"ขอขอบคุณเพจ GUN in The World เเอดมิน Gtd.77 อย่างสูงครับ"
https://www.facebook.com/Supakorngimzaa/?hc_ref=ARSVP07Rd-CFgU5_qUtnwLMw_f0KEuzMrtl4JqDBDueoDXYXpdasmnupVxHVRkYvqMQ&fref=nf

LWMMG ปืนกลกลางน้ำหนักเบา(เหรอ?)
ความเป็นมา
LWMMG “Light Weight Medium Machine Gun” ตัวต้นแบบถูกพัฒนาโดยยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสหรับอเมริกาอย่างบริษัท General Dynamics เปิดตัวครั้งแรกในระหว่างการประชุม NDIA เมื่อเดือนพฤษภาคม 2012 ซึ่งตอนนั้นยังพัฒนาไม่เสร็จเรียบร้อย แต่คาดหวังว่าในอนาคตมันจะถูกใช้งานในอนาคต
LWMMG มีแนวคิดที่มาจากหลักนิยมพื้นฐานที่เด่นชัดของกองทัพบกสหรัฐในปัจจุบันอย่าง” การจับคู่กันอย่างมีประสิทธิภาพ” โดยมีความต้องการให้อาวุธใหม่นี้มีประสิทธิภาพมากว่าอาวุธของฝ่ายตรงข้าม เช่นในกรณีนี้ LWMMG มีประสิทธิภาพมากกว่าอาวุธเบาแบบต่าง (ปืนเล็กยาวหรือปืนกลขนาด 7.62 มม.) ที่ถูกใช้งานโดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายต่างๆในอัฟกานิสถานและอิรัก ปัจจุบันหน่วยรบขนาดเล็กของกองทัพสหรัฐมีอาวุธเบา (ปลย.และปืนกลอเนกประสงค์) กับความสามารถมากหรือน้อยในการยิง

กระสุนขนาด .338 Norma Magnum (8.6x63.3 มม.) ถูกพัฒนาเมื่อเร็วๆนี้ พัฒนามาจากกระสุน .339 Lapua Magnum โดยมีความยาวตัวปลอกที่สั้นกว่าเล็กน้อยและรูปทรงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยทำให้ความยาวโดยรวมเท่ากับ .338LM จึงใช้ลูกกระสุนที่มีความยาวและน้ำหนักมากกว่า กับมีขีปนวิธีที่โดดเด่น โดยพื้นฐานกระสุน .338NM ถูกใช้ยิงใน LWMMG โดยกระสุนของ Sierra MatchKing ลูกกระสุนหนัก 19.44 กรัม (300 เกรน) ที่ความเร็ว 808 เมตร/วินาที (2650 ฟุต/วินาที) พลังงาน ณ ปากลำกล้อง 6300 จูล (4600 ฟุต-ปอนด์)
LWMMG ถูกเสนอให้เพิ่มระยะหวังผลให้มากกว่าเดิม (ของปืนกลอเนกประสงค์ ขนาด 7.62 มม.เช่น M240 และ PKM ระยะหวังผลอยู่ที่ประมาณ 700 ม. แต่ LWMMG ระยะหวังผลอยู่ที่ 1700 ม.) ในการสังหารเป้าหมาย พลังงานของลูกกระสุน .338NM ที่ระยะ 1000 เมตร ยิงจาก LWMMG มากกว่าพลังงานของกระสุนขนาด 7.62 มม. ที่ยิงจาก M240 ทั้ง 4 ครั้ง ข้อสังเกต LWMMG ถูกตั้งใจประยุกต์ในการใช้งานที่ต่างไปจากเดิม สามารถใช้งานบนแท่นยิงหรือทหารเดินเท้าได้ ตัวปืนมันเองค่อนข้างเบาและความจริงมันเบากว่า M240B ถึง 3 ปอนด์ หรือประมาณ 1.3 กก. แต่กระสุน.338NM มีน้ำหนักมากกว่า 7.62x51 มม. NATO ถึงสองเท่า (45.5 กรัม / 702 เกรน ของ .338NM ต่อ 24 กรัม / 370 เกรน ของ 7.62x51 มม. NATO) ข้อต่อสายกระสุนของ LWMMG หนักกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับ ข้อต่อแบบ M13 ของสายกระสุนขนาด 7.62x51 มมNATO (8 กรัม ต่อ 4 กรัม) ลองเปรียบเทียบกระสุน 1 สายสำหรับการยิงต่อเนื่องใน 1 นาที LWMMG มีอัตราการยิงอยู่ที่ 500 นัดต่อนาที (สายละ 500 นัด) จะมีน้ำหนัก 37.6 กก. ส่วน M240B ที่มีอัตราการยิงอยู่ที่ 800 นัด ต่อนาที (สายละ 800 นัด) จะมีน้ำหนัก 34.4 กก.

