
สวัสดีค่ะ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.61 ได้มีโอกาสไปเที่ยวลพบุรีแล้วรู้สึกประทับใจ วันนี้เลยขอมารีวิวความประทับใจนี้ให้กับทุกคนค่ะ เริ่มจากความตั้งใจที่จะไปเที่ยวตามรอยละครบุพเพสันนิวาส ก็เริ่มหาข้อมูลดูเส้นทาง หาร้านอาหาร มีตั้งกระทู้ถามข้อมูลต่างๆทางพันธุ์ทิพย์บ้าง ได้ข้อมูลเรียบร้อยพร้อมมากๆ ณ จุดนี้
มาถึงวันเดินทาง เรากับสามีออกจากกรุงเทพประมาณ 6 โมงเช้า แวะกินข้าวเช้าแถวถนนกาญจนา อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าไปลพบุรีกันเลย ขับไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน แวะเข้าปั้มตลอดทางตามประสาชิ้งฉ่องทัวร์ 5555 จากกรุงเทพไปถึงลพบุรีประมาณ 150 กม. จุดแรกที่เราจะไปคือพระนารายณ์ราชนิเวศน์ แต่ก่อนจะถึงนั้นเราต้องเปลี่ยนชุดซะหน่อยเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ นั้นก็คือชุดไทย ชุดไทยชุดเดียวเที่ยวไปทุกที่ ตั้งแต่ตลาดบ้านระจัน งานอุ่นไอรัก อยุธยา มาจนถึงละโว้ 5555 วันนี้เราเลือกใส่เป็นผ้านุ่งจีบหน้านาง ซึ่งเป็นแบบประหยัด ซื้อผ้ามา 2 เมตร นุ่งเองแบบง่ายๆ แต่ดันลืมเข็มขัดมา แม่เจ้าาาาาาาาา เศร้ามาก ก็ก่ะว่าจะใส่ไปทั้งๆที่ไม่มีเข็มขัดนิแหละ
ขับมาถึงที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ก็วนหาที่จอดรถ รอบๆกำแพงวังนิแหละ สุดท้ายก็เจอที่จอดรถตรงถนนพระเพทราชา ต้องบอกว่าชอบชื่อถนนที่นี้มากๆเลย มีทั้งถนนสรศักดิ์ ถนนพระเพทราชา ถนนพระนารายณ์มหาราช ถนนวิชาเยนทร์ ถนนพระโหราธิบดี เหมือนเรามีท่านทั้งหลายอยู่ล้อมรอบตัวเราเลยอ่ะ

จากถนนพระเพทราชาก็เดินเลี้ยวซ้ายไปทางถนนสรศักดิ์ ประตูทางเข้าจะอยู่ที่ถนนนี้ วันที่เราไปมีจัดงานตลาดย้อนยุคอยู่ด้วย มีอาหารมีน้ำดื่ม การแสดงมากมาย เราเจอร้านขายเครื่องประดับชุดไทย ก่ะว่าจะไปซื้อเข็มขัดสักอัน เราก็ยืนบ่นๆว่าไม่น่าลืมเข็มขัดเลย เสียดายต้องมาซื้อ ป้าเจ้าของร้านใจดีมาก อุส่าห์บอกเราว่าที่ทางเข้ามีซุ้มให้ยืมชุดไทยใส่นะ ลองเข้าไปดูตรงนั้นก่อนมั้ย เราแบบอึ้งอ่ะ ถ้าป้าไม่บอกป้าก็จะขายของได้แล้วอ่ะ แต่ป้าก็มีน้ำใจอุส่าห์บอกเรา ประทับใจป้าเลย ก็เลยขออนุญาติป้าไปดูที่ซุ้มก่อน พอไปถึงก็จ่ายค่าผ่านประตูแล้วถามเจ้าหน้าที่ว่าซุ้มยืมชุดไทยอยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่ก็บอกทางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า เดินตรงไปที่ซุ้มขาวๆนั้นเลยค่ะ และนี้คือหน้าซุ้มที่ว่า อิ อิ ขอแวะถ่ายรูปก่ะคุณพี่และแม่นายสักนิดนึง

เข้ามาด้านในก็จะมีชุดไทยให้เลือกหลายแบบ ทั้งชายหญิง และก็มีเครื่องประดับพร้อม แต่ต้องบอกว่ามันก็ตามสภาพของฟรีเนอะ ก็จะเก่าๆหน่อย ในซุ้มจะมีเจ้าหน้าที่ค่อยแนะนำและช่วยแต่งตัวให้ เราก็หยิบเข็มขัด กำไล สังวาลย์ เอาเท่านี้พอ การยืมก็ง่ายๆแค่มีบัตรประชาชนใบเดียวก็ยืมได้แล้ว แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จก็พร้อมเดินชมพระนารายณ์ราชนิเวศน์แล้วค่ะ

