ก่อนอื่น…ใครสายเร็ว อยากอ่านหน้าเดียวจบไปหน้าสุดท้าย…
ใครอยากเสพให้กิเลสเพิ่มขอเชิญอ่านตั้งแต่ต้นจนจบครับ อิอิ
เมื่อเกือบสองปีที่แล้วที่ผมซื้อกล้องมือสองมาตัวหนึ่งจากญี่ปุ่นและได้ทำรีวิวครั้งแรกในชีวิตลงในพันทิป ครั้งนั้นคือ Pentax K3 II
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้้http://pantip.com/topic/34761185/comment17
ตอนนั้นจำได้เลยว่าตื่นเต้นมากที่จะได้โม้สรรพคุณของกล้องที่ดีตัวนึงแต่โลกลืม… ให้ชาวพันทิปได้เสพกัน ผ่านวันเวลามาเกือบ 2 ปีแล้ว ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่าเปลี่ยนกล้องไปกี่ครั้งแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ จนกระทั่งกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่ผมกำลังเคร่งเครียดกับการสอบปลายภาคปี 3 ก็ได้รับ Messenger ทาง Facebook จากบริษัท East Enterprise พร้อมกับมีข่าวดีที่เซอร์ไพรส์สุดๆ “น้องยูสนใจเอากล้องไปรีวิวไหม” ห๊ะนี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!! จะได้ของเล่นใหม่มาลองอีกแล้ววววว ผมรีบตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจ ด้วยความอนุเคราะห์ของทางบริษัท จึงทำให้ความเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือหายเป็นปลิดทิ้ง!! และมีกำลังใจในการทำรีวิวกล้อง เห้ยยยย ไม่ใช่ กำลังใจอ่านหนังสือสิ โถ่ๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่กี่วันต่อมา Pentax KP + เลนส์ 16-85 ก็ส่งตรงมาถึงบ้านของผม ซึ่งหลังจากที่ได้ใช้ชีวิตกับเจ้า KP มาเกือบ 2 อาทิตย์ก็ได้ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างของ Pentax ที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก บวกกับความมีเสน่ห์ของมันทำให้คนที่ใช้แต่ Pentax มาตลอดอย่างผมต้องมีแปลกใจกันบ้างล่ะ…

ผมเฝ้ารอการเปิดตัวของเจ้า KP มาอยู่นาน จากเว็ป rumor ของฝรั่ง ซึ่งก็มีข่าวหลุดออกมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็คลอดออกมาในช่วงปลายเดือนมกราคม 2017 เป็นรุ่นที่ออกมาอยู่ในระดับที่สูงกว่า K-70 แต่ถูกวางไว้ต่ำกว่า K-3II โดยในความคิดผมนั้น มันเหมือนเป็นกล้องที่ Integrated ความสามารถของหลายๆรุ่น เช่น ขนาดเล็กและน้ำหนักเบาจาก K-70 ระบบโฟกัสจาก K-3 II หรือแม้แต่ Processor รุ่นใหม่ (PRIME IV processor) จาก Flagship อย่าง K-1 มากไปกว่านั้นยังมีฟังก์ชั่นที่ไม่เคยมีมาใน Pentax APSC DSLR มาก่อน เช่น ISO มากสุดถึง 819,200 บร๊ะเจ้า!! ,Electronic