LWMMG ใช้ระบบทำงานด้วยแก๊สดันต่อลูกสูบแบบช่วงชักยาว พร้อมยิงในตำแหน่งหน้าลูกเลื่อนเปิด ลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอนกับท้ายรังเพลิง ลูกสูบแก๊สอยู่ที่ใต้ลำกล้อง ระบายความร้อนด้วยอากาศ ลำกล้องแบบปลดเร็ว
กุญแจสำคัญที่ทำให้น้ำหนักเบาและมีแรงสะท้อนถอยหลังต่ำของ LWMMG คือ เทคโนโลยี Short Recoil Impulse Averaging (วิธีใช้การถอยหลังระยะสั้นของลำกล้องเป็นตัวเฉลี่ยแรงที่เกิดขึ้น//คล้ายๆระบบของ AN-94 เลยแฮะ) ที่เคยใช้ในปืนกลแบบ XM806 ขนาด .50 BMG (12.7x99 มม.) ออกแบบโดย General Dynamics เอง ภายในระบบ ส่วนของลำกล้องทั้งหมด เครื่องปิดท้ายรังเพลิง ระบบแก๊ส ส่วนประกอบลูกเลื่อน ยอมให้เคลื่อนที่ถอยหลังได้ภายใน ชุดลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอนกับเครื่องปิดท้ายในลักษณะปกติของวงรอบการบรรจุกระสุน การยิง การรั้งปลอก และการคัดปลอก ส่วนประกอบทั้งหมดจะเคลื่อนที่เข้าและออก ทำให้ลดจุดสูงสุดของแรงสะท้อนถอยหลังลงมา จุดเด่นอื่นๆของกลไกนี้คือ เวลาทำการยิง แรงสะท้อนจะไปทางด้านหน้าด้วย นั่นทำให้ลดจุดสูงสุดของแรงสะท้อนถอยหลังได้
LWMMG ป้อนกระสุนด้วยสายกระสุนเข้าทางด้านซ้ายของตัวปืน ข้อต่อสายกระสุนออกแบบมาเฉพาะ ทำจากโลหะมีลักษณะคล้ายข้อต่อแบบ M13 แต่ขนาดใหญ่กว่าเพื่อรองรับกับกระสุน .338NM ได้นั่นเอง การป้อนกระสุนแบบ Push-Through
LWMMG มีด้ามปืนและชุดเครื่องลั่นไกติดตั้งอยู่ที่ใต้โรงปืนด้านหลัง มีพานท้ายแบบปรับระยะความยาวได้ สามารถทำการยิงบนขาทรายที่พับเก็บอยู่ใต้ประกับรองมือหรือติดตั้งบนขาหยั่งแบบ M192 (แต่เดิมพัฒนามาสำหรับปืนกล M240 และ M249) และติดตั้งบนยานพาหนะแบบต่างๆได้ ด้านบนมีรางสำหรับติดกล้องช่วยเล็งแบบต่างๆ ทั้งกล้องช่วยเล็งแบบกลางวันหรือกลางคืนตามแต่ภารกิจที่ได้รับมา
LWMMG ถูกนำไปทดสอบการใช้งานจำนวนหนึ่งโดย นาวิกโยธินสหรัฐ โดยเป็นตัวอุดช่องว่างระหว่าง M240B กับ M2HB นั่นเอง

ข้อมูลทางเทคนิค
ชื่อ Light Weight Medium Machine Gun : LWMMG
บริษัท General Dynamics
ระบบ ทำงานด้วยแก๊สดันต่อลูกสูบแบบช่วงชักยาว พร้อมระบบ Short Recoil Impulse Averaging ลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอนกับท้ายรังเพลิง
น้ำหนัก 24 ปอนด์ หรือ 10.8 กก.
