ตามหัวข้อเลยค่ะ ตอนนี้เราเป็นนักเรียน ม.5 ขอท้าวความแบบละเอียด ยาวๆ เลยนะคะ เรียนที่โรงเรียนดัง ประจำอำเภอค่ะ เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ ตอนช่วง ม.ต้น เราเรียนห้องเรียนพิเศษ ซึ่งห้องเรียนพิเศษกับห้องเรียนธรรมดา เรียนแยกตึกกันค่ะ ทำให้เรามีเพื่อนสนิทจริงๆ แค่กลุ่มเดียว คือ เพื่อนที่ห้องเรียนพิเศษ นอกนั้นเราก็คุยได้หมด คือเราเป็นคนที่เข้าสังคมได้ดีเลยค่ะ เรารู้จักคนในโรงเรียนเยอะมาก แต่ก็รู้จักแค่พอคุยได้ค่ะ ทักทายตามมารยาท
พอขึ้น ม.4 เราอยากเรียนสายศิลป์-อิ้ง เลยเปลี่ยนมาเรียนห้องธรรมดาค่ะ ซึ่งสภาพสังคมเรื่องเพื่อนค่อนข้างไม่เข้ากับเราเท่าไร แต่เราก็มีเพื่อนสนิทคนนึงค่ะ ชื่อ ก (นามสมมุตินะคะ) มาจากห้องต้นเหมือนกันค่ะ (เพื่อนส่วนใหญ่ในห้องเราเป็นห้องกลางถึงเกือบท้ายค่ะ จากการสอบถามของคุณครูว่าทำไมมาเรียนสายนี้ ส่วนใหญ่ตอบว่า มันมาดีสุดได้แผนนี้ พวกเขาไม่อยากไปเรียนห้องท้ายค่ะ คือสายศิลป์-ทั่วไป) ปกติเราก็อยู่กับเพื่อนสนิทของเราแค่สองคน มีพูดคุยกับเพื่อนที่มาจากห้องกลางๆ ที่พอคุยกันได้บ้าง เวลาทำงานกลุ่มเราก็อาศัยหาคนนู้นคนนี้เข้าๆกลุ่มไป เวลาอยู่ในห้องเราก็อยู่กับ ก ตลอดค่ะ
พอถึงเวลาพักกลางวันเราก็จะแยกย้ายกับ ก ไปหากลุ่มเพื่อนเราตอน ม.ต้นค่ะ ส่วน ก ก็ไปกินข้าวกับเพื่อนต่างห้องเหมือนกันค่ะ (ตอนแรก ก ก็สนิทกับเพื่อนห้องต้นตอน ม.ต้นค่ะ แต่มีปัญหากับเพื่อนนิดหน่อย ก เลยไปหาอีกกลุ่มนึงค่ะ ซึ่งกลุ่ทใหม่ของ ก ก็เป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกับเราค่ะ เพราะเคยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถม บวกกับพ่อและแม่สนิทกัน)
มาอธิบายที่กลุ่มเพื่อน ม.ต้นของเราก่อนนะคะ ซึ่งเพื่อนเราเรียนวิทย์-คณิตส่วนใหญ่ มี 2 กลุ่มย่อยค่ะ คือสายวิทย์ รร เรามี 3 ห้องค่ะ ห้อง 1-3 ตามลำดับเกรด ด้วยเกรดที่ต่างกัน เพื่อนเราเลยแยกห้องกัน จึงแบ่งเป็นกลุ่มเพื่อนที่เรียนห้อง 2 ประกอบด้วย ป ม ว ส ก ป2 (นามสมมุติ) กลุ่มห้อง 3 ประกอบด้วย บ ย ฟฟ บ2 ต่อมาเพื่อนเราคนนึงหลงห้องไปเรียนสายวิทย์-ภาษาคนนึงค่ะ นางชื่อ ปซ และศิลป์-คำนวน ประกอบด้วย น อ ทั้งสองคนเป็นทอมค่ะ ซึ่ง น เป็นแฟนกับ ป2 ค่ะ สุดท้ายก็เราค่ะ เรียนศิลป์-อิ้ง ชื่อ ม (นามสมมุตินะคะ) ตอนช่วง ม.4 เรากับกลุ่มเพื่อนอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น ปกติกันดีค่ะ มีนินทาคนในกลุ่มตามประสาสังคมทั่วไป แต่ไม่ได้เอามาทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่โตค่ะ