shutter 1/24000s (in live view), การถ่ายภาพแบบคร่อม ที่สามารถปรับค่าได้ละเอียดมากขึ้น (new bracketing options),พัฒนาฟังก์ชั่น Peaking Focus ให้ปรับตั้งค่าได้มากขึ้น หรือแม้แต่ระบบ กันสั่นในบอดี้แบบ 5 แกน รุ่นใหม่ (5-axis Shake Reduction II) นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ได้ถูกพัฒนารวมถึงยัดเข้ามาในบอดี้อย่างไม่มีกั๊ก เรียกได้ว่า ครบทุกความต้องการจริงๆ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.pentaxforums.com/articles/product-updates/pentax-kp-versus-pentax-k-3-ii.html#ixzz5HTEdwH6R
ต้องขอออกตัวก่อนว่า จุดเริ่มต้นของการเล่นกล้องของผม ไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านนัก ย้อนกลับไปช่วงปี ค.ศ. 2012 ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ม.3 ณ ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับกล้อง ใช้แค่ Nikon S220 compact ตัวเก่าของพ่อสนุกๆไปวันๆเท่านั้นเอง จนกระทั่งเจอ Pentax KR สีชมพูวางขายที่ Big camera สาขาหนึ่ง อ่านไม่ผิดหรอกครับ ทันใดนั้นผมตกหลุมรักกล้องค่ายนี้เข้าเต็มๆ กล้องบ้าไรวะโคตรมีสเน่ห์!! สีชมพูหวานแหววของมันชวนผมให้ออกอาการแต๋วจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว ไปยืนมองอยู่นาน จะซื้อดีมั้ยเนี่ย…. แต่มันก็ยังจะเคอะเขินไปหากผู้ชายตัวอ้วนดำ หน้าโง่ๆ สะพายกล้องสีชมพู อี๋…..แค่คิดก็สยองแล้ว

อูยยยยย KR เด็ดจริงๆ โฟกัสไปที่กล้องนะครับ เเหม่ๆๆๆ


ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจไปถอย K20D มาแทนซึ่งกำลังตกรุ่นและลดราคา ฮ่าๆๆๆๆๆ
K20D อีเเก่ตัวเเรกของผมครับ
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่โคตรผิดพลาดของมือใหม่ที่ไม่รู้เรื่องกล้องอะไรเลย ที่ต้องมานั่งงมใช้กล้องเก่าๆที่ระบบจัดการน้อยส์แย่ๆ ระบบโฟกัสไม่ทันกินชาวบ้าน และระบบแฟลชที่ไม่ได้เรื่อง และฝันร้ายที่สุดคือ ไม่มีเมนูไทยเว้ยยยยยย….. ในขณะที่ตอนนั้น ยี้ห้ออื่นๆ ที่วางขาย ดีกว่ามากกก ครบทุกความต้องการของมือใหม่ แต่ทำม๊ายยยยทำไม อะไรดลจิตดลใจให้หลง Pentax หัวปักหัวปำกะอีแค่กล้องสีชมพูเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ซึ่งใช้เวลาอยู่นานกว่า 2 ปี กว่าจะสามารถพัฒนาฝีมือการถ่ายภาพเข้าใจในทุกๆฟังก์ชั่น และที่สำคัญเข้าใจกล้องค่ายนี้มากขึ้น พูดได้เลยว่าไปเล่นค่ายอื่นอ่ะ ผมสบายเลยเพราะเจองานช้างมาแต่แรก ฮ่าๆๆๆๆๆ แต่ก็นะกล้องค่ายนี้มันมีความพิเศษอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ทำให้ผมติดใจและยังทำให้ใช้มาจนถึงทุกวันนี้ แล้วสเน่ห์ที่ผมว่ามามันคืออะไรล่ะ คุณจะสามารถหาคำตอบได้จากรีวิวฉบับนี้ครับ^^
