คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
1. ปัญหารสนิยม ความชื่นชอบ ความสุขที่ต่างกันครับ บางคนชอบสะสมแผ่นเสียง บางคนชอบสะสมแสตมป์ บางคนชอบสะสมของเก่า ฯลฯ
แต่ละคนมีความชอบต่างกันไป คนในครอบครัวที่ไม่ได้ชอบเหมือนกันก็มักทะเลาะกันในประเด็นเรื่องการเงิน ส่วนครอบครัวที่เข้าอกเข้าใจ เคารพพื้นที่ส่วนตัวกันดีก็ไม่ทะเลาะกัน ตราบใดที่มันไม่กระทบเรื่องปัญหาการเงินในครัวเรือน
2. ในมุมมองของผู้ใหญ่ "การเงิน" คือ "การวางแผนจัดสรรภาระ" แต่ในมุมของเยาวชนอย่างน้อง มันอาจหมายถึงการได้มาซึ่งสิ่งซึ่งตอบสนองความสุข ณ ขณะนี้เท่านั้น เงินของน้อง น้องหามาได้เองก็จริง แต่ถ้าใช้ไม่เป็น มันก็หมดได้เร็วและอาจก่อหนี้ได้ครับ ซึ่งในมุมมองของผู้ใหญ่ย่อมมองเรื่องการจัดสรรการใช้เงิน เช่น เงินหามาได้จำนวนหนึ่ง ใช้เท่าไร เก็บออมเท่าไร ลงทุนเท่าไร รวมถึงการหักใจไม่ซื้อของที่อยากได้ในทันที เพื่อใช้เรื่องจำเป็นก่อน ฯลฯ
ประเด็นหลังนี่สำคัญนะครับ เพราะคนที่มีปัญหาการเงินส่วนมากมักมีลักษณะนิสัยใช้จ่ายเงินเกินกำลัง หรือใช้มากกว่าที่หาได้จริง หนึ่งในสาเหตุ คือ การไม่สามารถอดทน หักห้ามใจในการใช้เงินซื้อของที่อยากได้นั่นเอง ซึ่งถ้าพี่เป็นพ่อแม่ของน้องพี่ก็คงเป็นห่วงประมาณว่า "อายุเท่านี้ ใช้เงินขนาดนี้ แล้วถ้าโตไปกว่านี้ ทำงานหาเงินได้มากกว่านี้จะใช้เงินมือเติบขนาดไหน"
ในมุมของพี่นะ (จริงๆควรเรียกลุงหรือน้า 5555) พ่อแม่ของน้องอาจคิดอยู่ว่า
หนึ่ง..... ตอนนี้ซื้อแค่นี้ แล้วต่อไปจะซื้อหนักกว่านี้อีกมั้ย แม้จะหาเงินมาซื้อเอง แต่ต่อไปจะหาเงินมาซื้อของเหล่านี้ไหวหรือไม่
สอง.....ถ้าความอยากได้มีมากกว่าเงินที่น้องหาได้ จะไปหยิบยืมเพื่อนหรือใครคนอื่น หรือ หาทางอื่นให้ได้เงินมาซื้อในทางไม่ถูกไม่ควรหรือไม่ (น้องอาจจะไม่มีลักษณะนิสัยแบบนั้นนะ แต่คนเป็นพ่อแม่เวลาเป็นห่วงเป็นกังวล สามารถคิดไปไกลล่วงหน้าได้ทั้งนั้นล่ะครับ)
สาม......น้องโฟกัสกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป จนให้ความสำคัญกับการเรียน และ ความสัมพันธ์ในบ้านน้อยลงหรือไม่
ดังนั้น พี่คิดว่า ถ้าน้องแสดงให้พวกท่านเห็นว่า น้องซื้อโฟโต้เซ็ทอย่าง "พอเพียง" และหลังจากซื้อแล้ว น้องมีเงินเหลือเก็บเท่าไรให้ท่านเห็น พี่ว่าความคลางแคลงใจและวิตกกังวลของท่านคงจะลดลงครับ
3. กรณีน้องซื้อเพื่อการลงทุน น้องควรใจเย็น ค่อยๆเรียบเรียงข้อมูลประกอบการอธิบายให้พ่อแม่เข้าใจ เห็นภาพชัด เห็นโอกาสทางการค้า และกำไรที่จะเกิดขึ้น น้องอาจจะชวนท่านเป็นที่ปรึกษา ให้ท่านมีส่วนร่วมด้วยก็ดีนะครับ เช่น การวางแผนว่าควรจะขายเมื่อไร เท่าไร อย่างไร กำไรที่ได้มาควรจะนำไปเก็บออมหรือลงทุนอย่างไรต่อไป
สุดท้ายนะ ถ้าท่านไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วยและห้ามน้องอยู่ดี ก็อย่าโกรธท่านนะครับ กลับมานั่งทำใจสบายๆ วางแผนการอธิบายใหม่ครับ
(โถ....พวกพี่ทำโปรเจคท์เสนอลูกค้า แก้แล้วแก้อีกเป็นสิบรอบกว่าจะผ่านนะ 555555)
ป.ล. หาเงินได้เอง อย่าใช้จ่ายซื้อของให้ตัวเองอย่างเดียว พาพ่อแม่ไปเลี้ยงอาหารอร่อยๆด้วยนะครับ แล้วมุมมองคำว่า "หาเงินเองได้" ของน้อง สำหรับพ่อแม่จะสวยงามขึ้นเยอะเลยครับ