อัตราเร็วการยิงทางทฤษฎี 500 นัดต่อนาที
กระสุนขนาด .338 Norma Magnum ( 8.6x63.3 มม.) 300gr Sierra HPBT, FMJ, AP
ความเร็วปากลำกล้อง 2650 ฟุตต่อวินาที หรือ 807.7 เมตรต่อวินาที
ระยะหวังผลไกลสุด 1700 เมตร
ระยะยิงได้ไกลสุด 5642 เมตร
ความตัวปืน 1244.6 มม.
ความยาวลำกล้อง 609.6 มม. (24 นิ้ว)
สายกระสุน 100 นัด
ที่มา
-
https://www.gd-ots.com/…/in…/lightweight-medium-machine-gun/
-
https://modernfirearms.net/…/m…/u-s-a-machineguns/lwmmg-eng/
-
https://en.wikipedia.org/wiki/Lightweight_Medium_Machine_Gun
-
http://www.thedrive.com/…/u-s-special-operators-and-marines…
-
https://www.thefirearmblog.com/…/usmc-socom-want-general-d…/
ความเห็น เมื่อเเอด 1 ขี้เกียจ งั้น แอด 2 ทำเอง เข้าเรื่อง เป็นปืนเเบบใหม่ที่มาอุดช่องว่างของระยะยิงระหว่าง M240B กับ M2 HB ด้วยพลังทำลายเเละระยะยิง พร้อมมาด้วยน้ำหนักปืนที่เบากว่า M240B (10.8 กก.ก็ไม่เบาเท่าไหร่นะ) ทหารเดินเท้าจึงสามารถนำพาไปได้ อีกทั้งยังติดตั้งกับยานพาหนะเเบบต่างๆได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ยิงสนับสนุนให้กับหน่วยได้เป็นอย่างดี ผิดพลาดอย่างไร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ Ghosttando77 ; Gtd.77
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 183 LWMMG ปืนกลกลางน้ำหนักเบา
https://www.facebook.com/Supakorngimzaa/?hc_ref=ARSVP07Rd-CFgU5_qUtnwLMw_f0KEuzMrtl4JqDBDueoDXYXpdasmnupVxHVRkYvqMQ&fref=nf
LWMMG ปืนกลกลางน้ำหนักเบา(เหรอ?)
ความเป็นมา
LWMMG “Light Weight Medium Machine Gun” ตัวต้นแบบถูกพัฒนาโดยยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสหรับอเมริกาอย่างบริษัท General Dynamics เปิดตัวครั้งแรกในระหว่างการประชุม NDIA เมื่อเดือนพฤษภาคม 2012 ซึ่งตอนนั้นยังพัฒนาไม่เสร็จเรียบร้อย แต่คาดหวังว่าในอนาคตมันจะถูกใช้งานในอนาคต
LWMMG มีแนวคิดที่มาจากหลักนิยมพื้นฐานที่เด่นชัดของกองทัพบกสหรัฐในปัจจุบันอย่าง” การจับคู่กันอย่างมีประสิทธิภาพ” โดยมีความต้องการให้อาวุธใหม่นี้มีประสิทธิภาพมากว่าอาวุธของฝ่ายตรงข้าม เช่นในกรณีนี้ LWMMG มีประสิทธิภาพมากกว่าอาวุธเบาแบบต่าง (ปืนเล็กยาวหรือปืนกลขนาด 7.62 มม.) ที่ถูกใช้งานโดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายต่างๆในอัฟกานิสถานและอิรัก ปัจจุบันหน่วยรบขนาดเล็กของกองทัพสหรัฐมีอาวุธเบา (ปลย.และปืนกลอเนกประสงค์) กับความสามารถมากหรือน้อยในการยิง
