
ในยุคที่ผมถ่ายภาพแลนด์สเคปเป็นหลัก ผมติด CPL ไว้แทนฟิลเตอร์ UV เลย เพราะภาพที่ได้นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในมุม Polarization ตรงๆ ก็ยังตัดแสงได้บางส่วน ซึ่งทำให้ภาพของเรานั้นมีสีที่สดขึ้น และยิ่งถ้าเข้ามุม Polarization ตรงๆ นี่ สีฟ้าเปลี่ยนเป็นน้ำเงินกันเลยทีเดียว... ต่อมาผมซื้อเลนส์ 14-24N มาใช้... ตัวเลนส์จะหน้ากว้างมากทำให้ไม่มีฟิลเตอร์ที่จะมาซัพพอร์ทตรงนี้ ผมเองเลิกใช้ฟิลเตอร์ CPL ไปนานโขเลยทีเดียว จนกระทั่งวันหนึ่งผมคิดอยากกลับมาเล่นฟิลเตอร์อีกครั้ง หลังจากที่เสริจหาข้อมูลและสอบถามช่างภาพที่เชี่ยวชาญงานด้านแลนด์สเคป หลายคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า นาทีนี้ต้อง NiSi Filter เลย... ผมเลยจัดมาเล่นเอง 1 ชุด ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็ได้เขียนรีวิวไปแล้วหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นราว 2 เดือน NiSi เค้าออกฟิลเตอร์ตัวใหม่มาครับ ตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า “S5” ซึ่งในชุด S5 นี้จะมีแผ่น CPL มาให้ด้วย และผมโชคที่บริษัท Camera Maker ส่งเจ้าฟิลเตอร์ตัวใหม่นี้มาให้ลองใช้ บอกเลยว่าชอบมากๆ แต่ช่วงนี้ผมค่อนข้างงานยุ่งเลยได้ออกไปเทสแค่ใกล้ๆ ไม่กี่ครั้งตามแต่ที่โอกาสจะอำนวย... เลยขอถือโอกาสทำกระทู้เป็น Mini Review คร่าวๆ ซักกระทู้ครับ เผื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจสำหรับคนที่อยากรู้ว่าฟิลเตอร์ลดแสงพวกนี้มันดีอย่างไรบ้าง...
ว่าด้วยเรื่อง CPL ที่ติดมาในชุด Kit ก่อนเลย...
หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของ CPL คือลดการสะท้อนแสงบนพื้นผิวของสิ่งที่สะท้อนแสงได้ ผมขอยกตัวอย่าง ตามภาพด้านล่างนี้ครับ สมมติว่าเราไปรับงานถ่ายภาพ Exterior ซึ่งเจ้าของงานเค้าต้องการโชว์ตัวอาคารชัดๆ แต่ถ้ามุมที่ถ่ายเป็นมุมที่สะท้อนแสงแบบนี้พอดี(รูปซ้ายมือ) ทางเจ้าของงานคงไม่แฮปปี้นัก เนื่องจากมองไม่เห็นรายละเอียดของตัวอาคารเลย ... ในกรณีแบบนี้ ฟิลเตอร์ CPL ช่วยได้ครับ หมุนหามุมตัดแสงแล้วถ่ายมาได้เลย จะสังเกตเห็นว่า(รูปขวามือ) แสงแดดที่สะท้อนบนกระจก หายไปเกือบหมด สามารถมองเห็นรายละเอียดของตัวอาคารได้ชัดเจนกว่ามากเมื่อเทียบกับรูปที่ไม่ตัดแสง
