[SR] ครั้งหนึ่งที่ หุบเขาแห่งความฝัน "Kamikochi"


มีคนเคยเล่าให้เราฟังถึง สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งสวยงามจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก

เมื่อเราเชื่อว่า เราไม่ควรหยุดไว้เพียงแค่ การได้ฟังเรื่องเล่าจากคนอื่น
เมื่อเราเชื่อว่า ความฝันไม่ควรมีไว้เพียงแค่ฝัน
เมื่อเราเชื่อว่า การเดินทาง คือจุดเริ่มต้นของความฝัน
จุดหมายการเดินทางของเราในครั้งนี้จึงเป็น สถานที่แห่งนั้น

การเดินทางครั้งนี้ทำให้เราได้มาสัมผัสหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น  
ที่ควรค่าแก่การมาเห็นด้วยตา สัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต

เข้าใจแล้วที่คนๆ นั้นเคยบอกเราว่า …
“ถ้าเธอได้มา เธอจะต้องตกหลุมรักญี่ปุ่นมากกว่าที่เคยสัมผัส
ถ้าเธอได้มายืนอยู่ตรงนี้ เธอจะตกหลุมรัก หุบเขาแห่งความฝัน “คามิโคจิ (Kamikochi)” เหมือนกับเรา อย่างแน่นอน”


ทริปนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งของเรา สำหรับประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และเรื่องราวมากมายให้ได้ค้นหา
ไม่ว่าจะมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าสักกี่ครั้งก็ตาม อย่าง”ประเทศญี่ปุ่น”

โดยเรามีจุดหมายหลักของทริปอยู่ที่การเดินทางขึ้นสู่ “Tateyama Kurobe Alpine Route” หรือที่นักเดินทางส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อของ เส้นทางกำแพงหิมะ “Japan Alps” หนึ่งในเส้นทางการเดินทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามติดอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น

แต่วันนี้เรายังไม่ได้เดินทางไปยัง “Tateyama Kurobe Alpine Route”  
เพราะจุดหมายของเราอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของ  “Japan Alps”  ที่คนญี่ปุ่นเรียกที่นี่ว่า “Paradise” หรือ สรวงสวรรค์ซึ่งสวยงามเกินคำบรรยาย

ที่นี่คือ “คามิโคจิ (Kamikochi)”


สำหรับคนที่ชอบประเทศญี่ปุ่น และ ยิ่งโดยเฉพาะนักเดินทางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ
ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด

“คามิโคจิ (Kamikochi)” ที่เราได้มีโอกาสมาในวันนี้ เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด Nagano
และตั้งอยู่บริเวณเทือกเขา Hida ทางตอนเหนือของ Japan Alps

ที่นี่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Chubu-Sangaku ซึ่งถูกจัดเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีจุดชมวิวแนวภูเขามากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

โดยที่นี่อาจจะมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 1,500 เมตร แต่หุบเขาแห่งนี้ สวยงามครบรส
ทั้งจากความงดงามของเทือกเขาสูง ป่าไม้ แม่น้ำ สัตว์ป่า  ที่ทำให้เราหลงใหลในความงามของที่นี่ตลอดการเดินทาง


สำหรับที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม โดยเริ่มในช่วงกลาง-ปลายเดือนเมษายน
ไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ก่อนจะปิดให้บริการในช่วงฤดูหนาว

เท่ากับว่าในช่วงเวลาหนึ่งปี เราจะสามารถเที่ยวชม “คามิโคจิ (Kamikochi)” ได้
โดยเริ่มในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยสายหมอกและสีเขียวของต้นไม้ จนได้รับชื่อว่า “Green Paradise”
ไปจนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่ป่าสนจะเปลี่ยนสีกลายเป็นสีทอง สลับกับหิมะแรกที่เริ่มปกคลุมยอดเขา จนได้รับชื่อว่า “Golden Shangri-la”
ชื่อสินค้า:   Citizen PROMASTER
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้รับผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น บัตรกำนัล ค่าเดินทางตามจริง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่