“The Fully Of Charm” Of “เพ็ญแถกกกกกกกกก”
#######ทำความเข้าใจกันสักนิด รีวิวฉบับนี้เอาแบบไม่วิชาการจ๋ามากนะครับ ถ้าอยากอ่านสเปคแบบเจาะลึกไปหาอ่านลิงค์ด้านล่างนี้นะครับ#######
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.pentaxforums.com/reviews/pentax-kp-review/introduction.html
ของฝรั่งแปลเอาเอง ผมจะพูดแบบคนใช้จริงๆ ความรู้สึกตรงๆแบบไม่มีอวย อยากให้ทุกท่านที่อยากรู้ว่ากล้องยี่ห้อนี้มีดีอย่างไรได้รู้กันครับ…
ถือเป็นฤกษ์ยามงามดีหรืออย่างไรก็มิอาจทราบได้ เพราะในช่วงที่ผมได้เจ้า KP มานั้นเป็นช่วงที่ผมไปพักผ่อนที่พัทยาพอดิบพอดี ความพิเศษของทริปนี้ ผมได้พักที่ U Pattaya รีสอร์ท 5 ดาวแห่งบางเสร่ ซึ่งธีมของรีสอร์ทแห่งนี้มาในคอนเซปต์ Fisherman village บร๊ะ ช่างประเสริฐอะไรขนาดนี้ ก็เลยได้โอกาสเอากล้องตัวนี้ไปทดสอบซะเลย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เสน่ห์ของ Pentax ตั้งแต่รุ่นเก่าๆยังคงถูกถ่ายทอดลงสู่รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง KP อย่างครบถ้วนในหลายๆจุด อย่างแรกเราจะพูดถึงส่วนของตัวบอดี้กันก่อน
KP ให้ความรู้สึกหนักแน่น ปึ๊ก ตามสไตล์ Pentax วัสดุบอดี้เป็น แมกนีเซียมอัลลอยด์ ส่วนด้านหน้า ด้านหลัง และด้านใต้ ส่วนด้านบนเป็นโพลีคาร์บอเนต เพื่ออาจจะลดน้ำหนักลงบ้าง แต่ก็ยังหนักกว่าเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ในระดับเดียวกัน แต่ก็นะค่ายอื่นบางค่ายที่เคยลองจับแล้ว Pentax ให้ความกระชับมากกว่าดูมีน้ำหนัก วัสดุการประกอบดี ลองไปจับดูได้เลย ไม่ได้อวยเน้ออออ บอดี้รุ่นนี้ถึงจะเป็น Mid-range แต่มีความเล็กและบางลงจนขนาดความหนาของมันจนทำให้ผมจับเกือบจะไม่ถนัด ไม่เหมือนรุ่นก่อนๆที่จะหนาๆอวบๆ เหมาะมือมาก แต่ก็ยังพอมีข้อดีที่มาทดแทน ก็คือสามารถเปลี่ยนกริปตรงมือจับได้ถึง 3 แบบ!! เห้ยย เหมือนอารมณ์กลับมาใช้กล้องฟิล์มเก่าๆพวก ตระกูล LX ที่มันเปลี่ยนกริปมือจับได้อ่ะ เจ๋งโคตร แต่แบบที่ให้มาในกล่องตอนซื้อครั้งแรกจะเป็นแบบเล็กนะ ซึ่งผมว่ามันยังจับไม่ถนัดสำหรับคนมือใหญ่แบบผม นิ้วก้อยและนิ้วนางหลุดอ่ะ แถมจับยังไม่กระชับพอ ต้องซื้อเพิ่มนะสำหรับขนาด M และ L สามารถใส่ Battery Grip เพิ่มได้ตามปกติ น่าจะทำให้กระชับได้มากกว่านี้แน่นอน
เปลี่ยน Gripที่มือจับได้ คือดีย์ๆๆ
