไม่ได้มีครอบครัว ไม่มีปัญหาเรื่องเวลา ชีวิตผ่านมามีแต่งานและความฝันบางอย่างภายในใจตลอดมา ความฝันที่ไม่เคยดับลับหาย ยังคงลุกโชนตลอดมา เขาเพียงรอวันนี้ รอคอยยังอดทนไม่ว่าจะนานเพียงใดก็ตาม และหลังจากนั้น ขณะเปลวชีวิตเริ่มหรี่แสง ภูเขาใช้ความฉลาดและเงินของเขา หาทางพาคนรักออกมาจากโรงพยาบาล พากันมายังเรือยอร์ชลำงามและสำคัญที่สุดในชีวิตจนได้
ตลอดเวลาการเดินทางออกสู่ทะเลกว้าง เขาดูแลเธออย่างดี ราวกับเป็นนางฟ้านางในฝัน เป็นภรรยาแสนรักสุดหัวใจ โดยไม่รังเกียจโรคร้ายที่กำลังแสดงอาการแต่อย่างใด จนสุดปัญญาที่อีกฝ่ายจะห้ามปรามทัดทานขัดขืน เขามักจะบรรจงจูบริมฝีปากแห้งฝากด้วยความรักความดูดดื่ม เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะปฏิบัติต่อคนรักของตัวเองได้
ท้องฟ้ากระจ่างสดใส สายลมพัดพลิ้ว หัวใจอบอวลไปด้วยอ้อมกอดของรัก
“คุณรับปากแต่งงานกับผมแล้วนะฟ้า”
นภาพยักหน้าตอบรับ
เพิ่งเข้าใจในช่วงเวลานี้เอง ว่าความรักคืออะไร ที่ผ่านมาเธอคิดว่าเธอรู้จักมันพอจึงยอมแต่งงาน แต่เส้นทางที่เลือกเป็นเส้นทางแห่งความเจ็บปวด ชีวิตสอนให้รู้ว่าสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นความรัก ยังห่างไกลกับความรักที่เธอเพิ่งได้รับจากแฟนเก่าผู้จากห่างหายไปนานแสนนาน และตอนนี้ความฝันของทั้งสองเป็นจริง การแต่งงานกันกลางทะเลในอรุณรุ่งแห่งดวงตะวันโผล่ฟากฟ้ามาเป็นพยาน
“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ฟ้า ผมจะรักคุณตลอดไป ความฝันของผมเป็นจริง ความฝันของคุณล่ะ ฟ้าที่รัก...ก็เป็นจริงใช่ไหม”
“ฟ้ารักภู..” คำตอบไม่ตรงตาม แต่ความหมายชัดเจนไม่ต่างกัน
“ผมทำทุกอย่างเพื่อวันนี้ อยากฟังคุณพูดบอกรักแบบนี้กี่ครั้ง...กี่ครั้ง... ก็ไม่เบื่อ บอกผมอีกสักครั้งสิครับคนดี”
“ฟ้ารักภู”
“ภูก็รักฟ้า” เขาจดริมฝีปากลงจูบละมุน น่ำตาเริ่มเอ่อ
“ฟ้า...รัก.....”