การใช้งาน CPL นั้นไม่จำเป็นต้องหมุนตัดแสงจนหมดเสมอไปครับ ขึ้นอยู่กับเนื้องานที่ต้องการ ซึ่งงานบางอย่างแสงสะท้อนบางๆ อาจทำให้ภาพดูดีกว่าก็มี ยกตัวอย่างเคสนี้เป็นต้น ใบนี้ใช้ฟิลเตอร์ CPL+GND Soft 0.9… เจ้า GND ทำหน้าที่กดแสงด้านบนไว้ให้สภาพแสงของภาพโดยรวมมีความเปรียบต่างไม่มากจนเกินไป ส่วน CPL ในที่นี้ผมเลือกที่จะหมุนตัดแสงแค่บางส่วน เพื่อเหลือแสงสีเหลืองที่สะท้อนบนกระจกบ้าง ให้อารมณ์ของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกได้ดีกว่าการตัดแสงออกไปแล้วเห็นเป็นตัวอาคารทั้งหมด
ประโยชน์อีกอย่างของ CPL คือ... ฟิลเตอร์ CPL จะกินแสงอยู่ราว 2 Stop ครับ ทำให้เราสามารถลากสปีดได้ยาวขึ้นเพื่อที่จะให้เห็นแสงของรถวิ่งเป็นเส้น สร้าง Movement ให้กับรูปภาพ ใบนี้ผมตั้งค่า F/16, 6 Sec, ISO100 จริงๆ ใบนี้เมื่อใช้ฟิลเตอร์สามารถจบงานในใบเดียวได้เลยครับ แต่ภาพตั้งต้นของใบนี้ เส้นแสงรถไม่สวย ผมเลยเอาเส้นรถของอีกใบมาใส่แทน แต่ในส่วนอื่นๆ ไม่มีการตัดแปะหรือรวมแสงใดๆ ทั้งสิ้นครับ เรียกว่าเก็บข้อมูลภาพได้สมบูรณ์ครบถ้วนในภาพเดียวเลย
รูปซ้ายสุดใส่ฟิลเตอร์ CPL ซึ่งในเคสนี้ถ่ายย้อนแสง ฉะนั้น CPL จะแทบไม่มีผลในเรื่องการตัดแสงเลย แต่ช่วยให้เราลากสปีดชัตเตอร์ได้นานขึ้นเพื่อให้เห็นการเคลื่อนไหวของรถ แต่ยังมีจุดบอดใหญ่คือท้องฟ้าหลุด Highlight ไปเยอะเลยครับ รูปกลางเลยเลือกใช้แผ่น GND Soft 0.9 ใส่เข้าไปเพื่อกดฟ้าด้านบนไว้ จะเห็นว่ารายละเอียดในส่วนของท้องฟ้าดีขึ้นเยอะครับ สามารถมองเห็นริ้วเมฆได้อย่างชัดเจน สุดท้ายเราก็เอาไฟล์ RAW มาปรับแต่งต่อใน ACR ซึ่งขั้นตอนหลักๆ ก็แค่เปิด Shadow ขึ้นมาอีกนิด และลด Highlight ลงอีกหน่อย ปรับแสงสีตามสไตล์ที่ชอบ ก็เป็นอันปิดจ๊อบได้เลยครับ ง่ายมากๆ
ส่วนใบนี้ใช้ CPL คู่กับ GND Soft 0.9 ซึ่งฟิลเตอร์สองแผ่นนี้เป็นอะไรที่จับคู่กันแล้ว Work มากครับ... GND Soft 0.9 ทำหน้าที่กดแสงด้านบนไว้เพื่อรักษารายละเอียดในส่วนของท้องฟ้า ส่วนแผ่น CPL จะทำให้ภาพมีสีที่สดขึ้นและทำให้ลากสปีดได้นานกว่าปกติในการสร้าง Movement ให้กับรูปภาพ
ในบางกรณีเราไม่สามารถถ่ายคร่อมเพื่อมารวมแสงได้ครับ หรือจะเรียกว่าเป็นเรื่องที่ยากมากก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นภาพใบนี้เป็นต้น ลองสังเกตที่ต้นไม้ด้านซ้ายมือครับ ในสภาพแวดล้อมจริงจะมีลมพัดมาบ้าง ทำให้ใบไมและกิ่งไม้ไหว ซึ่งถ้าไม่มีฟิลเตอร์ และต้องการถ่ายซ้อน... สภาพแบบนี้จะไม่มีทางซ้อนด้วยรูปจริงให้เนียนได้เลย เพราะรูป 2 ใบมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่ ซ้อนอย่างไรก็ไม่ลงตัวแน่นอนครับ... จะเปลี่ยนท้องฟ้าไปเลยด้วยการมานั่ง Selection ต้นไม้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและมีโอกาสที่รูปภาพจะมีรอยด่างสูงมากๆ แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อเราใช้ฟิลเตอร์ลดแสง ถ่ายมาแบบเก็บแสงในใบเดียวก่อน แล้วค่อยมาปรับแต่งเพิ่มในโปรแกรมแต่งภาพ ก็จะได้ภาพในลักษณะนี้ที่ไม่ยากเลยครับ…