แต่ละคนมีความชอบต่างกันไป คนในครอบครัวที่ไม่ได้ชอบเหมือนกันก็มักทะเลาะกันในประเด็นเรื่องการเงิน ส่วนครอบครัวที่เข้าอกเข้าใจ เคารพพื้นที่ส่วนตัวกันดีก็ไม่ทะเลาะกัน ตราบใดที่มันไม่กระทบเรื่องปัญหาการเงินในครัวเรือน
2. ในมุมมองของผู้ใหญ่ "การเงิน" คือ "การวางแผนจัดสรรภาระ" แต่ในมุมของเยาวชนอย่างน้อง มันอาจหมายถึงการได้มาซึ่งสิ่งซึ่งตอบสนองความสุข ณ ขณะนี้เท่านั้น เงินของน้อง น้องหามาได้เองก็จริง แต่ถ้าใช้ไม่เป็น มันก็หมดได้เร็วและอาจก่อหนี้ได้ครับ ซึ่งในมุมมองของผู้ใหญ่ย่อมมองเรื่องการจัดสรรการใช้เงิน เช่น เงินหามาได้จำนวนหนึ่ง ใช้เท่าไร เก็บออมเท่าไร ลงทุนเท่าไร รวมถึงการหักใจไม่ซื้อของที่อยากได้ในทันที เพื่อใช้เรื่องจำเป็นก่อน ฯลฯ
ประเด็นหลังนี่สำคัญนะครับ เพราะคนที่มีปัญหาการเงินส่วนมากมักมีลักษณะนิสัยใช้จ่ายเงินเกินกำลัง หรือใช้มากกว่าที่หาได้จริง หนึ่งในสาเหตุ คือ การไม่สามารถอดทน หักห้ามใจในการใช้เงินซื้อของที่อยากได้นั่นเอง ซึ่งถ้าพี่เป็นพ่อแม่ของน้องพี่ก็คงเป็นห่วงประมาณว่า "อายุเท่านี้ ใช้เงินขนาดนี้ แล้วถ้าโตไปกว่านี้ ทำงานหาเงินได้มากกว่านี้จะใช้เงินมือเติบขนาดไหน"
ในมุมของพี่นะ (จริงๆควรเรียกลุงหรือน้า 5555) พ่อแม่ของน้องอาจคิดอยู่ว่า
หนึ่ง..... ตอนนี้ซื้อแค่นี้ แล้วต่อไปจะซื้อหนักกว่านี้อีกมั้ย แม้จะหาเงินมาซื้อเอง แต่ต่อไปจะหาเงินมาซื้อของเหล่านี้ไหวหรือไม่
สอง.....ถ้าความอยากได้มีมากกว่าเงินที่น้องหาได้ จะไปหยิบยืมเพื่อนหรือใครคนอื่น หรือ หาทางอื่นให้ได้เงินมาซื้อในทางไม่ถูกไม่ควรหรือไม่ (น้องอาจจะไม่มีลักษณะนิสัยแบบนั้นนะ แต่คนเป็นพ่อแม่เวลาเป็นห่วงเป็นกังวล สามารถคิดไปไกลล่วงหน้าได้ทั้งนั้นล่ะครับ)
สาม......น้องโฟกัสกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป จนให้ความสำคัญกับการเรียน และ ความสัมพันธ์ในบ้านน้อยลงหรือไม่
ดังนั้น พี่คิดว่า ถ้าน้องแสดงให้พวกท่านเห็นว่า น้องซื้อโฟโต้เซ็ทอย่าง "พอเพียง" และหลังจากซื้อแล้ว น้องมีเงินเหลือเก็บเท่าไรให้ท่านเห็น พี่ว่าความคลางแคลงใจและวิตกกังวลของท่านคงจะลดลงครับ
3. กรณีน้องซื้อเพื่อการลงทุน น้องควรใจเย็น ค่อยๆเรียบเรียงข้อมูลประกอบการอธิบายให้พ่อแม่เข้าใจ เห็นภาพชัด เห็นโอกาสทางการค้า และกำไรที่จะเกิดขึ้น น้องอาจจะชวนท่านเป็นที่ปรึกษา ให้ท่านมีส่วนร่วมด้วยก็ดีนะครับ เช่น การวางแผนว่าควรจะขายเมื่อไร เท่าไร อย่างไร กำไรที่ได้มาควรจะนำไปเก็บออมหรือลงทุนอย่างไรต่อไป
สุดท้ายนะ ถ้าท่านไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วยและห้ามน้องอยู่ดี ก็อย่าโกรธท่านนะครับ กลับมานั่งทำใจสบายๆ วางแผนการอธิบายใหม่ครับ
(โถ....พวกพี่ทำโปรเจคท์เสนอลูกค้า แก้แล้วแก้อีกเป็นสิบรอบกว่าจะผ่านนะ 555555)
ป.ล. หาเงินได้เอง อย่าใช้จ่ายซื้อของให้ตัวเองอย่างเดียว พาพ่อแม่ไปเลี้ยงอาหารอร่อยๆด้วยนะครับ แล้วมุมมองคำว่า "หาเงินเองได้" ของน้อง สำหรับพ่อแม่จะสวยงามขึ้นเยอะเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
มีปัญหากับครอบครัว กับการซื้อ photo set BNK48
ปล.ผมกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ครับ