พยางค์สุดท้ายแผ่วล้าและจางหายใป พร้อมกับลมหายใจขาดห้วง แม้ริมฝีปากยังมีรอยยิ้มแห่งความสุขครั้งสุดท้าย น้ำตาของลูกชายที่สะกดไว้ร่วงพรูทันที มือโอบกอดแน่น ไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป
“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร ที่รัก” เขากระซิบข้างหู มือลูบไล้เรือนผมยาวอย่างทะนุถนอม “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ผมจะตามไปหาคุณจนเจอ ผมรู้...ตอนนี้คุณกำลังบอกรักผมอยู่ในหัวใจของผมนี่เอง ที่รัก คุณไม่ได้หายไปไหน คุณจะอยู่กับผมเสมอ”
เนิ่นนาน ภูผาค่อยลุกขึ้น ห่มผ้าให้คนรักเพื่อกันลมและแสงแดดที่เริ่มร้อนมากขึ้นทุกที สีสันพรรณรายบนฟากฟ้าค่อยแปรผันเลือนหายไปเป็นสีฟ้าคราม เขาทำใจได้ว่า ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน บางทีความเจ็บปวดหัวใจมันอยู่นอกเหนือเหตุผล อย่างไรก็ตามเขาได้มีช่วงชีวิตที่แสนงดงาม ฝันที่เป็นจริง แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แลกกับการรอคอยมาทั้งชีวิต แต่ช่วงเวลาไม่สำคัญเท่าความหมายของการได้อยู่ร่วมกัน ความงดงามสว่างวูบเดียวบางครั้ง ทรงคุณค่าประทับอยู่ในความทรงจำลึกล้ำมากกว่าวันเวลาที่ไหลเลื่อนไปอย่างไร้ความหมาย
“เราจะไปสุดขอบฟ้าด้วยกันนะฟ้าที่รัก ... เวลาของพวกเรา”
เขามองดูนาฬิกา มือเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำวางอยู่บริเวณโต๊ะไม้ข้างเตียง ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแล้ว ก่อนสอดตัวเข้าไปนอนอิงแอบแนบคนรักใต้ผ้าห่ม อ้อมกอดนี้จะไม่มีวันคลายออก ต่อไปจะเป็นเวลาแห่งรักครั้งสุดท้าย ที่ภูผาและฟ้าจะได้อยู่กันตลอดไปตราบใดที่เรือยังไม่บุบสลายผุพัง เครื่องยนตร์ถูกตั้งให้ทำงานในระดับต่ำ เพื่อจะได้ซึมซับระยะทางไปยังขอบฟ้าทะเลฝันอย่างไม่รีบร้อน
ยาพิษในแก้วน้ำ จะทำให้เขาหลับตาเคียงข้างคนรักอย่างสงบ และมั่นใจว่า จะไม่มีวันตื่นขึ้นมา พบกับโลกอันโหดร้ายต่อความรู้สึกอย่างแน่นอน ทั้งสองจะไม่พรากจากกันอีก
ภูผากับนภา เมื่อรักกันแล้ว ..จะ... ต้องรักกัน... จะ.... อยู่........ ด้วย.......... กัน................ ตลอด ไป ..........................

***
รายชื่อ อาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไขเพิ่มเติม ได้ทุกเมื่อ ^^
***
จะเฉลยถุงมือนี้ใน วันที่ 13 กรกฎาคม 2561 ภาพปริศนาจะวาง วันที่ 11 ครับ ***
💨🐤💨THE WEEKLY GLOVES ไตรมาสสุดท้าย วีคที่ 28 เรื่องสั้น#58 "คนที่รอคอย" โดย ถุงมือ "ฟากฟ้าทะเลฝัน"💨🐤💨
เรื่องต่อไปนี้ คือความรักซึ้งตรึงใจ รักจริงแท้แน่นอน ซึ่งยากจะหาพบ
ชายคนหนึ่ง กับหญิงคนหนึ่ง เคยรักกัน สัญญาต่อกัน แล้วมีอันต้องจากกันไป
แล้ววันหนึ่ง ทั้งสองมาพบกันใหม่อีกครั้ง เพื่อทำความรักที่เคยมีให้แก่กันให้สมบูรณ์ เป็นรักแท้นิรันดร ไม่มีวันพรากจากกัน
เชิญอ่าน ให้เกรด ตามความประทับใจ และหาตัวคนเขียนกันครับ
“ภูคะ ในที่สุดเราก็ได้ดูแสงแดดแรกของวันที่มีดวงอาทิตย์โผล่ทะเลจริงๆ แล้วนะคะ สวยเหลือเกิน”