อีกเรื่องที่ไม่ค่อยจะมีใครพูดถึงคือเรื่องการคุณภาพของรูปที่ได้หลังจากใช้ฟิลเตอร์ลดแสง... โดยปัจจุบันนั้นกล้องรุ่นใหม่ๆ จะมีคุณภาพที่สูงมากทั้งเรื่อง DR และ Bit Depth ซึ่งเอื้อต่อการปรับแต่งชนิดที่เรียกว่าดึงขึ้นตามมือทั้งแสงและสีโดยที่รายละเอียดยังเรียบเนียนและชั้นสีไม่แตก แต่การจะดึงได้ง่ายนั้น ไฟล์ต้นทางควรจะมีคุณภาพที่ดีมาก่อนแล้ว ซึ่งฟิลเตอร์ลดแสงจะมีผลอย่างมากต่อเรื่องนี้... ผมมักจะใช้ GND กดแสงในส่วนที่มีปัญหา และใช้ CPL ตัดแสงเพื่อให้ได้รูปที่มีสีสดมากที่สุดตั้งแต่ต้น นั่นแปลว่าภาพดิบที่เราเก็บมานั้นเป็นไฟล์ที่มีคุณภาพสูงทั้งในเรื่องของแสงและสี การปรับแต่งจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก อยากเติมแสงตรงนั้น อยากเพิ่มสีตรงนี้ ทำได้หมด โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบงานสีสันจัดจ้าน พอได้ฟิลเตอร์มาช่วยในเรื่องนี้ ทำให้รู้สึกว่าทำงานง่ายและคุณภาพออกมาดีกว่าตอนที่ยังไม่มีฟิลเตอร์แบบชัดเจนเลยทีเดียว (รูปด้านซ้ายเป็นต้นฉบับ ส่วนด้านขวา ปรับแต่งใน ACR หยาบๆ 2 นาทีจบเลยครับ)
บางคนอาจจะบอกว่า เราไม่จำเป็นต้องมีฟิลเตอร์ลดแสงก็ได้ ถ่ายคร่อมแสงเอาแล้วมารวมกันทีหลังด้วยเทคนิคการแต่งภาพก็ได้ อันนี้ผมคอนเฟิร์ว่าจริงครับ เพราะครั้งหนึ่งก่อนที่จะมีฟิลเตอร์ผมก็คิดแบบนั้น แต่พอได้ลองใช้แล้วแนะนำเลยว่าลองซื้อซักชุดครับ สำหรับอุปกรณ์ตัวนี้คุ้มค่าแน่นอน การทำงานง่ายขึ้นเยอะ ใบเดียวจบงานได้เลย แทนที่จะมานั่งซ้อน นั่งแต่งขอบให้เรียบเนียน บางคนอาจยังไม่คล่องเรื่องการแต่งภาพก็จะมีปัญหาเรื่องรอยด่างอีก... อาจจะเริ่มจากชุดเล็กก่อนครับ เช่น Holder กับ GND แผ่นเดียว แค่นี้ก็เห็นความแตกต่างชัดเจนมากแล้ว ถ้าชอบใจก็ค่อยทะยอยซื้อเพิ่มไปทีละแผ่นครับ ปัจจุบันจากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อเลย ตอนนี้มีครบเซ็ตแล้วครับ ซึ่งที่ผมมีตอนนี้คือ ชุด Holder NiSi S5 เป็น Holder ที่มาพร้อมกับแผ่น PL แบบกลม, แผ่น GND Soft 0.9, แผ่น GND Hard 0.9 และสุดท้ายแผ่น ND 10 Stop ซึ่งราคาทั้งหมดรวมกันถูกกว่าเลนส์นาโน 1.4 ตัวเดียวเสียอีก...
