สารานุกรมปืนตอนที่ 185 The “National Match” M1911 Pistols

"ขอขอบคุณเพจ Military tactical weapons(อาวุธยุทธวิธีทางทหาร) อย่างสูงครับ

https://www.facebook.com/militarytacticalweapons/?hc_ref=ARRqCnGw1ZsjIEmIjK6c6WuRLeWkCizRra03Gzmg_JKP9xYX19Ya2p_D00ZoSsQ4NXU


ปืนทหารเพื่องานยิงเป้า Colt Gold Cup National Match

ขนาดกระสุน .45 ACP (11 มม.)ซองกระสุน 7 หรือ 8 นัด

มิติยาวxสูงxหนา : 210x140x33 มิลลิเมตร

ลำกล้อง 127 มม. (5 นิ้ว)

น้ำหนัก 1,150 กรัม

แรงเหนี่ยวไก 1800 กรัม (4 ปอนด์)

วัสดุ เหล็กรมดำ

ลักษณะใช้งาน ยิงเป้า, เฝ้าบ้าน, จนท. พกซองนอก
....................................................................................................



อีกด้านหนึ่งของการปรับแบบ ช่วงหลังสงครามในการแข่งขันยิงปืนระดับชาติ หรือ (National Match) มีปืนขนาด .45 เป็นปืนบังคับ ช่างแสงใช้วิธีเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอใส่ของใหม่ปรับแต่งไปทีละจุดให้ปืนใช้งานยิงได้แม่นยำขึ้น

ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเล็กน้อย กองทัพสหรัฐ เปลี่ยนปืนพกประจำกายทหารจากปืนลูกโม่เป็นปืนกึ่งอัตโนมัติ เรียกชื่อว่า M 1911 (Model of 1911) ตามปี ค.ศ. ที่รับเข้าประจำการ เป็นผลงานการออกแบบของ จอห์น เบรานิงก์ ขณะทำงานให้บริษัทโคลท์ ในปัจจุบันมีการผลิตปืนตามแบบ 1911 นี้อย่างแพร่หลายเนื่องจากสิทธิบัตรหมดอายุไปนานแล้ว แต่ตัวปืนที่มีการปรับเสริมให้เข้าลักษณะงานต่าง ๆ ยังเป็นที่นิยมอย่างสูง

ในปี 1924 หลังผ่านสงครามใหญ่ครั้งแรก มีการปรับแบบ M1911 เป็น M1911A1 โดยอาศัยข้อเสนอแนะจากทหารที่ใช้งานจริง จุดที่เปลี่ยนคือ ศูนย์หน้าใหญ่ขึ้นเพื่อให้เล็งง่าย, ไกสั้นลงและทำส่วนเว้าที่โครงปืนซ้ายขวาหลังตัวไก ช่วยให้คนมือเล็กเหนี่ยวไกได้ถนัดขึ้น, หลังอ่อนหางยาวออกมาเล็กน้อย กันนกสับง้างมาหนีบง่ามมือ, และเรือนสปริงนกสับโค้งดันอุ้งมือ นัยว่าช่วยให้แนวลำกล้องเงยขึ้น แก้อาการยิงกินต่ำเมื่อไม่ใช้ศูนย์

อีกด้านหนึ่งของการปรับแบบ ช่วงหลังสงครามในการแข่งขันยิงปืนระดับชาติ หรือ (National Match) มีปืนขนาด .45 เป็นปืนบังคับ ช่างแสงใช้วิธีเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอใส่ของใหม่ปรับแต่งไปทีละจุดให้ปืนใช้งานยิงได้แม่นยำขึ้น เมื่อบริษัทโคลท์มองเห็นความต้องการของตลาด จึงผลิตปืนระดับยิงเป้าออกขาย เริ่มในปี 1933 เรียกชื่อรุ่นว่า National Match ใช้ลำกล้องอย่างดี ติดศูนย์ใหญ่ ซึ่งต่อมาในปี 1935 เริ่มใช้ศูนย์ปรับได้ ขายต่อเนื่องถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจึงหยุดการผลิต



ชื่อ “โกลด์คัพ” (Gold Cup) มาปรากฏครั้งแรกในปี 1957 เมื่อโคลท์นำแบบปืน National Match กลับมาผลิตใหม่ เรียกชื่อเต็มว่า “โกลด์คัพ เนชันแนลแมทช์” มีจุดที่แตกต่างจากรุ่นใช้งาน “กัฟเวิร์นเมนท์” คือ ศูนย์หน้าสูงตัดเหลี่ยม, ศูนย์หลังปรับได้แบบยิงเป้า, ลำเลื่อนทำสันเป็นหลังถนน, ลายกันลื่นเอียง, ไกยาว มีสกรูหยุดไก และใช้เรื่องสปริงนกสับแบบตรง เหมือน 1911 ดั้งเดิม เพิ่มลายกันลื่น ส่วนภายในใช้ชุดลั่นไกแบบพิเศษ มุ่งให้ได้ไกเบาระดับ 3 ปอนด์

โกลด์คัพ เนชันแนลแมทช์ มีการปรับตัวอีกสองครั้ง คือปี 1970 เพิ่ม Series 70 ต่อท้าย ในยุคนั้นโคลท์ออกแบบบูชลำกล้องแบบแฉก อาศัยแรงสปริงบีบลำกล้องให้ฟิตแน่น ประหยัด เวลาการขัดแต่งทีละชิ้น ต่อมาในปี 1983 เปลี่ยนเป็น Series 80 เพิ่มระบบล็อกเข็มแทงชนวน ป้องกันปืนลั่นเมื่อหล่นกระแทก ปืนคู่นี้ใช้ลำเลื่อนสันโครงธรรมดา ไม่ทำหลังถนนเหมือนของเดิม


จาก โกลด์คัพ เนชันแนลแมทช์ โคลท์ เพิ่ม Gold Cup Trophy ในปี 1997 จุดสังเกตคือ นกสับรูปห่วง และหลังอ่อนที่ยื่นยาวออกพ้นหางนก ซึ่งจุดนี้เป็นที่นิยมของนักกีฬายิงปืนระบบรณยุทธ์ ที่เน้นการจับปืนสูงเพื่อให้คุมแรงรีคอยล์ได้ดี ในแคตตาล็อกของโคลท์ ปัจจุบันมี โกลด์คัพ สามรุ่นนี้ให้เลือก

โดยรวม โคลท์ โกลด์คัพ เนชันแนลแมทช์ นอกจากเป็นปืนยิงเป้าแม่นยำสูงตามที่ออกแบบมาแล้ว ยังใช้เป็นปืนเฝ้าบ้านป้องกันชีวิตและทัพย์สินได้อย่างดี ใช้พกซองนอกอาจติดขัดเล็กน้อยที่ศูนย์หน้า การทำงานไว้ใจได้เต็มที่ ระบบความปลอดภัยครบครัน ข้อดีอีกข้อหนึ่งคือความขลังของยี่ห้อโคลท์ ซื้อเก็บในลักษณะลงทุนได้ราคาไม่ตก.

Credit:
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช

http://www.dailynews.co.th/Content/Article/302526

http://www.sightm1911.com/lib/history/nm.htm

http://www.gun.in.th/board/index.php?topic=88159.0

http://www.thaipoliceshootingclub.com/forum/index.php

http://www.gun.in.th/board/index.php?topic=1020.0




สวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่