ส่วนเรากลับกลุ่มเพื่อนต่างห้องของ ก ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ คุยเล่นกันปกติ เหมือนเราเป็นคนในกลุ่มอีกคนเลยค่ะ เราบอกไว้ก่อนตรงนี้นะคะ เราเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงค่ะ เนื่องจากพ่อเราเสียไปแบบกระทันหัน ชีวิตเราเปลี่ยนแบบกระทันหันเลยค่ะ จากคนเคยมีกลายเป็นไม่มี เราเหมือนเริ่มต้นศูนย์ใหม่ค่ะ เราเสียใจมาก กรีดร้อง จนต้องไปพบจิตแพทย์ค่ะ และรักษามาเรื่อยๆ ซึ่งเพื่อนเราก็รู้เรื่องนี้กันทุกคนค่ะ แล้วเพื่อนเราก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเราเลย แถม ป ยังคอยให้คำปรึกษาเราตลอดค่ะเวลาเราเครียด หรือปรับตัวกับการต้องใช้ชีวิตแบบใหม่ไม่ได้ค่ะ
มาที่เรื่องเพื่อนต่อนะคะ หลังจากจบ ม.4 ทาง รร ก็จะจัดห้องเรียนตามเกรดใหม่ ซึ่งกลุ่มเรามีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกกลุ่มย่อยสายวิทย์ดังนี้ค่ะ ห้อง 2 ประกอบด้วย ป ป2 ก ม กลุ่มห้อง 3 ประกอบด้วย บ บ2 ฟฟ ย เพิ่มมาคือ ว กับ ส ที่ตกลงมาจากห้อง 2 ค่ะ นอกนั้นก็เหมือนเดิมค่ะ เราเริ่มเข้าเรื่องเลยนะคะ เรื่องมันเริ่มประมาณเปิดเทอม ม.5 ช่วงเปิดเทอมแรกๆ เราก็ปกติกับเพื่อนดีค่ะ
คือปกติเวลาอยู่ รร เราจะอยู่กับ บ แทบจะตลอด คือเราสนิทกันมากค่ะ คุยกันเกือบตลอด โทรคุยบ้าง ในสตอรี่ไอจีเราส่วนใหญ่ก็อัพแต่คลิปที่เล่นกับ บ ค่ะ ไปเที่ยวกับ บ เราเคยพา บ ไปหาจิตแพทย์ที่เรารักษาอยู่ด้วยค่ะ ให้เค้ารู้ว่าถ้าเวลาเรามีอาการเครียด เค้าควรทำอย่างไร เพราะช่วงนั้นเรามีเรื่องเครียดเยอะค่ะ และเวลาเครียดมากๆ เราจะกรีดร้องและคุมตัวเองไม่อยู่ค่ะ เรากับ บ วางแผนอนาคตด้วยพอสมควรค่ะ เช่น จะไปเรียนที่เดียวกัน เราอยากเข้าเรียนมหาลัยในกรุงเทพค่ะ บ บอกเราว่า ถ้า บ สอบติด แม่ของ บ จะซื้อคอนโดให้อยู่ เราก็พูดคุยกันทำนองว่าจะไปอยู่ด้วยกันนอกนั้นก็มีเล่นกับเพื่อนคนอื่นทั่วไปค่ะ
จนมีช่วงนึงเราไปเข้าค่าย 4 วันค่ะ (เราสมัครเอง ไปเองค่ะ) ช่วงที่เราไปค่าย บ ก็ไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวค่ะ ที่ทำงานพ่อเค้าพาไปค่ะ เราก็มีคุยกันบ้างประปรายทางไดเรกไอจี โดยที่ บ ไม่ตอบไลน์เราเลยค่ะ เราก็โอเคไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นเค้าไปเที่ยวกับครอบครัว เราก็ยุ่งกับการเข้าค่าย พอเลิกค่าย เราก็แกล้งๆ งอน บ ที่ไม่ตอบไลน์ค่ะ บอกให้รีบมาง้อ บ ก็เงียบไปค่ะ เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรค่ะ จนเรามา รร ค่ะ ช่วงเปลี่ยนคาบเรียน เราเดินลงบันไดแล้วสวนกับเพื่อนกลุ่มห้อง 2 พอดี ก สบตากับเราพอดี เราก็เลยยิ้มให้ ละเรียก ป ค่ะ แต่พวกเค้าทำเป็นไม่ได้ยิน เราก็งงค่ะ แต่คิดว่าพวกเค้าอาจจะมีสอบสังคม เพราะเราก็พึ่งไปสอบมาค่ะ แล้วคุณครูที่สอน เป็นคนที่ออกข้อสอบละเอียดมากค่ะ เพื่อนเราก็ค่อนข้างจริงจังกับเรื่องงเรียนมากค่ะ เราก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ
จนพักกลางวัน เราเลิกเรียนช้าค่ะ เรามาที่ศาลาที่กลุ่มเรานั่งประจำ ไม่เจอใครเลยค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่าเพื่อนยังไม่มากัน เพราะปกติเพื่อนเราเลิกเรียนช้าค่ะ ไปกินข้าวช้าตลอด เรารอไปแปปนึง จนเราว่ามันช้าเกินไปแล้ว เราเลยโทรหา ว ค่ะ ว่าอยู่ไหน คำตอบที่เราได้คือ เพื่อนกำลังกินข้าวอยู่ค่ะ เราเลยถามว่า แล้วทำไมไม่รอ ว ก็บอกว่า นึกว่าเราไม่ได้มา รร เราเลยบอกว่า แต่เพื่อนกลุ่มห้อง 2 รู้ว่าเรามา พวกนั้นไม่ได้บอกหรอ ว ก็ตอบเราว่า ไม่ค่ะ เราก็มีนอยด์นิดนึงค่ะ พอไปถึงโต๊ะกินข้าวกลุ่มห้อง 2 แทบไม่คุยกับเราเลยค่ะ แต่เราก็ไม่ได้สนใจไรมาก เพราะอย่างที่บอกค่ะ ปกติเราอยู่กับ บ อยู่แล้ว
วันนั้นเราแกล้งทำเป็นงอน บ แตเราก็ยิ้มๆนะคะ ไม่ได้ทำหน้าตาบึ้งตึงเลยค่ะ เราก็คิดแค่จะเล่นๆ เพราะ บ ก็เคยแกล้งงอนเราค่ะ อยู่ๆ บ ก็เงียบ ไม่คุยอะไรกับเรา สักพักนึง บ ก็พูดว่าอึดอัด แล้วก็เงียบ เหมือนกำลังตัดสินใจค่ะ ว่าจะพูดดีมั้ย ละ บ ก็พูดว่า อึดอัดที่เรามางอนเรื่องไร้สาระแบบนี้ (คือเราเคยงอนหลายรอบแล้วค่ะ แต่ไม่ได้งอนไรจริงจัง แบบงอนเองหายเองไรงี้ค่ะ555555) เพื่อนกันไม่จำเป็นต้องคุยกันตลอดเวลาก็ได้ มา รร ก็เจอกันอยู่แล้ว พอเราได้ฟังก็สตั้นไปพักนึง แล้วเราก็ตอบว่า ก็ไม่ได้จะคุยตลอด แค่ตอบกันบ้าง เราไม่ได้ซีเรียสเรื่องตอบช้า แต่นี่มัน 3 4 วันเลย น่าจะตอบกันบ้าง บ ก็ไม่ได้พูดไรกลับมาค่ะ (ปกตินางเป็นคนเงียบอยู่แล้ว) แล้ว บ ก็ไม่คุยกับเราจนถึงเวลาขึ้นเรียนเลยค่ะ ตออนนั้นเรารู้สึกแย่มาก พอ บ ไปเรียน คาบนั้นเราว่างพอดีค่ะ เราก็นั่งอยู่ที่ศาลาคนเดียวจนใกล้หมดคาบ ปซ เลิกเรียนก่อนพอดี นางเห็นเรานิ่งๆ เลยถามว่าเป็นไร ตอนนั้นเราเลยร้องไห้โฮเลยค่ะ พอสักพัก บ เลิกเรียนแล้วมาเห็นพอดี นางก็ทำนิ่งๆ แล้วเดินผ่านเราโดยที่ไม่ถามอะไรซักคำเลยค่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าจากที่เสียความรู้สึกอยู่แล้ว ยิ่งเสียเข้าไปอีก
พอเลิกเรียนเราก็ไปปรึกษา ว ค่ะ ว ก็แนะนำให้ห่างๆ กับ บ ดู เพราะอาจจะสนิทกันเกินไป บ เลยอึดอัด พอมาอีกวันนึงเราก็ลองพยามเข้าหา บ เพื่อทำเป็นพูดคุยปกติ แต่ บ กลับทำท่าทางไม่อยากคุยกับเราค่ะ เราก็เฟลเหมือนเดิม เราก็บอก ว ค่ะ ว ก็ทำท่าทางเหมือนจะช่วยพูดคุยให้ แต่นางกลับทำตรงข้ามเลยค่ะ คือเวลาไปเรียนนางก็จะพยามเข้าหา บ เดินไปกับ บ แค่สองคน เวลากินข้าว ก็มักจะรีบคว้าตัว บ ไปค่ะ ทำเหมือนที่เราทำกับ บ ทุกอย่างเลยค่ะ มีครั้งนึงที่เราพยามเข้าหา บ อีกรอบ นางมองเราด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเลยค่ะ เราดูออกแบบชัดเจนมาก
ตอนเย็นเราเลยนั่งคุยกับ ฟฟ เรากับ ฟฟ ก็สนิทกันแทบจะรองจาก บ เลยค่ะ เราก็บอกสิ่งที่เรารู้สึกกับ ว ไป ฟฟ ก็ตอบกลับมาในแบบเดียวกับที่เรารู้สึกค่ะ นางออกความคิดเห็นว่าเหมือน ว พยามดึง บ ไปเป็นเพื่อสนิท เพราะ ว ลงมาจากห้อง 2 แล้วไม่ค่อยมีเพื่อน ประกอบกับ บ เป็นคนคุยกับใครก็ได้ เราเลยคิดว่าสิ่งที่เรารู้สึกมันยิ่งชัดเจนไปใหญ่ค่ะ เพราะ ฟฟ ก็เห็นสายตาที่ ว มองเราตอนเข้าหา บ พอดี