สำหรับแผ่น CPL นั้นไม่ได้เอาไว้ใช้กับภาพ Landscape เพียงอย่างเดียวครับ มือโปรด้าน Portrait หลายท่านก็มีเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ติดไว้ในกระเป๋าตลอด เอาไว้ใช้ในหลายสถานการณ์ รวมถึงงานลักษณะนี้ด้วยครับ เช่นเราต้องการถ่ายนางแบบผ่านกระจก ถ้ามีแสงสะท้อนมากเกินไปก็จะหยิบเอาแผ่น CPL มาตัดแสงสะท้อนออกเพื่อให้เห็นตัวแบบชัดเจนขึ้นครับ (ปล. ตัดแสง รถหกล้อหายไปเกือบทั้งคันเลย ^ ^)

ปล. เบื้องต้นผมขอจบการรีวิวแบบคร่าวๆ ไว้ตรงนี้ก่อน... อาทิตย์หน้าผมจะมีโอกาสไปต่างประเทศ กลับมาจะทำเป็นรีวิวฉบับเต็มอีกซักกระทู้ เผื่อมีคนสนใจและกำลังหาข้อมูลการใช้งานฟิลเตอร์พอดี จะได้เป็นเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ... สวัสดีครับผม...
[SR] Auxin : Mini Review NiSi S5(ฟิลเตอร์ระบบ 150 mm)
ในยุคที่ผมถ่ายภาพแลนด์สเคปเป็นหลัก ผมติด CPL ไว้แทนฟิลเตอร์ UV เลย เพราะภาพที่ได้นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในมุม Polarization ตรงๆ ก็ยังตัดแสงได้บางส่วน ซึ่งทำให้ภาพของเรานั้นมีสีที่สดขึ้น และยิ่งถ้าเข้ามุม Polarization ตรงๆ นี่ สีฟ้าเปลี่ยนเป็นน้ำเงินกันเลยทีเดียว... ต่อมาผมซื้อเลนส์ 14-24N มาใช้... ตัวเลนส์จะหน้ากว้างมากทำให้ไม่มีฟิลเตอร์ที่จะมาซัพพอร์ทตรงนี้ ผมเองเลิกใช้ฟิลเตอร์ CPL ไปนานโขเลยทีเดียว จนกระทั่งวันหนึ่งผมคิดอยากกลับมาเล่นฟิลเตอร์อีกครั้ง หลังจากที่เสริจหาข้อมูลและสอบถามช่างภาพที่เชี่ยวชาญงานด้านแลนด์สเคป หลายคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า นาทีนี้ต้อง NiSi Filter เลย... ผมเลยจัดมาเล่นเอง 1 ชุด ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็ได้เขียนรีวิวไปแล้วหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นราว 2 เดือน NiSi เค้าออกฟิลเตอร์ตัวใหม่มาครับ ตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า “S5” ซึ่งในชุด S5 นี้จะมีแผ่น CPL มาให้ด้วย และผมโชคที่บริษัท Camera Maker ส่งเจ้าฟิลเตอร์ตัวใหม่นี้มาให้ลองใช้ บอกเลยว่าชอบมากๆ แต่ช่วงนี้ผมค่อนข้างงานยุ่งเลยได้ออกไปเทสแค่ใกล้ๆ ไม่กี่ครั้งตามแต่ที่โอกาสจะอำนวย... เลยขอถือโอกาสทำกระทู้เป็น Mini Review คร่าวๆ ซักกระทู้ครับ เผื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจสำหรับคนที่อยากรู้ว่าฟิลเตอร์ลดแสงพวกนี้มันดีอย่างไรบ้าง...