ในรูปจะเป็นหมู่ตึกพระคลังศุภรัตน์หรือหมู่ตึกสิบสองท้องพระคลัง อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก สันนิษฐานว่าใช้เป็นสถานที่เก็บทรัพย์สมบัติหรือเก็บของในสมัยนั้น
มาต่อกันที่พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลาง เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกรับคณะราชทูต เป็นศิลปะผสมผสานระหว่างไทยกับฝรั่งเศส สังเกตุดได้จากประตูหน้าต่างทรงแหลมแบบฝรั่งเศส ภายในมีรูปหล่อ(เรียกผิดขออภัย)องค์สมเด็จพระนารายณ์ให้ผู้คนได้กราบไหว้อีกด้วย

จากจุดนี้มองไปทางซ้ายจะเป็นพระที่นั่งพิมานมงกุฎ สร้างขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นส่วนจัดแสดงโบราณวัตถุที่พบจากการขุดค้นที่แหล่งโบราณคดี ในจังหวัดลพบุรี จุดนี้เราไม่ได้ถ่ายด้านนอกมา เนื่องจากอากาศร้อนมาก ต้องการเข้าไปข้างในด่วน แหะๆ ส่วนด้านในก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ


เราชอบชั้น 3 ที่สุด ชั้น 3 แต่เดิมเป็นห้องบรรทมของรัชกาลที่ 4 ในส่วนจึงมีอุปกรณ์ต่างๆ ร่วมถึงของใช้ของพระองค์ให้ได้ชม ชอมมากคือนาฬิกาพระอาทิตย์ ตอนที่เราไปมีคณะนักเรียนเข้าชมอยู่มีคุณครูค่อยแนะนำและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้เด็กฟัง เราก็เลยพลอยได้ความรู้ไปด้วย 555
ออกจากพิพิธภัณฑ์ ก็เดินกลับไปทางท้องพระโรง เดินเลยท้องพระโรงไปจะเป็นเขตพระราชฐานชั้นใน เข้าไปปุ๊บก็จะเจอพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นพระที่นั่งที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเป็นสถานที่ที่พระองค์เสด็จสวรรคตค่ะ .... บริเวณแถวนี้ ร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ รู้สึกสดชื่นมากๆเลยค่ะ




หลังจากที่ชมเขตพระราชฐานชั้นในเสร็จแล้ว ก็ให้นึกสงสัยว่าตึกพระเจ้าเหาอยู่ตรงไหน เปิดดูแผ่นพับที่ได้มาจากซุ้มทางเข้า ก็ไม่มีแผนผังให้ดู จริงๆแล้วในแผ่นพับที่แจกนักท้องเที่ยว ควรจะทำแผนผังภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ มากกว่าที่จะมีแผ่นที่การเดินทางมาที่นี่ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้รับก็ต่อเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว แล้วจะบอกแผ่นที่ทางมาเผื่อสิ่งใด
เราก็เลยเดินกลับไปที่ซุ้มทางเข้า เจอพี่ตำรวจยืนอยู่เลยถามว่าตึกพระเจ้าเหาอยู่ตรงไหน พี่ตำรวจก็บอกทางเรียบร้อย และก็แนะนำไปถึงทางไปบ้านวิชาเยนทร์ด้วย เยี่ยมมากเลยพี่ 5555 และนี้คือตึกพระเจ้าเหาที่เราตามหา ซึ่งจริงๆแล้วตึกพระเจ้าเหาก็อยู่ด้านหน้าพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เขตพระราชฐานด้านในที่เป็นจุดสุดท้ายที่เราไปชมนั้นแหละ 5555 อยากจะตบหัวตัวเองจริงๆ