วันต่อมา กลุ่มเรานัดไปกินหมูกระทะกันค่ะ วันนั้นเราเลิกเรียนช้า พอกลับมาที่ศาลาเราไม่เจอใครเลยค่ะ กระเป๋าก็ไม่มีวางทิ้งไว้ เหลือของเราแค่ใบเดียว เราเลยโทรหา ป ซึ่งปกติ ป จะรับสายตลอด วันนั้นเราโทรไปสองสาย ป ก็ไม่รับค่ะ เราโทรหาแทบจะทุกคนในกลุ่ม ไม่มีใครรับสายเราเลยค่ะ เราเลยโทรหาแม่ค่ะ เพราะตอนนั้นรู้สึกใจไม่ดีมากๆ แม่เราก็รีบมาหาเรา เราก็รอเพื่อนสักพัก จนแม่เราโทรหา ย ค่ะ สายแรกนางไม่รับ สายที่สองนางรับค่ะ แล้วตอนที่รับเเราได้ยินเสียงนางพูดว่า แม่ ม โทรมา เราก็ลองถามนางไปว่า อยู่กับใคร นางตอบว่า อยู่คนเดียวที่ห้องน้ำ เราเลยบอกให้มาหาเราหน่อยที่หน้าหอประชุม เราไม่เจอเพื่อนสักคนเลย ระยะทางห้องน้ำกับหอประชุมไม่ได้ไกลกันเลยค่ะ เรารอนางพักนึง ไม่มีวี่แววคนเดินมา เราเลยโทรไปอีกรอบ นางบอกว่าอยู่ร้านนม ที่ รร (รร เรามีคาเฟ่ค่ะ) เราก็งงค่ะ คือถ้ามาจากห้องน้ำจะไปร้านนม ต้องเดินผ่านหอประชุมเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างงั้นก็ต้องเดินอ้อมตึก ซึ่งไกลพอสมควรเลยค่ะ เราเลยรีบเดินไปร้านนม พอก่อนจะถึงเราเห็น ย กับ ปซ รีบวิ่งเข้าร้านนม เราก็คิดในใจ ไหนบอกอยู่ร้านนม แต่ภาพที่เราเห็นคือนางพึ่งถึงร้านนม เราเลยหยุดเดินค่ะ แล้วไปนั่งที่ศาลา ซักพักเพื่อนเราเดินมาพร้อมกันทั้งกลุ่มเราค่ะ เรางงมาก คืออยู่ด้วยกันทั้งกลุ่ม แต่ไม่มีใครบอกไรเราซักคน โทรไปก็ไม่รับ ทั้งที่ปกติรับสายกันตลอด แม่เราโกรธมาก เลยพูดกับ น และ ย ไปว่า มีปัญหาอะไรกันหรือป่าว ถ้ามีก็คุยกันตรงๆ มาทำแบบนี้มันไม่ดี มีแต่เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ เพื่อนเราก็ทำหน้านิ่งๆค่ะ และเราก็ไปกินหมูกระทะปกติ เรานั่งข้าง บ ค่ะ และสิ่งที่เราคิดในใจก็เป็นจริง คือ ว ก็มานั่งข้าง บ อีกข้างค่ะ ระหว่างที่กิน ว ก็ถ่าย บ ลงสตอรี่เหมือนที่เราชอบทำเลยค่ะ ว แพลนล้องถ่ายเพื่อนรอบโต๊ะ พอมาถึงเรา นางหยุดถ่ายเลยค่ะ บอกว่า เวลาหมดแล้ว เราก็สัมผัสพลังงานบางอย่างได้ค่ะ555555 จนเริ่มอิ่ม บ ก็ให้แม่มารับค่ะ เพราะบ้านนางไกล เลยกลับก่อนตลอด
เรากับ ว เลยนั่งติดกัน เราเลยลองถาม ว ว่า ไม่โอเคกับเราเรื่อง บ หรือเปล่า ไม่ชอบเราหรือเปล่า นางก็ปฏิเสธค่ะ แต่ท่าทางของนาง แววตา น้ำเสียงนี่ แทบจะกินเราได้ละค่ะ เราก็เลยบอกว่า บอกมาได้เลยตามตรง มีคนพูดๆมาเหมือนกัน ว่า ว ไม่โอเคกับเราเรื่อง บ นางก็ถามค่ะ ใครบอกมา เราก็ไม่ยอมบอก นางก็บอกว่า ให้บอกมา จะรู้กันแค่สองคน ไม่ไปพาลคนที่บอกมาแน่นอน เราเลยนึกลองใจนางค่ะ เราเลยบอกว่า เราคุยๆ กับ ฟฟ เรื่อง ว นี่แหละ ว่า ว เหมือนไม่โอเคกับเรา แต่เราก็พูดย้ำนะคะ ว่า ฟฟ ไม่ได้บอกเรา แต่แค่เราคุยด้วยกัน และมีความเห็นตรงกัน
โดนเพื่อนเกลียดเยอะมาก ย้ายโรงเรียนดีมั้ย?