การวางปุ่มผมว่าทำได้ดีมาก นี่คือเสน่ห์ของ Pentax เลย ไม่ว่าคุณจะเล่นบอดี้รุ่นไหน ตั้งแต่รุ่นเล็กสุดยันรุ่นโปร การออกแบบจะมาในแนวๆเดียวกัน คือ ถูกหลัก Ergonomic ปุ่มไหนใช้บ่อยจะแยกออกมา ไม่ต้องเสียเวลาไปงมในเมนู หลักๆที่ต่างกัน คือรุ่นเล็กจะไม่มีจอแสดงผลบนแค่นั้นเอง แต่ปุ่ม 4 way control ด้านหลัง เนื่องด้วยกล้องมีขนาดเล็กลงจึงต้องออกแบบปุ่มให้เล็กลงตามไปด้วย ผมมีความเห็นว่า ปุ่มมันเล็กไปนิด ถ้าทำขนาดให้ใหญ่แบบรุ่นอื่นๆ จะประเสริฐมาก
ใส่ Batterry Grip ได้เป็นมาตรฐาน
Dial รุ่นนี้บ้าพลังมาให้มาถึง 3 วง มายก้อดดด อะไรจะเยอะปานนั้น ใช้งานสะดวกสุดๆ ยกมาจาก K-1 ฟลูเฟลมตัวท้อปของค่ายนั่นเอง ในเมื่อมีถึง 3 Dial การปรับตั้งค่าจึงเป็นไปอย่างอิสระ และสามารถปรับได้ละเอียด และปรับได้พร้อมๆกันโดยไม่จำเป็นต้องกดเข้าไปตั้งในเมนูให้เสียเวลาเลย โดยส่วนตัวรู้สึกว่าจอบนไม่จำเป็นเลยเมื่อมี dial ถึง 3 วงเช่น ปรับ ISO F-STOP SPEED SHUTTER ได้พร้อมๆกัน นอกจากนั้นยังสามารถ Custom function อื่นๆได้ตามใจ User เช่น เลือกโหมดที่ใช้งานบ่อย, Peaking focus, ลดความสว่างหน้าจอ, BKT, เลือกการวัดแสงเป็นต้น เอาเป็นว่าถูกใจตากล้องรับงานแน่นอน ที่สำคัญเข้าใจง่ายและไม่ได้ใช้ยุ่งยากหรือสร้างความงงงวยใดๆทั้งสิ้น ถือว่า Pentax KP User-Friendly มากๆเลยล่ะ
ในบอดี้ Pentax แทบทุกรุ่นจะมีปุ่มอยู่ปุ่มนึงคือปุ่มสีเขียว หรือชาวแป้นจะเรียกกันว่า “ปุ่มเขียวมัศจรรย์” ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง แต่โดยหลักๆแล้วคือเวลาเราใช้กับโหมด M ปุ่มนี้สามารถกดเพื่อวัดแสงได้เลย เรียกว่าโคตรจะเป็นมิตรกับมือใหม่หัดเล่นโหมดแมนนวล แค่กดปุ่มเขียวก่อนถ่ายรูป กล้องจะวัดค่าแสงที่พอดี กดถ่ายได้เลยไม่ง้อโหมด P ฮ่าๆๆๆ ซึ่งสะดวกๆมากๆกับการใช้กับเลนส์มือหมุน (คือมันก็มีสเกลบอกค่าแสงใน viewfinder อยู่แล้วนะ) นอกจากนี้ยังเอาไว้ set ค่าต่างๆให้กลับมาเป็น Standard ได้อีกด้วย
จุดเด่นที่สำคัญที่ถือเป็นจุดขายแทบทุกรุ่นคือ ความสามารถในการกันฝุ่นและละอองน้ำรวมถึงทนต่อสภาพอากาศหนาวได้ถึง -10 องศา เพราะมีซีลมากถึง 67 จุด แต่มันไม่ได้กันดำน้ำนะครับ อย่าเข้าใจผิดกันล่ะ เรียกได้ว่าเอาไปเล่นสงกรานต์แบบไม่ต้องพึ่งเคสกันน้ำเลยล่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้ร่วมกับเลนส์รหัส WR (Water resistance) นะ จะได้ไม่มีปัญหาน้ำเข้าที่เมาท์กล้องเอาได้ หลังจากเปียกน้ำก็ควรจะเช็ดทำความสะอาดและรีบเอาเข้าตู้กันชื้นด้วยล่ะ!!