ตึกพระเจ้าเหาแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่สันนิษฐานว่าเป็นจุดประชุมรวมพลของพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ในการก่อการยึดอำนาจนั้นเอง .... บริเวณนี้ ตอนที่เราไป เป็นสถานที่จัดงานตลาดย้อนยุค ซึ่งมีร้านค้าเต็มไปหมด และก็บดบังตึกพระเจ้าเหาซะด้วย จริงๆก็น่าจะเหลือทางให้เดินเข้าชมให้ใหญ่หน่อย แล้วก็น่าจะมีป้ายบอกทางซะนิดนึงก็จะดีมาก
มาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ท้องเริ่มหิว แต่ภารกิจยังไม่จบ เราต้องไปบ้านวิชาเยนทร์ก่อนที่จะไปกินข้าว จะเปลี่ยนชุดทีเดียวเลย เราก็เลยหาอะไรกินเล่นๆไปก่อน ก็ได้ลูกชิ้นปิ้งในงานนิแหละประทังความหิว เรามานั่งกินลูกชิ้นอยู่ตรงร้านกาแฟหน้าทางเข้า มองไปเห็นท่อประปาสมัยพระนารายณ์ที่คนชอบถ่ายรูปลงโซเชียลกัน โอโห้เราเกือบพลาดสิ่งสำคัญไปซะแล้ว ทึ่งจริงๆที่สมัยนั้นก็มีท่อส่งน้ำด้วย เราก็เลยเดินไปเก็บภาพสักนิดนึง .... จริงๆก็อยู่ข้างหน้าเลยนะ เรานิเดินเลยมาได้ยังงัย อยากตบหัวตัวเองเป็นครั้งที่ 2

หลังจากเพิ่มพลังเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปบ้านวิชาเยนทร์ต่อ ทีแรกว่าจะขับรถไป แต่เคยดูในแผนที่น่าจะหาที่จอดรถยาก ก็เลยเดินไปดีกว่าแค่ 400 เมตรเอง เราออกจากประตูทางเข้าวัง เดินไปทางซ้ายมือ ตรงไปตามถนนเจอแยกไฟแดงที่ 2 ก็เลี้ยวซ้าย ก็จะเห็นบ้านวิชาเยนทร์เด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้นแหละ
[CR] เยือนละโว้ โอโห!! ประทับใจ ไปเช้าเย็นกลับได้ สบายๆ
สวัสดีค่ะ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.61 ได้มีโอกาสไปเที่ยวลพบุรีแล้วรู้สึกประทับใจ วันนี้เลยขอมารีวิวความประทับใจนี้ให้กับทุกคนค่ะ เริ่มจากความตั้งใจที่จะไปเที่ยวตามรอยละครบุพเพสันนิวาส ก็เริ่มหาข้อมูลดูเส้นทาง หาร้านอาหาร มีตั้งกระทู้ถามข้อมูลต่างๆทางพันธุ์ทิพย์บ้าง ได้ข้อมูลเรียบร้อยพร้อมมากๆ ณ จุดนี้
มาถึงวันเดินทาง เรากับสามีออกจากกรุงเทพประมาณ 6 โมงเช้า แวะกินข้าวเช้าแถวถนนกาญจนา อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าไปลพบุรีกันเลย ขับไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน แวะเข้าปั้มตลอดทางตามประสาชิ้งฉ่องทัวร์ 5555 จากกรุงเทพไปถึงลพบุรีประมาณ 150 กม. จุดแรกที่เราจะไปคือพระนารายณ์ราชนิเวศน์ แต่ก่อนจะถึงนั้นเราต้องเปลี่ยนชุดซะหน่อยเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ นั้นก็คือชุดไทย ชุดไทยชุดเดียวเที่ยวไปทุกที่ ตั้งแต่ตลาดบ้านระจัน งานอุ่นไอรัก อยุธยา มาจนถึงละโว้ 5555 วันนี้เราเลือกใส่เป็นผ้านุ่งจีบหน้านาง ซึ่งเป็นแบบประหยัด ซื้อผ้ามา 2 เมตร นุ่งเองแบบง่ายๆ แต่ดันลืมเข็มขัดมา แม่เจ้าาาาาาาาา เศร้ามาก ก็ก่ะว่าจะใส่ไปทั้งๆที่ไม่มีเข็มขัดนิแหละ
ขับมาถึงที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ก็วนหาที่จอดรถ รอบๆกำแพงวังนิแหละ สุดท้ายก็เจอที่จอดรถตรงถนนพระเพทราชา ต้องบอกว่าชอบชื่อถนนที่นี้มากๆเลย มีทั้งถนนสรศักดิ์ ถนนพระเพทราชา ถนนพระนารายณ์มหาราช ถนนวิชาเยนทร์ ถนนพระโหราธิบดี เหมือนเรามีท่านทั้งหลายอยู่ล้อมรอบตัวเราเลยอ่ะ