กระสุนขนาด .338 Norma Magnum (8.6x63.3 มม.) ถูกพัฒนาเมื่อเร็วๆนี้ พัฒนามาจากกระสุน .339 Lapua Magnum โดยมีความยาวตัวปลอกที่สั้นกว่าเล็กน้อยและรูปทรงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยทำให้ความยาวโดยรวมเท่ากับ .338LM จึงใช้ลูกกระสุนที่มีความยาวและน้ำหนักมากกว่า กับมีขีปนวิธีที่โดดเด่น โดยพื้นฐานกระสุน .338NM ถูกใช้ยิงใน LWMMG โดยกระสุนของ Sierra MatchKing ลูกกระสุนหนัก 19.44 กรัม (300 เกรน) ที่ความเร็ว 808 เมตร/วินาที (2650 ฟุต/วินาที) พลังงาน ณ ปากลำกล้อง 6300 จูล (4600 ฟุต-ปอนด์)
LWMMG ถูกเสนอให้เพิ่มระยะหวังผลให้มากกว่าเดิม (ของปืนกลอเนกประสงค์ ขนาด 7.62 มม.เช่น M240 และ PKM ระยะหวังผลอยู่ที่ประมาณ 700 ม. แต่ LWMMG ระยะหวังผลอยู่ที่ 1700 ม.) ในการสังหารเป้าหมาย พลังงานของลูกกระสุน .338NM ที่ระยะ 1000 เมตร ยิงจาก LWMMG มากกว่าพลังงานของกระสุนขนาด 7.62 มม. ที่ยิงจาก M240 ทั้ง 4 ครั้ง ข้อสังเกต LWMMG ถูกตั้งใจประยุกต์ในการใช้งานที่ต่างไปจากเดิม สามารถใช้งานบนแท่นยิงหรือทหารเดินเท้าได้ ตัวปืนมันเองค่อนข้างเบาและความจริงมันเบากว่า M240B ถึง 3 ปอนด์ หรือประมาณ 1.3 กก. แต่กระสุน.338NM มีน้ำหนักมากกว่า 7.62x51 มม. NATO ถึงสองเท่า (45.5 กรัม / 702 เกรน ของ .338NM ต่อ 24 กรัม / 370 เกรน ของ 7.62x51 มม. NATO) ข้อต่อสายกระสุนของ LWMMG หนักกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับ ข้อต่อแบบ M13 ของสายกระสุนขนาด 7.62x51 มมNATO (8 กรัม ต่อ 4 กรัม) ลองเปรียบเทียบกระสุน 1 สายสำหรับการยิงต่อเนื่องใน 1 นาที LWMMG มีอัตราการยิงอยู่ที่ 500 นัดต่อนาที (สายละ 500 นัด) จะมีน้ำหนัก 37.6 กก. ส่วน M240B ที่มีอัตราการยิงอยู่ที่ 800 นัด ต่อนาที (สายละ 800 นัด) จะมีน้ำหนัก 34.4 กก.
LWMMG ใช้ระบบทำงานด้วยแก๊สดันต่อลูกสูบแบบช่วงชักยาว พร้อมยิงในตำแหน่งหน้าลูกเลื่อนเปิด ลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอนกับท้ายรังเพลิง ลูกสูบแก๊สอยู่ที่ใต้ลำกล้อง ระบายความร้อนด้วยอากาศ ลำกล้องแบบปลดเร็ว
กุญแจสำคัญที่ทำให้น้ำหนักเบาและมีแรงสะท้อนถอยหลังต่ำของ LWMMG คือ เทคโนโลยี Short Recoil Impulse Averaging (วิธีใช้การถอยหลังระยะสั้นของลำกล้องเป็นตัวเฉลี่ยแรงที่เกิดขึ้น//คล้ายๆระบบของ AN-94 เลยแฮะ) ที่เคยใช้ในปืนกลแบบ XM806 ขนาด .50 BMG (12.7x99 มม.) ออกแบบโดย General Dynamics เอง ภายในระบบ ส่วนของลำกล้องทั้งหมด เครื่องปิดท้ายรังเพลิง ระบบแก๊ส ส่วนประกอบลูกเลื่อน ยอมให้เคลื่อนที่ถอยหลังได้ภายใน ชุดลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอนกับเครื่องปิดท้ายในลักษณะปกติของวงรอบการบรรจุกระสุน การยิง การรั้งปลอก และการคัดปลอก ส่วนประกอบทั้งหมดจะเคลื่อนที่เข้าและออก ทำให้ลดจุดสูงสุดของแรงสะท้อนถอยหลังลงมา จุดเด่นอื่นๆของกลไกนี้คือ เวลาทำการยิง แรงสะท้อนจะไปทางด้านหน้าด้วย นั่นทำให้ลดจุดสูงสุดของแรงสะท้อนถอยหลังได้
