หาทางชีวิต หลังเรียน จบ ปริญญา
1.สมัครงาน ตามบริษัทเอกชน
การสมัครงาน ตามบริษัทเอกชน สำคัญเลย จะต้องเข้าศึกษาในคณะ ที่จบมาเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน เช่น การเงิน การบัญชี แพทย์ วิศวะ ไอที แล้วถ้ายิ่งจบ มหาลัยดังๆด้วย โอกาสได้งานก็จะยิ่งง่ายขึ้นเยอะ เพราะมันจะมีระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง สังเกตได้เลย บางบริษัท รับแต่ ม ธรรมศาสตร์ ไม่รับ ราชภัฎ แม้ใครๆจะบอกเรียนที่ไหนเหมือนกัน แต่ค่านิยมพวกนี้ก็มีมานาน
ส่วนพวกที่ เรียนจบ คณะ ไม่ดี มหาลัยไม่ดัง ก็ตกงานไป 2-3 ปี โดนที่บ้านโขกสับ แบบขายหน้าชาวบ้าน ไม่มีอะไรไปโม้ ซึ่งก็ไม่เข้าใจทำไมถึงเอาแต่ทำร้ายจิตใจคนที่บ้าน ติดหน้าตา ทั้งที่บางคนนี่ไม่เคยไปสมัครงานอะไรเลย แล้วไปด่าลูกหลาน ไม่เอาไหน ไม่พยายาม มันใช่หรอ
แล้วพวกที่ทำมานานจนทำไม่ไหว ก็ออกไปกับเงิน สงเคราะห์ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนิดๆหน่อย ออกไปก็ไม่รุ้จะทำยังไง
2.สมัครสอบราชการ และ รอบรรจุ
การสอบราชการ เป็นค่านิยม ทีมีมานานมากๆ เหตุผลก็เพราะว่า ถ้าได้เป็นข้าราชการ ก็ไม่ต้องกลัวจะตกงานนั่นเอง แถมถ้าเกษียณ หลังจากทำมา 25 ปี ออกไปก็ยังได้ เงินบำนาญ เลี้ยงตัวเองจนตาย ซึ่งก็ไม่ต้องดิ้นรน เก็บเงินเป็นแสน เป็นล้าน ไปลงในหุ้น รอกินปันผล ซึ่งก็หาแน่นอนไม่ได้นะ การเล่นหุ้นสมัยนี้ เพราะธุรกิจปัจจัยกระทบเยอะมาก การขึ้นลงของราคา ว่ากันตามความโลภ กันล้วนๆ เพราะแบบนี้ ใครๆเขาถึงได้บอกไง มันคือ การพนันถูกกฎหมาย
แต่ราชการ ถ้าคิดจะสอบ ก็ต้องติดตามข่าวตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนสักปี 3 ปลายๆ เพราะบางกรม มันสามสี่ปีเปิดที เช่น กรมศุลกากร แล้วก็เพราะแบบนี้ หลายคนที่พยายามสอบ จนอายุเลย กำหนดไป ก็ถอดใจ แล้วก็ต้องไปดิ้นรนหาอาชีพอื่นทำ และ ก็ต้องอยู่ให้ได้ด้วย
3.ค้าขายส่วนตัว หรือ สืบทอดธุรกิจที่บ้าน
ต้องยอมรับนะว่า ค้าขายส่วนตัว สมัยนี้มันไม่ง่าย เพราะคนทำกันเยอะ ไหนจะถูกบีบบังคับ จากกฎระเบียบ บ้าบอคอแตกต่างๆ ให้อยู่ขายนานๆไม่ได้ บ้างก็โดนไล่ที่ บ้างก็สู้ค่าเช่าแพงๆไม่ไหว แถมสมัยนี้ ถ้าขายของไม่ถูก ก็ไม่มีคนซื้อนะ เหตุผลก็เพราะว่า คนไม่มีตังค์จะกินจะใช้แล้วนั่นแหล่ะ เนื่องจ่าก บริษัทต่างๆ บีบให้คนออก เอาเครื่องจักร ระบบอัตโนมัติมาใช้แทน
ส่วนพวก ที่ทำธุรกิจ สมัยนี้ ส่วนมาก มักจะเป็น คนที่บ้านมีฐานะดี แล้วก็มักจะสืบทอดกิจการที่บ้านต่อ มีระบบ มีฐานลูกค้า แล้วก็มีคนสอนให้ทุกขั้นตอน ซึ่งก็ไม่ได้ยากมากมาย ขณะที่คนทั่วไป มันจะทำอาชีพ อะไรส่วนตัว คิดยังไงก็คิดไม่ออก หรือ ถ้ามีเงินบ้าง มันก็ไม่รู้จะเสี่ยงดีไหม เพราะพวกที่เสียงไป ก็มักจะหมดตัวอดตาย เนื่องจากสายป่านไม่ยาว และ ไม่มีใครส่งเสริม
หาทางชีวิต หลังเรียน จบ ปริญญา
1.สมัครงาน ตามบริษัทเอกชน
การสมัครงาน ตามบริษัทเอกชน สำคัญเลย จะต้องเข้าศึกษาในคณะ ที่จบมาเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน เช่น การเงิน การบัญชี แพทย์ วิศวะ ไอที แล้วถ้ายิ่งจบ มหาลัยดังๆด้วย โอกาสได้งานก็จะยิ่งง่ายขึ้นเยอะ เพราะมันจะมีระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง สังเกตได้เลย บางบริษัท รับแต่ ม ธรรมศาสตร์ ไม่รับ ราชภัฎ แม้ใครๆจะบอกเรียนที่ไหนเหมือนกัน แต่ค่านิยมพวกนี้ก็มีมานาน
ส่วนพวกที่ เรียนจบ คณะ ไม่ดี มหาลัยไม่ดัง ก็ตกงานไป 2-3 ปี โดนที่บ้านโขกสับ แบบขายหน้าชาวบ้าน ไม่มีอะไรไปโม้ ซึ่งก็ไม่เข้าใจทำไมถึงเอาแต่ทำร้ายจิตใจคนที่บ้าน ติดหน้าตา ทั้งที่บางคนนี่ไม่เคยไปสมัครงานอะไรเลย แล้วไปด่าลูกหลาน ไม่เอาไหน ไม่พยายาม มันใช่หรอ
แล้วพวกที่ทำมานานจนทำไม่ไหว ก็ออกไปกับเงิน สงเคราะห์ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนิดๆหน่อย ออกไปก็ไม่รุ้จะทำยังไง
2.สมัครสอบราชการ และ รอบรรจุ
การสอบราชการ เป็นค่านิยม ทีมีมานานมากๆ เหตุผลก็เพราะว่า ถ้าได้เป็นข้าราชการ ก็ไม่ต้องกลัวจะตกงานนั่นเอง แถมถ้าเกษียณ หลังจากทำมา 25 ปี ออกไปก็ยังได้ เงินบำนาญ เลี้ยงตัวเองจนตาย ซึ่งก็ไม่ต้องดิ้นรน เก็บเงินเป็นแสน เป็นล้าน ไปลงในหุ้น รอกินปันผล ซึ่งก็หาแน่นอนไม่ได้นะ การเล่นหุ้นสมัยนี้ เพราะธุรกิจปัจจัยกระทบเยอะมาก การขึ้นลงของราคา ว่ากันตามความโลภ กันล้วนๆ เพราะแบบนี้ ใครๆเขาถึงได้บอกไง มันคือ การพนันถูกกฎหมาย
แต่ราชการ ถ้าคิดจะสอบ ก็ต้องติดตามข่าวตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนสักปี 3 ปลายๆ เพราะบางกรม มันสามสี่ปีเปิดที เช่น กรมศุลกากร แล้วก็เพราะแบบนี้ หลายคนที่พยายามสอบ จนอายุเลย กำหนดไป ก็ถอดใจ แล้วก็ต้องไปดิ้นรนหาอาชีพอื่นทำ และ ก็ต้องอยู่ให้ได้ด้วย
3.ค้าขายส่วนตัว หรือ สืบทอดธุรกิจที่บ้าน
ต้องยอมรับนะว่า ค้าขายส่วนตัว สมัยนี้มันไม่ง่าย เพราะคนทำกันเยอะ ไหนจะถูกบีบบังคับ จากกฎระเบียบ บ้าบอคอแตกต่างๆ ให้อยู่ขายนานๆไม่ได้ บ้างก็โดนไล่ที่ บ้างก็สู้ค่าเช่าแพงๆไม่ไหว แถมสมัยนี้ ถ้าขายของไม่ถูก ก็ไม่มีคนซื้อนะ เหตุผลก็เพราะว่า คนไม่มีตังค์จะกินจะใช้แล้วนั่นแหล่ะ เนื่องจ่าก บริษัทต่างๆ บีบให้คนออก เอาเครื่องจักร ระบบอัตโนมัติมาใช้แทน
ส่วนพวก ที่ทำธุรกิจ สมัยนี้ ส่วนมาก มักจะเป็น คนที่บ้านมีฐานะดี แล้วก็มักจะสืบทอดกิจการที่บ้านต่อ มีระบบ มีฐานลูกค้า แล้วก็มีคนสอนให้ทุกขั้นตอน ซึ่งก็ไม่ได้ยากมากมาย ขณะที่คนทั่วไป มันจะทำอาชีพ อะไรส่วนตัว คิดยังไงก็คิดไม่ออก หรือ ถ้ามีเงินบ้าง มันก็ไม่รู้จะเสี่ยงดีไหม เพราะพวกที่เสียงไป ก็มักจะหมดตัวอดตาย เนื่องจากสายป่านไม่ยาว และ ไม่มีใครส่งเสริม