ว่าด้วยเรื่อง CPL ที่ติดมาในชุด Kit ก่อนเลย...
หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของ CPL คือลดการสะท้อนแสงบนพื้นผิวของสิ่งที่สะท้อนแสงได้ ผมขอยกตัวอย่าง ตามภาพด้านล่างนี้ครับ สมมติว่าเราไปรับงานถ่ายภาพ Exterior ซึ่งเจ้าของงานเค้าต้องการโชว์ตัวอาคารชัดๆ แต่ถ้ามุมที่ถ่ายเป็นมุมที่สะท้อนแสงแบบนี้พอดี(รูปซ้ายมือ) ทางเจ้าของงานคงไม่แฮปปี้นัก เนื่องจากมองไม่เห็นรายละเอียดของตัวอาคารเลย ... ในกรณีแบบนี้ ฟิลเตอร์ CPL ช่วยได้ครับ หมุนหามุมตัดแสงแล้วถ่ายมาได้เลย จะสังเกตเห็นว่า(รูปขวามือ) แสงแดดที่สะท้อนบนกระจก หายไปเกือบหมด สามารถมองเห็นรายละเอียดของตัวอาคารได้ชัดเจนกว่ามากเมื่อเทียบกับรูปที่ไม่ตัดแสง
การใช้งาน CPL นั้นไม่จำเป็นต้องหมุนตัดแสงจนหมดเสมอไปครับ ขึ้นอยู่กับเนื้องานที่ต้องการ ซึ่งงานบางอย่างแสงสะท้อนบางๆ อาจทำให้ภาพดูดีกว่าก็มี ยกตัวอย่างเคสนี้เป็นต้น ใบนี้ใช้ฟิลเตอร์ CPL+GND Soft 0.9… เจ้า GND ทำหน้าที่กดแสงด้านบนไว้ให้สภาพแสงของภาพโดยรวมมีความเปรียบต่างไม่มากจนเกินไป ส่วน CPL ในที่นี้ผมเลือกที่จะหมุนตัดแสงแค่บางส่วน เพื่อเหลือแสงสีเหลืองที่สะท้อนบนกระจกบ้าง ให้อารมณ์ของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกได้ดีกว่าการตัดแสงออกไปแล้วเห็นเป็นตัวอาคารทั้งหมด
ประโยชน์อีกอย่างของ CPL คือ... ฟิลเตอร์ CPL จะกินแสงอยู่ราว 2 Stop ครับ ทำให้เราสามารถลากสปีดได้ยาวขึ้นเพื่อที่จะให้เห็นแสงของรถวิ่งเป็นเส้น สร้าง Movement ให้กับรูปภาพ ใบนี้ผมตั้งค่า F/16, 6 Sec, ISO100 จริงๆ ใบนี้เมื่อใช้ฟิลเตอร์สามารถจบงานในใบเดียวได้เลยครับ แต่ภาพตั้งต้นของใบนี้ เส้นแสงรถไม่สวย ผมเลยเอาเส้นรถของอีกใบมาใส่แทน แต่ในส่วนอื่นๆ ไม่มีการตัดแปะหรือรวมแสงใดๆ ทั้งสิ้นครับ เรียกว่าเก็บข้อมูลภาพได้สมบูรณ์ครบถ้วนในภาพเดียวเลย
รูปซ้ายสุดใส่ฟิลเตอร์ CPL ซึ่งในเคสนี้ถ่ายย้อนแสง ฉะนั้น CPL จะแทบไม่มีผลในเรื่องการตัดแสงเลย แต่ช่วยให้เราลากสปีดชัตเตอร์ได้นานขึ้นเพื่อให้เห็นการเคลื่อนไหวของรถ แต่ยังมีจุดบอดใหญ่คือท้องฟ้าหลุด Highlight ไปเยอะเลยครับ รูปกลางเลยเลือกใช้แผ่น GND Soft 0.9 ใส่เข้าไปเพื่อกดฟ้าด้านบนไว้ จะเห็นว่ารายละเอียดในส่วนของท้องฟ้าดีขึ้นเยอะครับ สามารถมองเห็นริ้วเมฆได้อย่างชัดเจน สุดท้ายเราก็เอาไฟล์ RAW มาปรับแต่งต่อใน ACR ซึ่งขั้นตอนหลักๆ ก็แค่เปิด Shadow ขึ้นมาอีกนิด และลด Highlight ลงอีกหน่อย ปรับแสงสีตามสไตล์ที่ชอบ ก็เป็นอันปิดจ๊อบได้เลยครับ ง่ายมากๆ