จากถนนพระเพทราชาก็เดินเลี้ยวซ้ายไปทางถนนสรศักดิ์ ประตูทางเข้าจะอยู่ที่ถนนนี้ วันที่เราไปมีจัดงานตลาดย้อนยุคอยู่ด้วย มีอาหารมีน้ำดื่ม การแสดงมากมาย เราเจอร้านขายเครื่องประดับชุดไทย ก่ะว่าจะไปซื้อเข็มขัดสักอัน เราก็ยืนบ่นๆว่าไม่น่าลืมเข็มขัดเลย เสียดายต้องมาซื้อ ป้าเจ้าของร้านใจดีมาก อุส่าห์บอกเราว่าที่ทางเข้ามีซุ้มให้ยืมชุดไทยใส่นะ ลองเข้าไปดูตรงนั้นก่อนมั้ย เราแบบอึ้งอ่ะ ถ้าป้าไม่บอกป้าก็จะขายของได้แล้วอ่ะ แต่ป้าก็มีน้ำใจอุส่าห์บอกเรา ประทับใจป้าเลย ก็เลยขออนุญาติป้าไปดูที่ซุ้มก่อน พอไปถึงก็จ่ายค่าผ่านประตูแล้วถามเจ้าหน้าที่ว่าซุ้มยืมชุดไทยอยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่ก็บอกทางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า เดินตรงไปที่ซุ้มขาวๆนั้นเลยค่ะ และนี้คือหน้าซุ้มที่ว่า อิ อิ ขอแวะถ่ายรูปก่ะคุณพี่และแม่นายสักนิดนึง
เข้ามาด้านในก็จะมีชุดไทยให้เลือกหลายแบบ ทั้งชายหญิง และก็มีเครื่องประดับพร้อม แต่ต้องบอกว่ามันก็ตามสภาพของฟรีเนอะ ก็จะเก่าๆหน่อย ในซุ้มจะมีเจ้าหน้าที่ค่อยแนะนำและช่วยแต่งตัวให้ เราก็หยิบเข็มขัด กำไล สังวาลย์ เอาเท่านี้พอ การยืมก็ง่ายๆแค่มีบัตรประชาชนใบเดียวก็ยืมได้แล้ว แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จก็พร้อมเดินชมพระนารายณ์ราชนิเวศน์แล้วค่ะ
ในรูปจะเป็นหมู่ตึกพระคลังศุภรัตน์หรือหมู่ตึกสิบสองท้องพระคลัง อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก สันนิษฐานว่าใช้เป็นสถานที่เก็บทรัพย์สมบัติหรือเก็บของในสมัยนั้น
มาต่อกันที่พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลาง เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกรับคณะราชทูต เป็นศิลปะผสมผสานระหว่างไทยกับฝรั่งเศส สังเกตุดได้จากประตูหน้าต่างทรงแหลมแบบฝรั่งเศส ภายในมีรูปหล่อ(เรียกผิดขออภัย)องค์สมเด็จพระนารายณ์ให้ผู้คนได้กราบไหว้อีกด้วย
จากจุดนี้มองไปทางซ้ายจะเป็นพระที่นั่งพิมานมงกุฎ สร้างขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นส่วนจัดแสดงโบราณวัตถุที่พบจากการขุดค้นที่แหล่งโบราณคดี ในจังหวัดลพบุรี จุดนี้เราไม่ได้ถ่ายด้านนอกมา เนื่องจากอากาศร้อนมาก ต้องการเข้าไปข้างในด่วน แหะๆ ส่วนด้านในก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ
เราชอบชั้น 3 ที่สุด ชั้น 3 แต่เดิมเป็นห้องบรรทมของรัชกาลที่ 4 ในส่วนจึงมีอุปกรณ์ต่างๆ ร่วมถึงของใช้ของพระองค์ให้ได้ชม ชอมมากคือนาฬิกาพระอาทิตย์ ตอนที่เราไปมีคณะนักเรียนเข้าชมอยู่มีคุณครูค่อยแนะนำและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้เด็กฟัง เราก็เลยพลอยได้ความรู้ไปด้วย 555