พอขึ้น ม.4 เราอยากเรียนสายศิลป์-อิ้ง เลยเปลี่ยนมาเรียนห้องธรรมดาค่ะ ซึ่งสภาพสังคมเรื่องเพื่อนค่อนข้างไม่เข้ากับเราเท่าไร แต่เราก็มีเพื่อนสนิทคนนึงค่ะ ชื่อ ก (นามสมมุตินะคะ) มาจากห้องต้นเหมือนกันค่ะ (เพื่อนส่วนใหญ่ในห้องเราเป็นห้องกลางถึงเกือบท้ายค่ะ จากการสอบถามของคุณครูว่าทำไมมาเรียนสายนี้ ส่วนใหญ่ตอบว่า มันมาดีสุดได้แผนนี้ พวกเขาไม่อยากไปเรียนห้องท้ายค่ะ คือสายศิลป์-ทั่วไป) ปกติเราก็อยู่กับเพื่อนสนิทของเราแค่สองคน มีพูดคุยกับเพื่อนที่มาจากห้องกลางๆ ที่พอคุยกันได้บ้าง เวลาทำงานกลุ่มเราก็อาศัยหาคนนู้นคนนี้เข้าๆกลุ่มไป เวลาอยู่ในห้องเราก็อยู่กับ ก ตลอดค่ะ
พอถึงเวลาพักกลางวันเราก็จะแยกย้ายกับ ก ไปหากลุ่มเพื่อนเราตอน ม.ต้นค่ะ ส่วน ก ก็ไปกินข้าวกับเพื่อนต่างห้องเหมือนกันค่ะ (ตอนแรก ก ก็สนิทกับเพื่อนห้องต้นตอน ม.ต้นค่ะ แต่มีปัญหากับเพื่อนนิดหน่อย ก เลยไปหาอีกกลุ่มนึงค่ะ ซึ่งกลุ่ทใหม่ของ ก ก็เป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกับเราค่ะ เพราะเคยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถม บวกกับพ่อและแม่สนิทกัน)
มาอธิบายที่กลุ่มเพื่อน ม.ต้นของเราก่อนนะคะ ซึ่งเพื่อนเราเรียนวิทย์-คณิตส่วนใหญ่ มี 2 กลุ่มย่อยค่ะ คือสายวิทย์ รร เรามี 3 ห้องค่ะ ห้อง 1-3 ตามลำดับเกรด ด้วยเกรดที่ต่างกัน เพื่อนเราเลยแยกห้องกัน จึงแบ่งเป็นกลุ่มเพื่อนที่เรียนห้อง 2 ประกอบด้วย ป ม ว ส ก ป2 (นามสมมุติ) กลุ่มห้อง 3 ประกอบด้วย บ ย ฟฟ บ2 ต่อมาเพื่อนเราคนนึงหลงห้องไปเรียนสายวิทย์-ภาษาคนนึงค่ะ นางชื่อ ปซ และศิลป์-คำนวน ประกอบด้วย น อ ทั้งสองคนเป็นทอมค่ะ ซึ่ง น เป็นแฟนกับ ป2 ค่ะ สุดท้ายก็เราค่ะ เรียนศิลป์-อิ้ง ชื่อ ม (นามสมมุตินะคะ) ตอนช่วง ม.4 เรากับกลุ่มเพื่อนอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น ปกติกันดีค่ะ มีนินทาคนในกลุ่มตามประสาสังคมทั่วไป แต่ไม่ได้เอามาทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่โตค่ะ
ส่วนเรากลับกลุ่มเพื่อนต่างห้องของ ก ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ คุยเล่นกันปกติ เหมือนเราเป็นคนในกลุ่มอีกคนเลยค่ะ เราบอกไว้ก่อนตรงนี้นะคะ เราเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงค่ะ เนื่องจากพ่อเราเสียไปแบบกระทันหัน ชีวิตเราเปลี่ยนแบบกระทันหันเลยค่ะ จากคนเคยมีกลายเป็นไม่มี เราเหมือนเริ่มต้นศูนย์ใหม่ค่ะ เราเสียใจมาก กรีดร้อง จนต้องไปพบจิตแพทย์ค่ะ และรักษามาเรื่อยๆ ซึ่งเพื่อนเราก็รู้เรื่องนี้กันทุกคนค่ะ แล้วเพื่อนเราก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเราเลย แถม ป ยังคอยให้คำปรึกษาเราตลอดค่ะเวลาเราเครียด หรือปรับตัวกับการต้องใช้ชีวิตแบบใหม่ไม่ได้ค่ะ