ส่วนใบนี้ใช้ CPL คู่กับ GND Soft 0.9 ซึ่งฟิลเตอร์สองแผ่นนี้เป็นอะไรที่จับคู่กันแล้ว Work มากครับ... GND Soft 0.9 ทำหน้าที่กดแสงด้านบนไว้เพื่อรักษารายละเอียดในส่วนของท้องฟ้า ส่วนแผ่น CPL จะทำให้ภาพมีสีที่สดขึ้นและทำให้ลากสปีดได้นานกว่าปกติในการสร้าง Movement ให้กับรูปภาพ
ในบางกรณีเราไม่สามารถถ่ายคร่อมเพื่อมารวมแสงได้ครับ หรือจะเรียกว่าเป็นเรื่องที่ยากมากก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นภาพใบนี้เป็นต้น ลองสังเกตที่ต้นไม้ด้านซ้ายมือครับ ในสภาพแวดล้อมจริงจะมีลมพัดมาบ้าง ทำให้ใบไมและกิ่งไม้ไหว ซึ่งถ้าไม่มีฟิลเตอร์ และต้องการถ่ายซ้อน... สภาพแบบนี้จะไม่มีทางซ้อนด้วยรูปจริงให้เนียนได้เลย เพราะรูป 2 ใบมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่ ซ้อนอย่างไรก็ไม่ลงตัวแน่นอนครับ... จะเปลี่ยนท้องฟ้าไปเลยด้วยการมานั่ง Selection ต้นไม้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและมีโอกาสที่รูปภาพจะมีรอยด่างสูงมากๆ แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อเราใช้ฟิลเตอร์ลดแสง ถ่ายมาแบบเก็บแสงในใบเดียวก่อน แล้วค่อยมาปรับแต่งเพิ่มในโปรแกรมแต่งภาพ ก็จะได้ภาพในลักษณะนี้ที่ไม่ยากเลยครับ…
อีกเรื่องที่ไม่ค่อยจะมีใครพูดถึงคือเรื่องการคุณภาพของรูปที่ได้หลังจากใช้ฟิลเตอร์ลดแสง... โดยปัจจุบันนั้นกล้องรุ่นใหม่ๆ จะมีคุณภาพที่สูงมากทั้งเรื่อง DR และ Bit Depth ซึ่งเอื้อต่อการปรับแต่งชนิดที่เรียกว่าดึงขึ้นตามมือทั้งแสงและสีโดยที่รายละเอียดยังเรียบเนียนและชั้นสีไม่แตก แต่การจะดึงได้ง่ายนั้น ไฟล์ต้นทางควรจะมีคุณภาพที่ดีมาก่อนแล้ว ซึ่งฟิลเตอร์ลดแสงจะมีผลอย่างมากต่อเรื่องนี้... ผมมักจะใช้ GND กดแสงในส่วนที่มีปัญหา และใช้ CPL ตัดแสงเพื่อให้ได้รูปที่มีสีสดมากที่สุดตั้งแต่ต้น นั่นแปลว่าภาพดิบที่เราเก็บมานั้นเป็นไฟล์ที่มีคุณภาพสูงทั้งในเรื่องของแสงและสี การปรับแต่งจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก อยากเติมแสงตรงนั้น อยากเพิ่มสีตรงนี้ ทำได้หมด โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบงานสีสันจัดจ้าน พอได้ฟิลเตอร์มาช่วยในเรื่องนี้ ทำให้รู้สึกว่าทำงานง่ายและคุณภาพออกมาดีกว่าตอนที่ยังไม่มีฟิลเตอร์แบบชัดเจนเลยทีเดียว (รูปด้านซ้ายเป็นต้นฉบับ ส่วนด้านขวา ปรับแต่งใน ACR หยาบๆ 2 นาทีจบเลยครับ)
บางคนอาจจะบอกว่า เราไม่จำเป็นต้องมีฟิลเตอร์ลดแสงก็ได้ ถ่ายคร่อมแสงเอาแล้วมารวมกันทีหลังด้วยเทคนิคการแต่งภาพก็ได้ อันนี้ผมคอนเฟิร์ว่าจริงครับ เพราะครั้งหนึ่งก่อนที่จะมีฟิลเตอร์ผมก็คิดแบบนั้น แต่พอได้ลองใช้แล้วแนะนำเลยว่าลองซื้อซักชุดครับ สำหรับอุปกรณ์ตัวนี้คุ้มค่าแน่นอน การทำงานง่ายขึ้นเยอะ ใบเดียวจบงานได้เลย แทนที่จะมานั่งซ้อน นั่งแต่งขอบให้เรียบเนียน บางคนอาจยังไม่คล่องเรื่องการแต่งภาพก็จะมีปัญหาเรื่องรอยด่างอีก... อาจจะเริ่มจากชุดเล็กก่อนครับ เช่น Holder กับ GND แผ่นเดียว แค่นี้ก็เห็นความแตกต่างชัดเจนมากแล้ว ถ้าชอบใจก็ค่อยทะยอยซื้อเพิ่มไปทีละแผ่นครับ ปัจจุบันจากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อเลย ตอนนี้มีครบเซ็ตแล้วครับ ซึ่งที่ผมมีตอนนี้คือ ชุด Holder NiSi S5 เป็น Holder ที่มาพร้อมกับแผ่น PL แบบกลม, แผ่น GND Soft 0.9, แผ่น GND Hard 0.9 และสุดท้ายแผ่น ND 10 Stop ซึ่งราคาทั้งหมดรวมกันถูกกว่าเลนส์นาโน 1.4 ตัวเดียวเสียอีก...
สำหรับแผ่น CPL นั้นไม่ได้เอาไว้ใช้กับภาพ Landscape เพียงอย่างเดียวครับ มือโปรด้าน Portrait หลายท่านก็มีเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ติดไว้ในกระเป๋าตลอด เอาไว้ใช้ในหลายสถานการณ์ รวมถึงงานลักษณะนี้ด้วยครับ เช่นเราต้องการถ่ายนางแบบผ่านกระจก ถ้ามีแสงสะท้อนมากเกินไปก็จะหยิบเอาแผ่น CPL มาตัดแสงสะท้อนออกเพื่อให้เห็นตัวแบบชัดเจนขึ้นครับ (ปล. ตัดแสง รถหกล้อหายไปเกือบทั้งคันเลย ^ ^)
ปล. เบื้องต้นผมขอจบการรีวิวแบบคร่าวๆ ไว้ตรงนี้ก่อน... อาทิตย์หน้าผมจะมีโอกาสไปต่างประเทศ กลับมาจะทำเป็นรีวิวฉบับเต็มอีกซักกระทู้ เผื่อมีคนสนใจและกำลังหาข้อมูลการใช้งานฟิลเตอร์พอดี จะได้เป็นเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ... สวัสดีครับผม...
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม