วิบากกรรมทริป ณ​ South Australia : Adelaide - Harndolf - Port Lincoln : ดูฉลาม ว่ายน้ำกับอุ๋ง และใช้กรรมเก่าตนภาค 1

อันนี้เป็นรีวิวการเดินทางครั้งแรกค่ะ ถ้ามันจะยาวเยิ่นเย้อ หรือจะไม่รู้เรื่องไปบ้างก็ขออภัยนะคะ
แต่ที่อยากเขียนเพราะก่อนตัวเองจะเดินทาง เราก็มักจะหาข้อมูลจากพันทิปเสมอ
ซึ่ง..ที่นี่มันไม่มีโว้ย! เราเลยต้องจัดทริปกันเอง จนได้ทริปวิบากกรรมนี้มาค่ะ


ว่าแล้วก็เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ
ทำไมต้องเป็น Port Lincoln แล้วมันคือที่ไหนวะ?

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า Port Lincoln นี่ไม่ใช่ destination ของใครเท่าไหร่นัก เพราะมันก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเราเลยเหมือนกันค่ะ จนกระทั่งวันนึงคิดว่าอยากจะลองหาที่เที่ยวในออสเตรเลียดู เพราะเพื่อนสนิทที่มาเรียนด้วยกันกำลังจะกลับไทยแล้ว
เราก็เลยมองหาที่เที่ยวเป็น Farewell trip เอาที่ที่ไม่แพงมาก (หรอ?) และคนไม่เยอะจนเกินไป

ระหว่างที่ตัดสินใจก็มี Great Barrier reef , Gold Coast และ Adelaide ซึ่งเราตกลงจะไปที่สุดท้ายเพราะตั๋วถูกกว่าทุกที่ที่เราคิดกัน
(หมายถึงถ้าเดินทางจากเมลเบิร์น) แล้วเราก็เลยเริ่มหาข้อมูลที่เที่ยวใน Adelaide จาก instagram

จนไปเจอสิ่งที่เรียกว่า Port Lincoln
ซึ่งก็เป็นเหมือนจงอยเล็กๆ ยื่นมาจากแผ่นดินใหญ่

โอ้โห จากรูปที่หามาคือสวยมาก

(ภาพจาก google map ค่ะ)

แถมที่นี่พอดูรายละเอียดก็เจอว่ามีการดำน้ำในกรงไปดูฉลาม และก็ไปว่ายน้ำกับสิงโตทะเลอีก แถมอีพอร์ทนี้ก็ดูไม่ได้เดินทางไปจาก Adelaide ยาก (ซึ่งนี่คือหายนะแรก)

(ภาพจาก google map ค่ะ)

พวกเราจึงกดจองตั๋วไป Adelaide อย่างพร้อมเพรียง เย่!

ก่อนที่จะมาดูอีกทีว่า..
ทำไมการขับรถจาก Adelaide ไป Port Lincoln มันถึงใช้เวลา 7 ชั่วโมงวะ!?

ตอนแรกคิดว่าวิธีการเดินทางอาจจะผิด หรือเราใส่ destination ผิดวะ
กดอีกที
เห้ย! ขับรถ 7 ชั่วโมงจริงว่ะ


เริ่มงงละ เลยเริ่มหาวิธีอื่นที่จะเดินทางไปที่นั่น
ก็พบว่ามีบัสจากเมลเบิร์นไป 21 ชั่วโมง (ซึ่งพวกเราก็ไม่แน่ใจว่าบัสที่นี่จะมีแวะพักให้กินข้าวต้มเหมือนที่ไทยไหม และการนั่งรถนานขนาดนั้นพวกเราคงร่างพังหมดแรงไปดำน้ำแน่ เลยข้ามวิธีการนี้ไป)

เลยตัดสินใจดูตั๋วเครื่องบิน และได้ค้นพบว่า..
มันแพงมาก!!

คือจากการเดินทางที่เห็นในแผนที่ประเทศออสเตรเลียว่าห่างกันจึ๋งนึง ไหงกลายเป็นการนั่งเครื่อง full service ไปได้วะ แล้วราคาก็แพงกว่าไปทุกที่ที่บอกตอนแรกซะอีก

หลังจากหักอกหักใจได้ เราก็กลั้นใจกดจองตั๋วไป


เรื่องวางแผนการเดินทางก็จบไป

จากนั้นเราก็เริ่มมาดูทัวร์ที่จะไปดูฉลามกัน จนมาเจอกับทัวร์ของ Calypso
ซึ่งก็มีทัวร์หลายรูปแบบดังต่อไปนี้

    1.    ดูฉลามล้วน
    2.    ว่ายน้ำกับอุ๋งล้วน
    3.    ว่ายน้ำกับอุ๋ง และดำน้ำกับฉลาม

ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไป

จริงๆ แล้วพวกเราตั้งใจจะไปแต่ว่ายน้ำกับอุ๋ง แต่ด้วยความที่ค่าตั๋วเครื่องบินแพงมาก
เราเลยคิดว่าเราควรจะดำน้ำกะฉลามไปด้วยเลยละกันโว้ย ไหนๆ มาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว

โอเค เราก็กดจอง Combo ไปค่ะ



จบทัวร์และตั๋วแล้ว แน่นอนว่าเราจะลืมเรื่องที่พักไม่ได้เป็นอันขาด
การไปเที่ยวที่ Port Lincoln นั้นเป็นทริปที่ส่วนมากจะเป็นคนที่ไปดูฉลามกับอีอุ๋งนี่แหละเค้าไปกัน ที่พักมันก็เลยมีหลากหลายราคาและรูปแบบ
แน่นอนว่าระดับพวกเราก็ต้องไปจบที่ YHA ตามประสา
และข้อดีของการไป 4 คนก็คือ เราสามารถจองห้องนอนด้วยกันไปเลย 4 คน ถือเป็นห้องปิด สบายไปอีกแบบ

จากนั้นวันเดือนเลื่อนผ่าน เราก็ไม่ได้สนใจจะจองอะไรเพิ่มเติม
จนกระทั่งคิดว่าเราจะต้องมีรถเช่าที่นั่นไหมวะ ก็เลยเริ่มหารถเช่ากัน
ทีนี่ปัญหาแรกก็เริ่มเกิด คือ รถเช่าหมดจ้า!

ติดต่อไปกี่ที่ก็หมดไปทุกที่ จนคิดกันเองได้ใจความว่า
มันคงเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีรถเช่ารวมกันที่เดียว ส่วนใครจะจองบริษัทอะไรไปก็รับรถจากกองกลางนี่แหละ
ความหวังเริ่มริบหรี่ จนเราส่งเมล์ไปถามที่ YHA (เพราะเขาบอกว่ามีอะไรอยากถามให้ถามมาได้) ว่าเราควรจะไปเช่ารถที่ไหนดี
แน่นอนว่า YHA ก็แนะนำที่เช่ารถของคนท้องถิ่นมาให้ ชื่อว่า Spark



ซึ่งราคาก็ถูกกว่าที่อื่นมาก มากจนน่าใจหายว่านี่มันเรื่องจริงไหมวะ อารมณ์ว่าเช่าวันละ 50$ ซึ่งเจ้าอื่นปาเข้าไปเป็นเกือบร้อย
จนสุดท้ายเราก็ต้องจองมันที่นี่แหละ ถ้าโดนโกงไว้ค่อยว่ากันละกัน


วันเดินทาง

เนื่องจากเราต้องไปไฟลท์เช้าสุด เพราะราคาถูกสุด เราเลยต้องออกจากบ้านกันตั้งแต่ตี 4
โดยจ้างรถคนไทยที่รับส่งในเมลเบิร์นไปสนามบิน
ซึ่งพี่เขาบริการดีมาก ใครสนใจหลังไมค์มาขอ Contact ได้ค่ะ ราคามิตรภาพมาก

โอเค ไปเที่ยวกัน!

หมายเหตุ รีวิวนี้จะเป็นรีวิวที่เล่าจริง อะไรที่ไม่สวยงาม หรืออันตราย เราก็จะบอกกันจริงๆ นะคะ

ไปถึง Adelaide เพิ่งจะมารู้เอาตอนนั้นเลยค่ะว่าเวลาใน Adelaide ช้ากว่าที่ Malbourne ไป 1 ชั่วโมง
ดังนั้นไอ้ที่เรานัดรถเอาไว้ว่าจะให้เค้ามารับตอน 8 โมง ก็ต้องรอไปอีก 1 ชั่วโมงค่า

สนามบินสวยดีค่ะ

ว่าด้วยเรื่องการจองรถ อันนี้ขอบอกเลยว่าเจ็บปวดมาก เพราะเราเช่ารถของ Apex ซึ่งเป็นเจ้าที่เราเคยเช่าตอนไปนิวซีแลนด์ โดยที่ตอนนั้นที่เช่าคือบริการดีมาก มืออาชีพสุดๆ นัดมารับก็มาตรงเวลา และช่วยเหลือดีมาก จนพอจะเช่ารถอีกครั้งเราเลยขอเลือกเจ้าเดิม ซึ่งคิดผิดมหันต์ค่ะ
เราจะแจกแจงความห่วยให้ฟังดังต่อไปนี้

    1.    ตอนแรกนัดรถมารับที่สนามบิน ก็มาช้าค่ะ เรียกว่าเวลาที่เราจองรถไปไม่ได้มีผลอะไรกับเราเลยค่ะ เพราะต้องรอคนมาหลายคน แล้วก็รถมารับทีเดียว ซึ่งส่วนนี้เราก็ยังพอเข้าใจค่ะ จนเจอข้อต่อไป
    2.    เรานัดว่าเราจะเอารถตอน 8.00 สรุปกว่าจะได้ออกไปคือ 9.30 ค่ะ! เสียเวลาไปกับการทำงานที่ช้ามากกกกก ของป้าคนนึง ซึ่งเหมือนเป็นคนจัดการใหญ่ที่นั่น วันนั้นมีคนมารับรถ 3 คนเท่านั้น แต่ป้าทำทุกอย่างช้ามาก มากจนน่าหงุดหงิด ให้นึกถึงการต่อเล็บแล้วพิมพ์คอมแบบทีละตัว ในระดับความเร็วนกจิกแป้นพิมพ์นะคะ โคตรหงุดหงิดใจเลยค่ะ และยังไม่พอค่ะ ป้ายังมีความเหยียดหัวดำด้วยค่ะ อันนี้หงุดหงิดมาก เพราะพอเป็นฝรั่งคือบริการดีเว่อร์ ส่งรถนี่แทบจะนั่งไปกับเขาเลย แต่พอตอนเรานี่คือพูดจาห้วน เราก็เลยแก้แค้นด้วยการไม่ยอมบอกป้าว่าป้าทารองพื้นผิดสีจนป้าหน้าตาคล้ายไมเคิล แจ็คสัน ค่ะ
    3.    กว่าจะได้รถคือเลทไป 1.30 ชั่วโมง แต่ป้าบอกให้เรากลับมาคืนรถก่อน 4.15 โดยบอกว่าถ้าอยากให้ไปส่งสนามบินต้องมาเวลานั้น ไม่อย่างงั้นป้าจะกลับมาปิดออฟฟิศไม่ทัน 5 โมง (ซึ่งอันนี้ไม่มีบอกไว้เลยในเวบค่ะ ที่นิวซีแลนด์ก็ไม่มีเรื่องแบบนี้ค่ะ) ป้าบอกว่าการขับรถไปกลับมันต้องใช้เวลา 15 นาที ซึ่งฮัลโหลว.. ป้านับเลขเป็นไหมคะ?​
    4.    แล้วความซวยก็มาถึงค่ะ คือเรามาสายไปนิดนึง กลับมาถึง 4.20 (ไม่เกินนี้แน่นอนค่ะ) พนักงานที่ขับรถส่งก็กำลังจะขับรถไปส่งเรา ป้าบอกพนักงานคนนั้นว่าไม่ต้องไปส่ง เพราะเขามาสาย ..​อีดวกกก ทีตัวเองทำตรูสายไปชั่วโมงครึ่ง ไม่พูดถึงเนอะ เราก็โมโหกันมาก และอีป้าก็บอกว่า เดี๋ยวฉันจะเรียกแท็กซี่ให้นะ สรุปเสียค่าแท็กซี่รวมกันแล้วก็ไปเช่า budget เอาเลยดีกว่าค่ะ ไม่ต้องมาเช่าอีบริษัทนี้ให้เสียอารมณ์ ( แต่ก็แน่นอนค่ะว่าเขียน essay ไป complain ยาวมาก อีป้าก็ทำส่งเมลมาขอโทษแบบแกนๆ อ่านละยิ่งหงุดหงิด)
พอค่ะ เราไปเที่ยวกันต่อดีกว่าค่ะ เราจะจบเรื่องนังป้าเอาไว้ตรงนี้

เราแพลนจะใช้เวลารอบๆ เมือง Adelaide ที่นี่มากกว่าในตัวเมือง เนื่องจากหาข้อมูลมาแล้วร็สึกว่าเมืองนี้มันไม่ได้ใหญ่มาก และเราก็มีเวลาวันสุดท้ายเหลืออีก 1 วัน ดังนั้น..​วันนี้เราเลยจะเช่ารถไปเที่ยวแถวนี้กัน!