เจ้าของเสียงพยายามลุกขึ้นจากเบาะนุ่มหนาบนเตียงใหญ่หรูหราในตัวเรือซึ่งออกแบบเป็นพิเศษ ชะเง้อมองขอบฟ้าจดผิวทะเลไกล ชื่นชมกับดวงตะวันกลมโต โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา บรรยากาศทะเลสดชื่นเหลือเกิน ฟากฟ้าแต่งแต้มแซมประดับสีสันพรรณรายงดงาม พลิ้วไหวยิ่งกว่าฝีแปรงของจิตรกรเอกใด เสียงคลื่นกระทบเรือเป็นจังหวะราวบทเพลงแห่งท้องทะเลไกลประสานใจร้องรับขับขาน แม้ความงดงามนี้จะคงอยู่เพียงช่วงสั้น ๆ แต่เป็นระยะเวลาที่มีความหมาย โดยเฉพาะกับทั้งสอง
“ฟ้า...ความฝันของเราเป็นจริงแล้ว คุณจำได้ไหม ความฝันของเรา”
“ฟ้าจำได้เสมอค่ะ ภูล่ะคะ”
“ผมไม่มีทางลืมอยู่แล้ว ผมมีความสุขเหลือเกิน” มือและปาก เขาหมายความตามนั้นจริง ๆ
“ความฝันของเรา นานแค่ไหนแล้วคะ”
“นานแค่ไหนไม่คำคัญหรอกที่รัก ถ้าท้ายสุดความฝันเป็นจริง มันก็คุ้มค่าที่รอรอคอยไม่ใช่หรือฟ้าที่รัก”
มือแข็งแรงกุมมือของคนข้างกายไว้แน่น หัวใจอิงแอบแนบเกาะเกี่ยวกันผูกพันเกินกว่าจะมีใครมาแยกให้พรากจากกันได้ การรอคอยนานแสนนาน ในที่สุดความฝันก็สานตัวกันเป็นความจริง
“ทะเลสวยอย่างที่ฟ้าเคยคิดเอาไว้จริง ๆ ค่ะ”
นภาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครืออันมาจากความตื้นตันใจ น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา เธอพยายามยกมือขึ้นปาดน้ำตา แต่มือของคนกอดก่ายแนบข้าง ชิงยื่นมาใช้หลังมือเช็ดน้ำตาให้แผ่วเบาเสียก่อนพร้อมกับวงแขนอบอุ่นราวกับจะโอบกอดไว้ตลอดกาล
“บอกรักผมสักคำสิฟ้า”
“ฟ้าเคยบอกภูหลายครั้งแล้วนี่”
“ผมอยากฟังอีก”
“ไม่เบื่อหรือคะ”
“ความรักของผมไม่มีคำว่าเบื่อหรอกฟ้า”
“ฟ้ารักภู” พยางค์สุดท้ายเกือบไม่ทันการ เพราะริมฝีปากใครบางคนมาขัดขวางจังหวะการพูด
“ผมจะพาคุณไปให้ถึงขอบฟ้า พวกเราจะไปด้วยกัน” เขากระซิบข้างหู “ตอนนี้คุณตกลงแต่งงานกับผมได้แล้วนะฟ้า แหวนผมก็เตรียมมาแล้วฟ้าที่รัก”
“ภู....” เสียงขาดหายไปเพราะแรงสะอื้น
ภูผาและนภา มีความฝันความหวังร่วมกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาแล้ว ทั้งสองหนุ่มสาวมาจากต่างจังหวัด ไม่มีใครเคยเห็นทะเลมาก่อน นอกจากในหนังสือหรือทางทีวี ดังนั้นทะเลในความรู้สึกจึงวาดไว้สวยงามบรรเจิดเกินพรรณา แต่สมัยเรียนความฝันของทั้งสองไม่มีโอกาสเป็นจริง กระทั่งเรียนจบ และแยกย้ายกันทำงาน ตามเส้นทางชีวิตของตัวเอง ความฝันความตั้งใจในการใช้ชีวิตร่วมกันดูห่างไกลออกไปตามวันเวลา
เรียนจบ คือจุดพลิกผลันของคู่รักมากมาย ต่อให้รักการมากขนาดไหนก็ตาม มีเพียงจำนวนน้อยจะสมหวัง ความห่างไกลเป็นศัตรูของความรักถ้าไม่มั่นคงพอ
กับบางคน เวลาคือสิ่งรักษาใจและความเจ็บปวดของอารมณ์ แต่ไม่ใช่กับภูผา เขายังคงมีความหวังความฝันมั่นคงเสมอมา คำสัญญาไม่ใช่แค่ลมปาก จนกระทั่งห้าปีหลังเรียนจบ การ์ดแต่งงานก็มาถึงมือของเขา นภาแต่งงานกับหนุ่มนักธุรกิจชื่อดังผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวมาก่อน กับข่าวดีที่ร้ายกาจ ชีวิตจิตใจของชายหนุ่มพังทลายลงทันที คำมั่นสัญญาที่เคยพากันบอกย้ำพร่าเตือนกันเสมอมาสมัยเรียน ถูกคนรักฉีกกระชากขาดไม่มีชิ้นดี
น่าแปลกว่าภูผาไม่ได้คร่ำครวญตีโพยตีพายอะไรมากมาย มีเสียงแววตาที่พยายามกล้ำกลืนความรู้สึกภายในอย่างเต็มที่ แววตาของคนหัวใจกำลังแหลกสลาย ผุพังเป็นผุยผงไม่มีชิ้นดี เขาคงไปร่วมงานแต่งด้วยท่าทางสงบ และยอมรับความจริง ฝืนยิ้มให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวขณะรินรดน้ำสังข์ให้
แต่สัญญายังคงเป็นสัญญา ทั้งสองมีความหวังความฝันงดงามร่วมกัน
“ภูคะ วันหนึ่งเราจะไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นจากน้ำทะลพร้อมกัน”
“รับรองได้เลยฟ้า ผมจะทำความฝันของเราเป็นจริงให้ได้”
ภูผารับคำหนักแน่น แม้ตอนนั้นยังเรียนไม่จบ แต่เขามีแรงขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความรักอันทรงพลัง นั่นเป็นคำมั่นสัญญา และเขาไม่เคยลืมคำสัญญา แม้วันเวลาผ่านไปหลายสิบปีก็ตาม แม้ว่านภาจะแต่งงานไป กระทั่งมีลูกหญิงชายหลายคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีการมีงานทำ แยกย้ายกันออกไปสร้างครอบครัวใหม่ของตัวเอง
แม้จะอยู่ห่างไกลกัน แต่ภูผายังคงติดตามข่าวเรื่องราวของหญิงคนรักอยู่เสมอมา เพียงแต่ไม่ได้แสดงอาการสนใจออกหน้าออกตาเป็นพิเศษ เธอมีเจ้าของแล้ว...นั่นคือเหตุผลสำคัญ แต่เหตุผลนั้นไม่สามารถกางกั้นหัวใจได้ ข่าวร้ายในครอบครัวของนภาเริ่มต้นขึ้นทีละน้อยแต่น่ากลัว สามีของเธอเริ่มทำตัวเลวร้ายมากขึ้นทุกที ทั้งขี้เมาเจ้าชู้ คบผู้หญิงไม่เลือกหน้า จนนำมาสู่การทะเลาะกันนับครั้งไม่ถ้วน และจบลงด้วยการลงมือทำร้ายร่างกาย
สำหรับภูผาแล้ว นั่นเป็นความเจ็บปวดเหลือเกิน เพราะตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือปกป้องอะไรได้ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน นั่นเป็นเรื่องของครอบครัว เขาเป็นคนนอกเท่านั้น เจ็บปวดอย่างไรต้องกล้ำกลืนฝืนทน
และที่ร้ายแรงที่สุด นภาติดโรคร้ายรักษาไม่หายจากผู้เป็นสามี หลังจากนั้นไม่นาน สามีผู้ร้ายกาจก็ชิงลาโลกไปเสียก่อนด้วยโรคร้าย ทิ้งภรรยาผู้โชคร้ายเอาไว้เพียงเดียวดายรอวันตาย โลกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย คนเลวๆ แบบนั้นน่าจะอยู่ทรมานให้สาสม ภูผาได้แต่คิดในใจ
ตลอดระยะเวลานานนับสิบปีมาแล้ว ผู้คนริมชายหาดแห่งหนึ่งจะเห็นเรือยอร์ชสีขาวสะอาดสวยงามจอดอยู่ท่าเรือห่างไกลจากความพลุกพล่าน บางวันเรือแล่นออกไปในทะเล แต่ส่วนมากจะจอดอยู่ริมฝั่ง พร้อมกับชายผู้ร่ำรวยเจ้าของเรือ ที่ผู้คนมักจะเห็นเขามาเช็ดถูดูแลเรืออย่างทะนุถนอมใส่ใจ ราวกับเป็นของล้ำค่า
“ผมจะพาคนรักของผมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะล”
เขาบอกผู้คนที่สนใจซักถามอย่างนั้นเสมอ บอกตลอดมาในระยะเวลาหลายปี ท่ามกลางความสงสัยของชาวบ้านเพราะพอจะรู้ว่าเจ้าของเรืองามลำนี้ ยังไม่มีครอบครัว ราวกับว่าเขาตั้งใจรออะไรบางอย่าง แม้ว่าการรอคอยนั้นจะเป็นการรอคอยทั้งชีวิตก็ตาม
ภูผานั่งเคียงข้างร่างผอมซูบของคนไข้บนเตียงด้วยสายแสดงความห่วงไยอย่างไม่ปิดบัง นานเท่าไรแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน ? อาจจะสามสิบปี ไม่สิ...อาจจะนานกว่านั้น แม้จะจดจำวันสุดท้ายในการพูดคุยทักทายกันได้ แต่สมองกลับลืมวันลืมคืน บางทีสมองอาจมีการป้องกันตัวเองก็เป็นไปได้
นภา เวลานี้เธอเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จากหญิงสาวน่ารักแจ่มใส กลับกลายเป็นสังขารร่วงโรย แม้ว่าอายุยังไม่ถึงสี่สิบปีด้วยซ้ำไป พายุชีวิตโหมกระหน่ำจนเกินกว่าผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งจะทานทนได้ การตัดใจผิดพลาดครั้งเดียวชักนำเส้นทางชีวิตดำดิ่งลงสู่นรกอย่างไม่อาจถอนตัวกลับ อะไรทำให้สามีคนดีของเธอเปลี่ยนไปแบบไม่น่าเชื่อขนาดนั้น ความรักความผูกพันในสายตาของเขาคืออะไรกันแน่ แต่คำตอบแท้จริงไม่มีทางเป็นไปได้เสียแล้ว
และจุดจบเธอเองก็คงไม่ต่างจากเขาเท่าไร หลังการเสียชีวิตของสามี นภาก็เหมือนซากเรือไร้ราคาถูกลอยแพ ญาติฝ่ายสามีพากันชิงชังรังเกียจ ลูก ๆ ก็ไม่ลนใจมาดูแลผู้เป็นแม่ผู้อ่อนล้าโรยแรง ราวกับต้นไม้ใกล้ฝั่งกำลังจะล้มทลายลงสู่สายน้ำมรณะ
ภูผาก้าวเข้ามาในช่วงนั้นเอง
เขาใช้เวลาอยู่กับเธอนานเท่าที่เป็นไปได้ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ภูผาไม่ได้มีครอบครัว ไม่มีปัญหาเรื่องเวลา ชีวิตผ่านมามีแต่งานและความฝันบางอย่างภายในใจตลอดมา ความฝันที่ไม่เคยดับลับหาย ยังคงลุกโชนตลอดมา เขาเพียงรอวันนี้ รอคอยยังอดทนไม่ว่าจะนานเพียงใดก็ตาม และหลังจากนั้น ขณะเปลวชีวิตเริ่มหรี่แสง ภูเขาใช้ความฉลาดและเงินของเขา หาทางพาคนรักออกมาจากโรงพยาบาล พากันมายังเรือยอร์ชลำงามและสำคัญที่สุดในชีวิตจนได้
ตลอดเวลาการเดินทางออกสู่ทะเลกว้าง เขาดูแลเธออย่างดี ราวกับเป็นนางฟ้านางในฝัน เป็นภรรยาแสนรักสุดหัวใจ โดยไม่รังเกียจโรคร้ายที่กำลังแสดงอาการแต่อย่างใด จนสุดปัญญาที่อีกฝ่ายจะห้ามปรามทัดทานขัดขืน เขามักจะบรรจงจูบริมฝีปากแห้งฝากด้วยความรักความดูดดื่ม เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะปฏิบัติต่อคนรักของตัวเองได้
ท้องฟ้ากระจ่างสดใส สายลมพัดพลิ้ว หัวใจอบอวลไปด้วยอ้อมกอดของรัก
“คุณรับปากแต่งงานกับผมแล้วนะฟ้า”
นภาพยักหน้าตอบรับ เพิ่งเข้าใจในช่วงเวลานี้เอง ว่าความรักคืออะไร ที่ผ่านมาเธอคิดว่าเธอรู้จักมันพอจึงยอมแต่งงาน แต่เส้นทางที่เลือกเป็นเส้นทางแห่งความเจ็บปวด ชีวิตสอนให้รู้ว่าสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นความรัก ยังห่างไกลกับความรักที่เธอเพิ่งได้รับจากแฟนเก่าผู้จากห่างหายไปนานแสนนาน และตอนนี้ความฝันของทั้งสองเป็นจริง การแต่งงานกันกลางทะเลในอรุณรุ่งแห่งดวงตะวันโผล่ฟากฟ้ามาเป็นพยาน
“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ฟ้า ผมจะรักคุณตลอดไป ความฝันของผมเป็นจริง ความฝันของคุณล่ะ ฟ้าที่รัก...ก็เป็นจริงใช่ไหม”
“ฟ้ารักภู..” คำตอบไม่ตรงตาม แต่ความหมายชัดเจนไม่ต่างกัน
“ผมทำทุกอย่างเพื่อวันนี้ อยากฟังคุณพูดบอกรักแบบนี้กี่ครั้ง...กี่ครั้ง... ก็ไม่เบื่อ บอกผมอีกสักครั้งสิครับคนดี”
“ฟ้ารักภู”
“ภูก็รักฟ้า” เขาจดริมฝีปากลงจูบละมุน น่ำตาเริ่มเอ่อ
“ฟ้า...รัก.....”
พยางค์สุดท้ายแผ่วล้าและจางหายใป พร้อมกับลมหายใจขาดห้วง แม้ริมฝีปากยังมีรอยยิ้มแห่งความสุขครั้งสุดท้าย น้ำตาของลูกชายที่สะกดไว้ร่วงพรูทันที มือโอบกอดแน่น ไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป
“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร ที่รัก” เขากระซิบข้างหู มือลูบไล้เรือนผมยาวอย่างทะนุถนอม “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ผมจะตามไปหาคุณจนเจอ ผมรู้...ตอนนี้คุณกำลังบอกรักผมอยู่ในหัวใจของผมนี่เอง ที่รัก คุณไม่ได้หายไปไหน คุณจะอยู่กับผมเสมอ”
เนิ่นนาน ภูผาค่อยลุกขึ้น ห่มผ้าให้คนรักเพื่อกันลมและแสงแดดที่เริ่มร้อนมากขึ้นทุกที สีสันพรรณรายบนฟากฟ้าค่อยแปรผันเลือนหายไปเป็นสีฟ้าคราม เขาทำใจได้ว่า ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน บางทีความเจ็บปวดหัวใจมันอยู่นอกเหนือเหตุผล อย่างไรก็ตามเขาได้มีช่วงชีวิตที่แสนงดงาม ฝันที่เป็นจริง แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แลกกับการรอคอยมาทั้งชีวิต แต่ช่วงเวลาไม่สำคัญเท่าความหมายของการได้อยู่ร่วมกัน ความงดงามสว่างวูบเดียวบางครั้ง ทรงคุณค่าประทับอยู่ในความทรงจำลึกล้ำมากกว่าวันเวลาที่ไหลเลื่อนไปอย่างไร้ความหมาย
“เราจะไปสุดขอบฟ้าด้วยกันนะฟ้าที่รัก ... เวลาของพวกเรา”
เขามองดูนาฬิกา มือเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำวางอยู่บริเวณโต๊ะไม้ข้างเตียง ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแล้ว ก่อนสอดตัวเข้าไปนอนอิงแอบแนบคนรักใต้ผ้าห่ม อ้อมกอดนี้จะไม่มีวันคลายออก ต่อไปจะเป็นเวลาแห่งรักครั้งสุดท้าย ที่ภูผาและฟ้าจะได้อยู่กันตลอดไปตราบใดที่เรือยังไม่บุบสลายผุพัง เครื่องยนตร์ถูกตั้งให้ทำงานในระดับต่ำ เพื่อจะได้ซึมซับระยะทางไปยังขอบฟ้าทะเลฝันอย่างไม่รีบร้อน
ยาพิษในแก้วน้ำ จะทำให้เขาหลับตาเคียงข้างคนรักอย่างสงบ และมั่นใจว่า จะไม่มีวันตื่นขึ้นมา พบกับโลกอันโหดร้ายต่อความรู้สึกอย่างแน่นอน ทั้งสองจะไม่พรากจากกันอีก
ภูผากับนภา เมื่อรักกันแล้ว ..จะ... ต้องรักกัน... จะ.... อยู่........ ด้วย.......... กัน................ ตลอด ไป ..........................
ถุงมือ ฟากฟ้าทะเลฝัน
*** รายชื่อ อาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไขเพิ่มเติม ได้ทุกเมื่อ ^^
*** จะเฉลยถุงมือนี้ใน วันที่ 13 กรกฎาคม 2561 ภาพปริศนาจะวาง วันที่ 11 ครับ ***