LWMMG ป้อนกระสุนด้วยสายกระสุนเข้าทางด้านซ้ายของตัวปืน ข้อต่อสายกระสุนออกแบบมาเฉพาะ ทำจากโลหะมีลักษณะคล้ายข้อต่อแบบ M13 แต่ขนาดใหญ่กว่าเพื่อรองรับกับกระสุน .338NM ได้นั่นเอง การป้อนกระสุนแบบ Push-Through
LWMMG มีด้ามปืนและชุดเครื่องลั่นไกติดตั้งอยู่ที่ใต้โรงปืนด้านหลัง มีพานท้ายแบบปรับระยะความยาวได้ สามารถทำการยิงบนขาทรายที่พับเก็บอยู่ใต้ประกับรองมือหรือติดตั้งบนขาหยั่งแบบ M192 (แต่เดิมพัฒนามาสำหรับปืนกล M240 และ M249) และติดตั้งบนยานพาหนะแบบต่างๆได้ ด้านบนมีรางสำหรับติดกล้องช่วยเล็งแบบต่างๆ ทั้งกล้องช่วยเล็งแบบกลางวันหรือกลางคืนตามแต่ภารกิจที่ได้รับมา
LWMMG ถูกนำไปทดสอบการใช้งานจำนวนหนึ่งโดย นาวิกโยธินสหรัฐ โดยเป็นตัวอุดช่องว่างระหว่าง M240B กับ M2HB นั่นเอง
ข้อมูลทางเทคนิค
ชื่อ Light Weight Medium Machine Gun : LWMMG
บริษัท General Dynamics
ระบบ ทำงานด้วยแก๊สดันต่อลูกสูบแบบช่วงชักยาว พร้อมระบบ Short Recoil Impulse Averaging ลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอนกับท้ายรังเพลิง
น้ำหนัก 24 ปอนด์ หรือ 10.8 กก.
อัตราเร็วการยิงทางทฤษฎี 500 นัดต่อนาที
กระสุนขนาด .338 Norma Magnum ( 8.6x63.3 มม.) 300gr Sierra HPBT, FMJ, AP
ความเร็วปากลำกล้อง 2650 ฟุตต่อวินาที หรือ 807.7 เมตรต่อวินาที
ระยะหวังผลไกลสุด 1700 เมตร
ระยะยิงได้ไกลสุด 5642 เมตร
ความตัวปืน 1244.6 มม.
ความยาวลำกล้อง 609.6 มม. (24 นิ้ว)
สายกระสุน 100 นัด
ที่มา
-https://www.gd-ots.com/…/in…/lightweight-medium-machine-gun/
-https://modernfirearms.net/…/m…/u-s-a-machineguns/lwmmg-eng/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lightweight_Medium_Machine_Gun
-http://www.thedrive.com/…/u-s-special-operators-and-marines…
-https://www.thefirearmblog.com/…/usmc-socom-want-general-d…/
ความเห็น เมื่อเเอด 1 ขี้เกียจ งั้น แอด 2 ทำเอง เข้าเรื่อง เป็นปืนเเบบใหม่ที่มาอุดช่องว่างของระยะยิงระหว่าง M240B กับ M2 HB ด้วยพลังทำลายเเละระยะยิง พร้อมมาด้วยน้ำหนักปืนที่เบากว่า M240B (10.8 กก.ก็ไม่เบาเท่าไหร่นะ) ทหารเดินเท้าจึงสามารถนำพาไปได้ อีกทั้งยังติดตั้งกับยานพาหนะเเบบต่างๆได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ยิงสนับสนุนให้กับหน่วยได้เป็นอย่างดี ผิดพลาดอย่างไร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ Ghosttando77 ; Gtd.77