….สัพเพเหระ ไก่กาอาราเร่ "ความเป็นผู้ดีอังกฤษ"..../วัชรานนท์

กระทู้สนทนา
ติดตามข่าวน้องๆ 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำ  และได้เห็นข่าวผู้เชียวชาญเรื่องถ้ำและการดำน้ำของชาวอังกฤษที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการกู้ชีพครั้งนี้    บางท่านอาจจะเกิดความรู้สึกโห...อะไรของเขาว่ะ  อยู่ไกลถึงอังกฤษรู้ซอกรู้หลืบของถ้ำเขานางนอนได้ไง?  อยากจะบอกว่ายังงี้ครับ  คนอังกฤษนี่น่าทึ่งอยู่อย่างที่พยายามเรียนรู้อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด   เรียนรู้ยังไม่พอ  บางอย่างก็เรียนหาวิธีแก้ด้วย    อย่างกรณีภัยสึนามิเมื่อหลายปีที่ผ่านมา   เด็กนักเรียนชั้นประถมที่ไปเที่ยวกับพ่อแม่ที่ภูเก็ตเห็นน้ำทะเลลดลงผิดปรกติ   ก็เตือนภัยและบอกพ่อแม่ว่าคล้ายอาการของภัยสึนามิที่เรียนมา    หรือกรณีเรือดำน้ำจมที่รัสเซีย   ก็ต้องรอผู้เชียวชาญจากอังกฤษเดินทางไปช่วย    


พอดีเมื่อวานนี้ต้องซ้อมการหนีไฟในที่ทำงานซึ่งเป็นภาคบังคับที่ต้องซ้อมปีละสองครั้ง   ในสายตาคนไทยอย่างผมก็เคยนึกน่ะว่าจะซ้อมทำไมหว๊า....ไฟไม่เห็นไหม้สักที  ถ้าไหม้จริงๆ ก็ต้องเผ่นตัวใครตัวมันสิ    มันไม่ใช่อย่างนั้นสิครับ... คนที่รับผิดชอบจริงคือหัวหน้าแผนกแต่ละตึก   ต้องเป็นคนสุดท้ายที่จะเดินออกจากตึกเพื่อเมคชัวร์ว่าทุกคนออกไปแล้ว   เมื่อออกจาตึกแล้วก็ต้องไปรวมตัวกัน ณ จุดนัดหมายที่กำหนดไว้ตายตัวแล้วเพื่อที่จะสามารถเช็คได้ว่าทุกคนอยู่พร้อมหน้า   ไม่ใช่ออกจากตึกแล้วหนีไปที่อื่น    เห็นไหมครับ?  ขนาดหนีไฟออกมาได้แล้ว   ก็ต้องไปอยู่ที่จุดนัดหมายให้เพื่อนๆ เห็นหน้าก่อน   มีเรื่องหยุมหยิมเยอะครับ   ที่สำคัญ  ทุกคนต้องอ่านกฏการหนีไฟของที่ทำงานจัดไว้  


บางครั้งผมต้องไปเป็นผู้บรรยาย   ถ้าบรรยายในสถานที่ทำงานและคนฟังมาจากข้างนอก  สิ่งแรกเลยที่ผมต้องแนะนำให้คนฟังรับทราบคือ ประตูหนีไฟ  และจุดที่จะไปรวมตัวกันเมื่อหนีออกมาจากอาคารได้   ถ้าไปบรรยายข้างนอก   เจ้าของสถานที่เขาจะส่งผังทางหนีไฟให้เราทราบและต้องประกาศให้คนเข้ามาฟังรับทราบ


เรื่องความปลอดภัยของชีวิตนั้น  อังกฤษน่าจะอยู่อันดับต้นๆ ของโลกที่ออกจะพิถีพิถัน   บางทีก็พิถีพิถันจนเกินเหตุ    ที่ทำงานของผมตั้งกฏหลายอย่าง เช่น  ถ้าจะต้องปีนบันไดสูงกว่าหนึ่งเมตรห้ามปีนคนเดียวต้องมีคนอยู่ด้วยหนึ่งคน  และต้องทำเรื่องขออนุญาตให้แผนก Estates Department รับทราบ      ทุกๆ ปีต้องเข้าอมรมและฝึก "การปฐมพยาบาลขั้นต้น"   ส่วนการจัดกิจกรรมต่างๆ จะถูกอนุญาตให้จัดได้ก็ต่อเมื่ออย่างน้อยๆ ต้องมีคนที่ผ่านการอบรมการปฐมพยาบาลขั้นต้นรวมอยู่ในกิจกรรมนั้นด้วย   ซึ่งผู้จัดต้องส่งสำเนาใบประกาศการเข้าอบรม (การปฐมพยาบาล) ให้เจ้าของสถานที่ด้วย


จะเห็นว่าการเรียนรู้ของคนอังกฤษและยุโรปส่วนใหญ่ไม่ได้เน้นเรื่องความปลอดภัยเฉพาะตนเพียงอย่างเดียว   แต่ต้องเรียนรู้ความรับผิดชอบต่อชีวิตคนอื่นด้วย   แม้แต่การ "เปิดทาง" ให้รถพยาบาลฉุกเฉิน   บางกรณีรถพยาบาลฉุกเฉินไปช้าเพียงวินาทีเดียว (เพราะรถเราไม่ปิดทางให้) คนป่วยอาจจะทรุดหนักหรือตายได้   ใครที่เคยไปยุโรปจะเห็นมารยาทเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน      อันนี้นำมาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ นะครับ


ปล.  คำว่า "ผู้ดีอังกฤษ"  ไม่ได้หมายถึงคนอังกฤษ   แต่หมายถึงคำที่ใช้เรียกหรือล้อเลียนคนไทยที่ไปอยู่หรือเรียนจบอังกฤษมาตั้งแต่สมัยร.๕ ที่ส่งราชโอรสไปเรียนอังกฤษครั้งแรก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่