ควรใช้กับเลนส์รหัส WR ในภาพคือ HD Da 16-85 WR
[SR] รีวิว "Pentax KP" The Fully Of Charm
ก่อนอื่น…ใครสายเร็ว อยากอ่านหน้าเดียวจบไปหน้าสุดท้าย…
ใครอยากเสพให้กิเลสเพิ่มขอเชิญอ่านตั้งแต่ต้นจนจบครับ อิอิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนั้นจำได้เลยว่าตื่นเต้นมากที่จะได้โม้สรรพคุณของกล้องที่ดีตัวนึงแต่โลกลืม… ให้ชาวพันทิปได้เสพกัน ผ่านวันเวลามาเกือบ 2 ปีแล้ว ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่าเปลี่ยนกล้องไปกี่ครั้งแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ จนกระทั่งกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่ผมกำลังเคร่งเครียดกับการสอบปลายภาคปี 3 ก็ได้รับ Messenger ทาง Facebook จากบริษัท East Enterprise พร้อมกับมีข่าวดีที่เซอร์ไพรส์สุดๆ “น้องยูสนใจเอากล้องไปรีวิวไหม” ห๊ะนี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!! จะได้ของเล่นใหม่มาลองอีกแล้ววววว ผมรีบตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจ ด้วยความอนุเคราะห์ของทางบริษัท จึงทำให้ความเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือหายเป็นปลิดทิ้ง!! และมีกำลังใจในการทำรีวิวกล้อง เห้ยยยย ไม่ใช่ กำลังใจอ่านหนังสือสิ โถ่ๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่กี่วันต่อมา Pentax KP + เลนส์ 16-85 ก็ส่งตรงมาถึงบ้านของผม ซึ่งหลังจากที่ได้ใช้ชีวิตกับเจ้า KP มาเกือบ 2 อาทิตย์ก็ได้ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างของ Pentax ที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก บวกกับความมีเสน่ห์ของมันทำให้คนที่ใช้แต่ Pentax มาตลอดอย่างผมต้องมีแปลกใจกันบ้างล่ะ…
ผมเฝ้ารอการเปิดตัวของเจ้า KP มาอยู่นาน จากเว็ป rumor ของฝรั่ง ซึ่งก็มีข่าวหลุดออกมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็คลอดออกมาในช่วงปลายเดือนมกราคม 2017 เป็นรุ่นที่ออกมาอยู่ในระดับที่สูงกว่า K-70 แต่ถูกวางไว้ต่ำกว่า K-3II โดยในความคิดผมนั้น มันเหมือนเป็นกล้องที่ Integrated ความสามารถของหลายๆรุ่น เช่น ขนาดเล็กและน้ำหนักเบาจาก K-70 ระบบโฟกัสจาก K-3 II หรือแม้แต่ Processor รุ่นใหม่ (PRIME IV processor) จาก Flagship อย่าง K-1 มากไปกว่านั้นยังมีฟังก์ชั่นที่ไม่เคยมีมาใน Pentax APSC DSLR มาก่อน เช่น ISO มากสุดถึง 819,200 บร๊ะเจ้า!! ,Electronic shutter 1/24000s (in live view), การถ่ายภาพแบบคร่อม ที่สามารถปรับค่าได้ละเอียดมากขึ้น (new bracketing options),พัฒนาฟังก์ชั่น Peaking Focus ให้ปรับตั้งค่าได้มากขึ้น หรือแม้แต่ระบบ กันสั่นในบอดี้แบบ 5 แกน รุ่นใหม่ (5-axis Shake Reduction II) นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ได้ถูกพัฒนารวมถึงยัดเข้ามาในบอดี้อย่างไม่มีกั๊ก เรียกได้ว่า ครบทุกความต้องการจริงๆ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต้องขอออกตัวก่อนว่า จุดเริ่มต้นของการเล่นกล้องของผม ไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านนัก ย้อนกลับไปช่วงปี ค.