มาที่เรื่องเพื่อนต่อนะคะ หลังจากจบ ม.4 ทาง รร ก็จะจัดห้องเรียนตามเกรดใหม่ ซึ่งกลุ่มเรามีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกกลุ่มย่อยสายวิทย์ดังนี้ค่ะ ห้อง 2 ประกอบด้วย ป ป2 ก ม กลุ่มห้อง 3 ประกอบด้วย บ บ2 ฟฟ ย เพิ่มมาคือ ว กับ ส ที่ตกลงมาจากห้อง 2 ค่ะ นอกนั้นก็เหมือนเดิมค่ะ เราเริ่มเข้าเรื่องเลยนะคะ เรื่องมันเริ่มประมาณเปิดเทอม ม.5 ช่วงเปิดเทอมแรกๆ เราก็ปกติกับเพื่อนดีค่ะ
คือปกติเวลาอยู่ รร เราจะอยู่กับ บ แทบจะตลอด คือเราสนิทกันมากค่ะ คุยกันเกือบตลอด โทรคุยบ้าง ในสตอรี่ไอจีเราส่วนใหญ่ก็อัพแต่คลิปที่เล่นกับ บ ค่ะ ไปเที่ยวกับ บ เราเคยพา บ ไปหาจิตแพทย์ที่เรารักษาอยู่ด้วยค่ะ ให้เค้ารู้ว่าถ้าเวลาเรามีอาการเครียด เค้าควรทำอย่างไร เพราะช่วงนั้นเรามีเรื่องเครียดเยอะค่ะ และเวลาเครียดมากๆ เราจะกรีดร้องและคุมตัวเองไม่อยู่ค่ะ เรากับ บ วางแผนอนาคตด้วยพอสมควรค่ะ เช่น จะไปเรียนที่เดียวกัน เราอยากเข้าเรียนมหาลัยในกรุงเทพค่ะ บ บอกเราว่า ถ้า บ สอบติด แม่ของ บ จะซื้อคอนโดให้อยู่ เราก็พูดคุยกันทำนองว่าจะไปอยู่ด้วยกันนอกนั้นก็มีเล่นกับเพื่อนคนอื่นทั่วไปค่ะ
จนมีช่วงนึงเราไปเข้าค่าย 4 วันค่ะ (เราสมัครเอง ไปเองค่ะ) ช่วงที่เราไปค่าย บ ก็ไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวค่ะ ที่ทำงานพ่อเค้าพาไปค่ะ เราก็มีคุยกันบ้างประปรายทางไดเรกไอจี โดยที่ บ ไม่ตอบไลน์เราเลยค่ะ เราก็โอเคไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นเค้าไปเที่ยวกับครอบครัว เราก็ยุ่งกับการเข้าค่าย พอเลิกค่าย เราก็แกล้งๆ งอน บ ที่ไม่ตอบไลน์ค่ะ บอกให้รีบมาง้อ บ ก็เงียบไปค่ะ เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรค่ะ จนเรามา รร ค่ะ ช่วงเปลี่ยนคาบเรียน เราเดินลงบันไดแล้วสวนกับเพื่อนกลุ่มห้อง 2 พอดี ก สบตากับเราพอดี เราก็เลยยิ้มให้ ละเรียก ป ค่ะ แต่พวกเค้าทำเป็นไม่ได้ยิน เราก็งงค่ะ แต่คิดว่าพวกเค้าอาจจะมีสอบสังคม เพราะเราก็พึ่งไปสอบมาค่ะ แล้วคุณครูที่สอน เป็นคนที่ออกข้อสอบละเอียดมากค่ะ เพื่อนเราก็ค่อนข้างจริงจังกับเรื่องงเรียนมากค่ะ เราก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ
จนพักกลางวัน เราเลิกเรียนช้าค่ะ เรามาที่ศาลาที่กลุ่มเรานั่งประจำ ไม่เจอใครเลยค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่าเพื่อนยังไม่มากัน เพราะปกติเพื่อนเราเลิกเรียนช้าค่ะ ไปกินข้าวช้าตลอด เรารอไปแปปนึง จนเราว่ามันช้าเกินไปแล้ว เราเลยโทรหา ว ค่ะ ว่าอยู่ไหน คำตอบที่เราได้คือ เพื่อนกำลังกินข้าวอยู่ค่ะ เราเลยถามว่า แล้วทำไมไม่รอ ว ก็บอกว่า นึกว่าเราไม่ได้มา รร เราเลยบอกว่า แต่เพื่อนกลุ่มห้อง 2 รู้ว่าเรามา พวกนั้นไม่ได้บอกหรอ ว ก็ตอบเราว่า ไม่ค่ะ เราก็มีนอยด์นิดนึงค่ะ พอไปถึงโต๊ะกินข้าวกลุ่มห้อง 2 แทบไม่คุยกับเราเลยค่ะ แต่เราก็ไม่ได้สนใจไรมาก เพราะอย่างที่บอกค่ะ ปกติเราอยู่กับ บ อยู่แล้ว
วันนั้นเราแกล้งทำเป็นงอน บ แตเราก็ยิ้มๆนะคะ ไม่ได้ทำหน้าตาบึ้งตึงเลยค่ะ เราก็คิดแค่จะเล่นๆ เพราะ บ ก็เคยแกล้งงอนเราค่ะ อยู่ๆ บ ก็เงียบ ไม่คุยอะไรกับเรา สักพักนึง บ ก็พูดว่าอึดอัด แล้วก็เงียบ เหมือนกำลังตัดสินใจค่ะ ว่าจะพูดดีมั้ย ละ บ ก็พูดว่า อึดอัดที่เรามางอนเรื่องไร้สาระแบบนี้ (คือเราเคยงอนหลายรอบแล้วค่ะ แต่ไม่ได้งอนไรจริงจัง แบบงอนเองหายเองไรงี้ค่ะ555555) เพื่อนกันไม่จำเป็นต้องคุยกันตลอดเวลาก็ได้ มา รร ก็เจอกันอยู่แล้ว พอเราได้ฟังก็สตั้นไปพักนึง แล้วเราก็ตอบว่า ก็ไม่ได้จะคุยตลอด แค่ตอบกันบ้าง เราไม่ได้ซีเรียสเรื่องตอบช้า แต่นี่มัน 3 4 วันเลย น่าจะตอบกันบ้าง บ ก็ไม่ได้พูดไรกลับมาค่ะ (ปกตินางเป็นคนเงียบอยู่แล้ว) แล้ว บ ก็ไม่คุยกับเราจนถึงเวลาขึ้นเรียนเลยค่ะ ตออนนั้นเรารู้สึกแย่มาก พอ บ ไปเรียน คาบนั้นเราว่างพอดีค่ะ เราก็นั่งอยู่ที่ศาลาคนเดียวจนใกล้หมดคาบ ปซ เลิกเรียนก่อนพอดี นางเห็นเรานิ่งๆ เลยถามว่าเป็นไร ตอนนั้นเราเลยร้องไห้โฮเลยค่ะ พอสักพัก บ เลิกเรียนแล้วมาเห็นพอดี นางก็ทำนิ่งๆ แล้วเดินผ่านเราโดยที่ไม่ถามอะไรซักคำเลยค่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าจากที่เสียความรู้สึกอยู่แล้ว ยิ่งเสียเข้าไปอีก
พอเลิกเรียนเราก็ไปปรึกษา ว ค่ะ ว ก็แนะนำให้ห่างๆ กับ บ ดู เพราะอาจจะสนิทกันเกินไป บ เลยอึดอัด พอมาอีกวันนึงเราก็ลองพยามเข้าหา บ เพื่อทำเป็นพูดคุยปกติ แต่ บ กลับทำท่าทางไม่อยากคุยกับเราค่ะ เราก็เฟลเหมือนเดิม เราก็บอก ว ค่ะ ว ก็ทำท่าทางเหมือนจะช่วยพูดคุยให้ แต่นางกลับทำตรงข้ามเลยค่ะ คือเวลาไปเรียนนางก็จะพยามเข้าหา บ เดินไปกับ บ แค่สองคน เวลากินข้าว ก็มักจะรีบคว้าตัว บ ไปค่ะ ทำเหมือนที่เราทำกับ บ ทุกอย่างเลยค่ะ มีครั้งนึงที่เราพยามเข้าหา บ อีกรอบ นางมองเราด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเลยค่ะ เราดูออกแบบชัดเจนมาก
ตอนเย็นเราเลยนั่งคุยกับ ฟฟ เรากับ ฟฟ ก็สนิทกันแทบจะรองจาก บ เลยค่ะ เราก็บอกสิ่งที่เรารู้สึกกับ ว ไป ฟฟ ก็ตอบกลับมาในแบบเดียวกับที่เรารู้สึกค่ะ นางออกความคิดเห็นว่าเหมือน ว พยามดึง บ ไปเป็นเพื่อสนิท เพราะ ว ลงมาจากห้อง 2 แล้วไม่ค่อยมีเพื่อน ประกอบกับ บ เป็นคนคุยกับใครก็ได้ เราเลยคิดว่าสิ่งที่เรารู้สึกมันยิ่งชัดเจนไปใหญ่ค่ะ เพราะ ฟฟ ก็เห็นสายตาที่ ว มองเราตอนเข้าหา บ พอดี
วันต่อมา กลุ่มเรานัดไปกินหมูกระทะกันค่ะ วันนั้นเราเลิกเรียนช้า พอกลับมาที่ศาลาเราไม่เจอใครเลยค่ะ กระเป๋าก็ไม่มีวางทิ้งไว้ เหลือของเราแค่ใบเดียว เราเลยโทรหา ป ซึ่งปกติ ป จะรับสายตลอด วันนั้นเราโทรไปสองสาย ป ก็ไม่รับค่ะ เราโทรหาแทบจะทุกคนในกลุ่ม ไม่มีใครรับสายเราเลยค่ะ เราเลยโทรหาแม่ค่ะ เพราะตอนนั้นรู้สึกใจไม่ดีมากๆ แม่เราก็รีบมาหาเรา เราก็รอเพื่อนสักพัก จนแม่เราโทรหา ย ค่ะ สายแรกนางไม่รับ สายที่สองนางรับค่ะ แล้วตอนที่รับเเราได้ยินเสียงนางพูดว่า แม่ ม โทรมา เราก็ลองถามนางไปว่า อยู่กับใคร นางตอบว่า อยู่คนเดียวที่ห้องน้ำ เราเลยบอกให้มาหาเราหน่อยที่หน้าหอประชุม เราไม่เจอเพื่อนสักคนเลย ระยะทางห้องน้ำกับหอประชุมไม่ได้ไกลกันเลยค่ะ เรารอนางพักนึง ไม่มีวี่แววคนเดินมา เราเลยโทรไปอีกรอบ นางบอกว่าอยู่ร้านนม ที่ รร (รร เรามีคาเฟ่ค่ะ) เราก็งงค่ะ คือถ้ามาจากห้องน้ำจะไปร้านนม ต้องเดินผ่านหอประชุมเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างงั้นก็ต้องเดินอ้อมตึก ซึ่งไกลพอสมควรเลยค่ะ เราเลยรีบเดินไปร้านนม พอก่อนจะถึงเราเห็น ย กับ ปซ รีบวิ่งเข้าร้านนม เราก็คิดในใจ ไหนบอกอยู่ร้านนม แต่ภาพที่เราเห็นคือนางพึ่งถึงร้านนม เราเลยหยุดเดินค่ะ แล้วไปนั่งที่ศาลา ซักพักเพื่อนเราเดินมาพร้อมกันทั้งกลุ่มเราค่ะ เรางงมาก คืออยู่ด้วยกันทั้งกลุ่ม แต่ไม่มีใครบอกไรเราซักคน โทรไปก็ไม่รับ ทั้งที่ปกติรับสายกันตลอด แม่เราโกรธมาก เลยพูดกับ น และ ย ไปว่า มีปัญหาอะไรกันหรือป่าว ถ้ามีก็คุยกันตรงๆ มาทำแบบนี้มันไม่ดี มีแต่เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ เพื่อนเราก็ทำหน้านิ่งๆค่ะ และเราก็ไปกินหมูกระทะปกติ เรานั่งข้าง บ ค่ะ และสิ่งที่เราคิดในใจก็เป็นจริง คือ ว ก็มานั่งข้าง บ อีกข้างค่ะ ระหว่างที่กิน ว ก็ถ่าย บ ลงสตอรี่เหมือนที่เราชอบทำเลยค่ะ ว แพลนล้องถ่ายเพื่อนรอบโต๊ะ พอมาถึงเรา นางหยุดถ่ายเลยค่ะ บอกว่า เวลาหมดแล้ว เราก็สัมผัสพลังงานบางอย่างได้ค่ะ555555 จนเริ่มอิ่ม บ ก็ให้แม่มารับค่ะ เพราะบ้านนางไกล เลยกลับก่อนตลอด
เรากับ ว เลยนั่งติดกัน เราเลยลองถาม ว ว่า ไม่โอเคกับเราเรื่อง บ หรือเปล่า ไม่ชอบเราหรือเปล่า นางก็ปฏิเสธค่ะ แต่ท่าทางของนาง แววตา น้ำเสียงนี่ แทบจะกินเราได้ละค่ะ เราก็เลยบอกว่า บอกมาได้เลยตามตรง มีคนพูดๆมาเหมือนกัน ว่า ว ไม่โอเคกับเราเรื่อง บ นางก็ถามค่ะ ใครบอกมา เราก็ไม่ยอมบอก นางก็บอกว่า ให้บอกมา จะรู้กันแค่สองคน ไม่ไปพาลคนที่บอกมาแน่นอน เราเลยนึกลองใจนางค่ะ เราเลยบอกว่า เราคุยๆ กับ ฟฟ เรื่อง ว นี่แหละ ว่า ว เหมือนไม่โอเคกับเรา แต่เราก็พูดย้ำนะคะ ว่า ฟฟ ไม่ได้บอกเรา แต่แค่เราคุยด้วยกัน และมีความเห็นตรงกัน