ที่แรกที่เราไปคือ Mount Lofty Botanic Garden ซึ่งก็เป็นสวนที่จัด Landscape สวยดีค่ะ แต่เราไปช่วงออกจะงง คือจะใบไม้ชอุ่มไหมก็ไม่ใช่ จะเปลี่ยนสีก็ไม่เชิง เลยออกแนวเหมือนไปสวนหลวง ร.9 อยู่ค่ะ


ที่นี่ก็เลยเป็นที่ที่เราไปถ่ายภาพสำหรับทำชิ้นงาน สวัสดีวันจันทร์ ให้พ่อแม่กันค่ะ


สวัสดีวันจันทร์

นึกว่าคลองแถวบ้านน้า ที่ราชบุรี แต่เขาก็คงความธรรมชาติได้ดี

ชอบความต้นไม้ยักษ์ของประเทศนี้

ที่ต่อมาคือเมือง Harndolf เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยความเยอรมัน ทั้งอาหารและสถาปัตยกรรม
แถมในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี่คือเขาว่ากันว่าสวยระเบิดระเบ้อ (ช่วงมีนาคม - พฤษภาคม)
แต่พวกเราจะไปกันกลางกุมภา ก็เลยไม่ได้คาดหวังความงามประมาณนี้เอาไว้ค่ะ


พอไปถึงกรรมที่พกมาด้วยก็เริ่มทำงานค่ะ เพราะฝนตก
จากทีแรกตอนยังไม่ถึงเมืองคือตกปรอยๆ นะคะ
พอจอดรถได้เท่านั้นแหละ ฝนตกกันจนนึกว่ามีคนเอาน้ำมาเทใส่


พวกเราเลยพุ่งตัวรีบไปกินอาหารเยอรมันของเด็ดกันค่ะ

เราไปที่ร้าน the Haus



แล้วก็สั่งกินกันเหมือนถูกหวย


ที่นี่ดีเพราะมีเบียร์เยอะค่ะ


เราเลยสั่งกันมาคนละแก้ว ยกเว้นคนขับค่ะ


การเดินเล่นในเมือง Harndolf เป็นไปอย่างลำบากเชียวค่ะ เพราะฝนตกตลอดเวลา ไอ้ที่ควรจะชิลด์ก็ไม่ใช่เลย
ต้องเดินฝ่าฝนกันไปอย่างหนาวๆ จบตรงเราก็ย้ายไปจุดหมายต่อไปเลยค่ะ



สรุป เมืองนี้รอมาตอนใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะดีกว่าค่ะ

อีกที่ที่เราจะไปกันต่อก็คือ Port Noarlunga beach ซึ่งก็ยังงงจนไปถึงว่าเราไปกันทำไมวะ


ซึ่งพอไปถึงเราก็เลยเข้าใจว่าเมืองนี้มันเป็นเมืองที่คนเค้าไป Snorkel กัน


ลูกเด็กเล็กแดงก็เอาผ้าเช็ดตัวมาคนละผืน
แล้วก็โดดลงสะพานไปเลยจ้า คือหนูลูกเอ้ย ทำไมช่างเก่งกล้าอะไรปานนี้


แล้วคนก็นิยมมาตกปลากันที่นี่ ก็ด้วยว่าปลามันชุมนั่นแหละ แต่ก็ตกไปอย่างงั้นเอง ไม่ได้ว่าจับได้เป็นล่ำเป็นสันหรอกนะ ซึ่งด้วยความว่าอากาศหนาวมาก วันนั้นฝนก็ตกด้วย เราเลยเดินดูแป๊บนึง แล้วก็เดินกลับไปจะคืนรถ แล้วก็ดันเจอเหตุการณ์อัศจรรย์คือ
มีคนตกปลากระเบนได้!

ไอ้ที่ตกใจคือเรากลัวปลากระเบนจะตาย แล้วฝรั่งเองก็ฮือฮากันทั้งสะพานเลยค่ะ
นังกระเบนก็เก่งมาก ว่ายไปจุดที่เค้าห้ามจับปลา ทีนี้ก็วุ่นวายกันไปหมด
เพราะถ้าเค้าตัดเอ็นไปก็เหมือนตะขอจะยังเกี่ยวปากปลา เค้าเลยสู้รบกับมันเพื่อจะเอาเบ็ดออกจากปากมัน ก่อนจะปล่อยไปอย่างสวยงาม
(ชอตนี้ฟินน้ำตาไหลมาก อ่าห์)

แล้วเราก็ต้องรีบกลับไปคืนรถ จนเจออีป้าทำพิษ และแบกความหงุดหงิดกลับไปสนามบิน ก่อนจะบินไปอีกชั่วโมงนึงสู่ Port Lincoln
ซึ่งเรื่องราวจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป ติดตามได้ต่อนะคะ เดี๋ยวมาลงเพิ่มค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่