ศ. 2012 ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ม.3 ณ ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับกล้อง ใช้แค่ Nikon S220 compact ตัวเก่าของพ่อสนุกๆไปวันๆเท่านั้นเอง จนกระทั่งเจอ Pentax KR สีชมพูวางขายที่ Big camera สาขาหนึ่ง อ่านไม่ผิดหรอกครับ ทันใดนั้นผมตกหลุมรักกล้องค่ายนี้เข้าเต็มๆ กล้องบ้าไรวะโคตรมีสเน่ห์!! สีชมพูหวานแหววของมันชวนผมให้ออกอาการแต๋วจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว ไปยืนมองอยู่นาน จะซื้อดีมั้ยเนี่ย…. แต่มันก็ยังจะเคอะเขินไปหากผู้ชายตัวอ้วนดำ หน้าโง่ๆ สะพายกล้องสีชมพู อี๋…..แค่คิดก็สยองแล้ว
ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจไปถอย K20D มาแทนซึ่งกำลังตกรุ่นและลดราคา ฮ่าๆๆๆๆๆ
#######ทำความเข้าใจกันสักนิด รีวิวฉบับนี้เอาแบบไม่วิชาการจ๋ามากนะครับ ถ้าอยากอ่านสเปคแบบเจาะลึกไปหาอ่านลิงค์ด้านล่างนี้นะครับ#######
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ของฝรั่งแปลเอาเอง ผมจะพูดแบบคนใช้จริงๆ ความรู้สึกตรงๆแบบไม่มีอวย อยากให้ทุกท่านที่อยากรู้ว่ากล้องยี่ห้อนี้มีดีอย่างไรได้รู้กันครับ…
ถือเป็นฤกษ์ยามงามดีหรืออย่างไรก็มิอาจทราบได้ เพราะในช่วงที่ผมได้เจ้า KP มานั้นเป็นช่วงที่ผมไปพักผ่อนที่พัทยาพอดิบพอดี ความพิเศษของทริปนี้ ผมได้พักที่ U Pattaya รีสอร์ท 5 ดาวแห่งบางเสร่ ซึ่งธีมของรีสอร์ทแห่งนี้มาในคอนเซปต์ Fisherman village บร๊ะ ช่างประเสริฐอะไรขนาดนี้ ก็เลยได้โอกาสเอากล้องตัวนี้ไปทดสอบซะเลย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เสน่ห์ของ Pentax ตั้งแต่รุ่นเก่าๆยังคงถูกถ่ายทอดลงสู่รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง KP อย่างครบถ้วนในหลายๆจุด อย่างแรกเราจะพูดถึงส่วนของตัวบอดี้กันก่อน
KP ให้ความรู้สึกหนักแน่น ปึ๊ก ตามสไตล์ Pentax วัสดุบอดี้เป็น แมกนีเซียมอัลลอยด์ ส่วนด้านหน้า ด้านหลัง และด้านใต้ ส่วนด้านบนเป็นโพลีคาร์บอเนต เพื่ออาจจะลดน้ำหนักลงบ้าง แต่ก็ยังหนักกว่าเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ในระดับเดียวกัน แต่ก็นะค่ายอื่นบางค่ายที่เคยลองจับแล้ว Pentax ให้ความกระชับมากกว่าดูมีน้ำหนัก วัสดุการประกอบดี ลองไปจับดูได้เลย ไม่ได้อวยเน้ออออ บอดี้รุ่นนี้ถึงจะเป็น Mid-range แต่มีความเล็กและบางลงจนขนาดความหนาของมันจนทำให้ผมจับเกือบจะไม่ถนัด ไม่เหมือนรุ่นก่อนๆที่จะหนาๆอวบๆ เหมาะมือมาก แต่ก็ยังพอมีข้อดีที่มาทดแทน ก็คือสามารถเปลี่ยนกริปตรงมือจับได้ถึง 3 แบบ!! เห้ยย เหมือนอารมณ์กลับมาใช้กล้องฟิล์มเก่าๆพวก ตระกูล LX ที่มันเปลี่ยนกริปมือจับได้อ่ะ เจ๋งโคตร แต่แบบที่ให้มาในกล่องตอนซื้อครั้งแรกจะเป็นแบบเล็กนะ ซึ่งผมว่ามันยังจับไม่ถนัดสำหรับคนมือใหญ่แบบผม นิ้วก้อยและนิ้วนางหลุดอ่ะ แถมจับยังไม่กระชับพอ ต้องซื้อเพิ่มนะสำหรับขนาด M และ L สามารถใส่ Battery Grip เพิ่มได้ตามปกติ น่าจะทำให้กระชับได้มากกว่านี้แน่นอน
