ถัดจาก 13 ทีมหมูป่าที่ยังติดอยู่ และ 1 ศพ ของวีรบุรุษซีล คราวนี้ มาแบบใหญ่กว่ามาก คือ กรณีเรือล่ม ที่ภูเก็ตมี 1 เรือท่องเที่ยว 1 เรือยอชต์ 1 เจ็ตสกี ส่วนสาเหตุ ไม่ต่างจากกรณีทีมหมูป่าเลย คือ เป็นเรื่องของภูมิอากาศกับการท่องเที่ยวอีกแล้ว เที่ยวในฤดูมรสุม ซึ่งคาดว่าต่อไปคงจะมี ตายอีกไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ไทยยังคงกล้า ท้าทาย หยอกล้อ ล้อเล่น กับธรรมชาติต่อไป จากกรณีดังกล่าวมีผู้เสียหายและผู้เสียชีวิต(ไม่เรียกว่าผู้โชคร้ายเพราะเป็นเรื่องที่ป้องกันได้) รวมร้อยกว่าคน สูญหายอีกหลายสิบ จากเรือ 3 ลำ เชื่อเถอะ ยังไม่หมดฤดูฝน คงมีอีกหลายลำในอนาคต และปีต่อไป อีกนาน จำนวน นทท.ในเรือมากเกินหรือไม่??? เรือบรรทุกเกินพิกัดหรือเปล่า??? ส่วนปัญหาเรือชูชีพที่มีไม่พอ คงไม่ได้ต่างอะไรกับสมัยเรือไททานิก เมื่อ 106 ปีที่แล้ว ผ่านมาร้อยกว่าปี ก็เหมือนเดิม เรือลำใหญ่ล่ม แต่เรือชูชีพไม่พอ และเรือชูชีพคลื่นซัดไม่ล่ม??? เรือชูชีพน่าจะปลอดภัยกว่า? หรือเรือประมงที่มาช่วยยังน่าจะปลอดภัยกว่าเรือที่ขนนักท่องเที่ยวอีก? และเรือที่ล่ม เป็นเรือที่ใช้พา นทท. ไป ดำน้ำ??? แต่กระผมมีข้อสงสัย กรณี นทท. ที่เสียชีวิตครับ ทุกรายสวมใส่ชูชีพ ทำไมถึงตายมากมายขนาดนั้น ลอยตายเกลื่อน หรือเกาะกลุ่มตายทั้งครอบครัว ดูแล้วอนาถ นสพ.ก็บอกว่า ประเด็นอยู่ที่สายรัดเป้าซึ่ง นทท. ไม่ได้รัด จึงจมน้ำ??? ตอนที่ไปกู้ศพสรุปตายเพราะไม่ได้รัดสายที่ว่านี้หรือเปล่า สภาพศพไม่ได้รัดสายรัดเป้าที่ว่านี้ใช่หรือไม่ กระผมเข้าใจแม้ใส่เสื้อชูชีพถูกต้องแต่ก็ยังไม่ปลอดภัย 100% แต่มันไม่ควรจะตายมากมายขนาดนี้ หรือว่าเป็นปัญหาที่ใด ตัวเสื้อ หรือ ต้องหัดใช้เสื้อชูชีพให้ชำนาญก่อนก้าวขึ้นเรือ หรือใช้ห่วงยางด้วย อย่าถามถึงเรือชูชีพเลยครับมันคงไม่พออีกนานนน ขอความเห็นด้วยครับ
กรณี 33 ศพนักท่องเที่ยว