ออกจากพิพิธภัณฑ์ ก็เดินกลับไปทางท้องพระโรง เดินเลยท้องพระโรงไปจะเป็นเขตพระราชฐานชั้นใน เข้าไปปุ๊บก็จะเจอพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นพระที่นั่งที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเป็นสถานที่ที่พระองค์เสด็จสวรรคตค่ะ .... บริเวณแถวนี้ ร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ รู้สึกสดชื่นมากๆเลยค่ะ
หลังจากที่ชมเขตพระราชฐานชั้นในเสร็จแล้ว ก็ให้นึกสงสัยว่าตึกพระเจ้าเหาอยู่ตรงไหน เปิดดูแผ่นพับที่ได้มาจากซุ้มทางเข้า ก็ไม่มีแผนผังให้ดู จริงๆแล้วในแผ่นพับที่แจกนักท้องเที่ยว ควรจะทำแผนผังภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ มากกว่าที่จะมีแผ่นที่การเดินทางมาที่นี่ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้รับก็ต่อเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว แล้วจะบอกแผ่นที่ทางมาเผื่อสิ่งใด
เราก็เลยเดินกลับไปที่ซุ้มทางเข้า เจอพี่ตำรวจยืนอยู่เลยถามว่าตึกพระเจ้าเหาอยู่ตรงไหน พี่ตำรวจก็บอกทางเรียบร้อย และก็แนะนำไปถึงทางไปบ้านวิชาเยนทร์ด้วย เยี่ยมมากเลยพี่ 5555 และนี้คือตึกพระเจ้าเหาที่เราตามหา ซึ่งจริงๆแล้วตึกพระเจ้าเหาก็อยู่ด้านหน้าพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เขตพระราชฐานด้านในที่เป็นจุดสุดท้ายที่เราไปชมนั้นแหละ 5555 อยากจะตบหัวตัวเองจริงๆ
ตึกพระเจ้าเหาแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่สันนิษฐานว่าเป็นจุดประชุมรวมพลของพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ในการก่อการยึดอำนาจนั้นเอง .... บริเวณนี้ ตอนที่เราไป เป็นสถานที่จัดงานตลาดย้อนยุค ซึ่งมีร้านค้าเต็มไปหมด และก็บดบังตึกพระเจ้าเหาซะด้วย จริงๆก็น่าจะเหลือทางให้เดินเข้าชมให้ใหญ่หน่อย แล้วก็น่าจะมีป้ายบอกทางซะนิดนึงก็จะดีมาก
มาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ท้องเริ่มหิว แต่ภารกิจยังไม่จบ เราต้องไปบ้านวิชาเยนทร์ก่อนที่จะไปกินข้าว จะเปลี่ยนชุดทีเดียวเลย เราก็เลยหาอะไรกินเล่นๆไปก่อน ก็ได้ลูกชิ้นปิ้งในงานนิแหละประทังความหิว เรามานั่งกินลูกชิ้นอยู่ตรงร้านกาแฟหน้าทางเข้า มองไปเห็นท่อประปาสมัยพระนารายณ์ที่คนชอบถ่ายรูปลงโซเชียลกัน โอโห้เราเกือบพลาดสิ่งสำคัญไปซะแล้ว ทึ่งจริงๆที่สมัยนั้นก็มีท่อส่งน้ำด้วย เราก็เลยเดินไปเก็บภาพสักนิดนึง .... จริงๆก็อยู่ข้างหน้าเลยนะ เรานิเดินเลยมาได้ยังงัย อยากตบหัวตัวเองเป็นครั้งที่ 2
หลังจากเพิ่มพลังเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปบ้านวิชาเยนทร์ต่อ ทีแรกว่าจะขับรถไป แต่เคยดูในแผนที่น่าจะหาที่จอดรถยาก ก็เลยเดินไปดีกว่าแค่ 400 เมตรเอง เราออกจากประตูทางเข้าวัง เดินไปทางซ้ายมือ ตรงไปตามถนนเจอแยกไฟแดงที่ 2 ก็เลี้ยวซ้าย ก็จะเห็นบ้านวิชาเยนทร์เด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้นแหละ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้