การวางปุ่มผมว่าทำได้ดีมาก นี่คือเสน่ห์ของ Pentax เลย ไม่ว่าคุณจะเล่นบอดี้รุ่นไหน ตั้งแต่รุ่นเล็กสุดยันรุ่นโปร การออกแบบจะมาในแนวๆเดียวกัน คือ ถูกหลัก Ergonomic ปุ่มไหนใช้บ่อยจะแยกออกมา ไม่ต้องเสียเวลาไปงมในเมนู หลักๆที่ต่างกัน คือรุ่นเล็กจะไม่มีจอแสดงผลบนแค่นั้นเอง แต่ปุ่ม 4 way control ด้านหลัง เนื่องด้วยกล้องมีขนาดเล็กลงจึงต้องออกแบบปุ่มให้เล็กลงตามไปด้วย ผมมีความเห็นว่า ปุ่มมันเล็กไปนิด ถ้าทำขนาดให้ใหญ่แบบรุ่นอื่นๆ จะประเสริฐมาก
Dial รุ่นนี้บ้าพลังมาให้มาถึง 3 วง มายก้อดดด อะไรจะเยอะปานนั้น ใช้งานสะดวกสุดๆ ยกมาจาก K-1 ฟลูเฟลมตัวท้อปของค่ายนั่นเอง ในเมื่อมีถึง 3 Dial การปรับตั้งค่าจึงเป็นไปอย่างอิสระ และสามารถปรับได้ละเอียด และปรับได้พร้อมๆกันโดยไม่จำเป็นต้องกดเข้าไปตั้งในเมนูให้เสียเวลาเลย โดยส่วนตัวรู้สึกว่าจอบนไม่จำเป็นเลยเมื่อมี dial ถึง 3 วงเช่น ปรับ ISO F-STOP SPEED SHUTTER ได้พร้อมๆกัน นอกจากนั้นยังสามารถ Custom function อื่นๆได้ตามใจ User เช่น เลือกโหมดที่ใช้งานบ่อย, Peaking focus, ลดความสว่างหน้าจอ, BKT, เลือกการวัดแสงเป็นต้น เอาเป็นว่าถูกใจตากล้องรับงานแน่นอน ที่สำคัญเข้าใจง่ายและไม่ได้ใช้ยุ่งยากหรือสร้างความงงงวยใดๆทั้งสิ้น ถือว่า Pentax KP User-Friendly มากๆเลยล่ะ
ในบอดี้ Pentax แทบทุกรุ่นจะมีปุ่มอยู่ปุ่มนึงคือปุ่มสีเขียว หรือชาวแป้นจะเรียกกันว่า “ปุ่มเขียวมัศจรรย์” ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง แต่โดยหลักๆแล้วคือเวลาเราใช้กับโหมด M ปุ่มนี้สามารถกดเพื่อวัดแสงได้เลย เรียกว่าโคตรจะเป็นมิตรกับมือใหม่หัดเล่นโหมดแมนนวล แค่กดปุ่มเขียวก่อนถ่ายรูป กล้องจะวัดค่าแสงที่พอดี กดถ่ายได้เลยไม่ง้อโหมด P ฮ่าๆๆๆ ซึ่งสะดวกๆมากๆกับการใช้กับเลนส์มือหมุน (คือมันก็มีสเกลบอกค่าแสงใน viewfinder อยู่แล้วนะ) นอกจากนี้ยังเอาไว้ set ค่าต่างๆให้กลับมาเป็น Standard ได้อีกด้วย
จุดเด่นที่สำคัญที่ถือเป็นจุดขายแทบทุกรุ่นคือ ความสามารถในการกันฝุ่นและละอองน้ำรวมถึงทนต่อสภาพอากาศหนาวได้ถึง -10 องศา เพราะมีซีลมากถึง 67 จุด แต่มันไม่ได้กันดำน้ำนะครับ อย่าเข้าใจผิดกันล่ะ เรียกได้ว่าเอาไปเล่นสงกรานต์แบบไม่ต้องพึ่งเคสกันน้ำเลยล่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้ร่วมกับเลนส์รหัส WR (Water resistance) นะ จะได้ไม่มีปัญหาน้ำเข้าที่เมาท์กล้องเอาได้ หลังจากเปียกน้ำก็ควรจะเช็ดทำความสะอาดและรีบเอาเข้าตู้กันชื้นด้วยล่ะ!!
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้