สวัสดีครับผมชื่อธันวา... ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มาจากบ้านนอก... เรื่องราวของผมเกิดขึ้นเมื่อปี59ตอนผมอยู่ม.6 ยายผมป่วยเป็นโรคไตตั้งแต่ผมอายุ15 ผมอยากลดภาระแก อยากหาเงินเองและเรียนจบให้สูงที่สุดในบ้านให้ยายภูมิใจ ผมตัดสินใจเข้ากรุงเทพทันทีหลังเรียนจบม.6 เข้ามาเรียนผู้ช่วยพยาบาล ที่กรุงเทพโดยมีเงินติดตัวมา1000 และกีต้าร์ที่ซื้อต่อเพื่อนมา400บาท มาเรียนอยู่ฟรีกินฟรี3เดือน.
ตอนผมอยู่ ม.6 ผมได้เป็นประธานนักเรียนด้วยหละ และอยู่บ้านเวลากลางวันผมจะขอออกนอกโรงเรียนกลับบ้านไปทำน้ำยาฟอกไตให้ยาย เป็นแบบนี้ประจำ วันนึงนี้ฟอก4เวลาเชียว .....
ระหว่างผมเรียนผู้ช่วยพยาบาลนั้น ก็ยังโชคดีที่มีที่พัก มีที่นอนให้แต่หนักตรงค่าเทอม50000 ผมตัดสินใจ เอากีต้าร์ไปเปิดหมวก เพื่อเลี้ยงชีพและหาเงินจ่ายค่าเทอมบางส่วน เพราะผมไม่มีใครส่งเงินให้ใช้เลย
ทางบ้านไม่ได้ถึงกับจนหรอกครับแต่หนี้สินก็เยอะ และภาระเยอะมากครอบครัวผมเป็นครอบครัวเห็นแก่ตัวบ้านอยุ่ติดกัน2หลัง บ้านลูกหลานและตายายอยู่กันร่วม10คน แต่ไม่มีใครหยิบยื่นอะไรให้ตายาย มีแต่มาขอตากับยาย แม้กระทั่งกระเทียม น้ำตาล ไข่ไก่ฯ
.
ผมเปิดหมวกด้วยกีต้าร์ ลืมบอกไปผมเป็นมือกีต้าร์โรงเรียนด้วยหละ (แถมเล่นข้างซ้ายไม่กลับสาย) ร้องเพลงไม่ได้ถึงกับเพราะ
รายได้ตอนนั้นถือว่าพออยู่เลยผมเริ่มได้ประมาณวันละ 300-400 หลังช่วงเลิกเรียนผู้ช่วยนั่นแหละครับช่วงเย็น ผมก็รีบกลับห้องแล้ว ออกมาเปิดหมวกเลย.
โรงเรียนผู้ช่วยนั่นตั้นอยู่ในมหาลัย ธุรกิจบัณฑิตย์ และที่พัก ก็ชื่อศรีจินดาเพลส อยู่ใกล้ๆพันทิพย์พลาซ่างามวงศ์วาน
.
ผมเปิดหมวกบนสะพานลอยพันธ์ุทิพย์ทุกวันจน มีเงินพอจ่ายค่าเทอมได้และมีซื้อของอะไรใช้และกินบ้าง จนมีพี่คนหนึ่งชื่อบอล เป็นเซียนพระ ในพันทิพย์ เข้ามาให้เงินผม 100บาทและชวนว่างๆให้เข้าไปเล่นกีต้าร์ที่ตุ้พระเขา แล้วเขาจะให้เงินและทิ้งนามบัตรไว้ให้ผม .
จนวันหนึ่งผมตัดสินใจ เล่นกีต้าร์บนสะพานลอยและลองเข้าไปหาเขา แต่ก็ไม่เคยเจอเขาเลย เจอแต่เซียนพระ ที่ชื่อ นัท หรือที่ใครๆก็รู้จักเขาดีในนาม นัท แฟนพันธ์ุแท้ เซียนพระชื่อดัง ในพันทิพย์คนนึง
ผมก็ได้เจอ พี่นัท และถามเขาว่า ::พี่บอลอยู่ไหม เขาให้ผมมาเล่นกีต้าร์ที่นี่ เล่นๆกันแล้วเขาจะให้เงินครับ และบอกรายละเอียดว่าผมนั้นเปิดหมวกอยู่และหาเงินจ่ายค่าเทอมและใช้กิน !!
พี่นัทก็บอกว่า พี่บอลไม่ค่อยมา ไหนๆลองเล่นให้ฟังหน่อย ผมก็ได้เล่น สักพัก ผมก็ขอกลับ
พี่นัทก็ได้ควักเงินมาให้ผม280บาท ในวันนั้น
และบอกให้ผมตั้งใจ....
ผมก็มาซ้ำอีกเพื่อมาหาพี่บอล แต่ก็ไม่เจอเจอพี่นัทวันที่2เขาก็ให้เล่น และได้มา300
วันที่3ก็เจอพี่บอล แต่พี่บอลก็ไม่ได้คุยอะไรมาก สุดท้ายพี่นัทก็ให้เงินมา300 และชวนมาทำงานกับเขา เป็นเด็กเรียกพระเฝ้าตู้เขาบอกจะให้เงินวันละ300 ผมก็ตกลง
พี่นัทยังช่วยเรื่องทุนการศึกษาผมอีก6000 ให้เอาไปจ่ายค่าเทอม และเอาใบเสร็จมาให้ดู ผมก็จ่ายและเอามายืนยันพี่นัทครับ
.
ด้วยความเป็นเด็กผมก็ไม่ได้ทำงานเต็มที่เท่าไรผมทำงานกับเขาเสร็จ2-3ทุ่มบ้างผมก็ไปเปิดหมวกต่อ ผมทำกับเขาได้3 เดือน จึงตัดสินใจขอออกไปฝึกงาน ตามที่เรียนมาเพื่อให้จบ 6เดือนผู้ช่วยพยาบาล ระหว่างก่อนจบก็ได้ตัดสินใจสมัครเรียนต่อที่มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คณะที่ใช้ผู้ช่วยนั้นสานต่อโดยเรียนน้อยลง3ปีและเรียนสัปดาห์ละวัน คือวันพุธ
วันอื่นทำงานได้ .
ผมก็เข้ามาเรียนและขอทุน ได้ทุน100%ประธานนักเรียน ถือว่าเป็นโอกาสดีๆของผม และผมก็ลงประกวดเดือนคณะก็ได้เป็นเดือน ผมแต่งเพลง ((สาวdpu)) ลงประกวด
ลองไปฟังดูในยูทูป ระหว่างนั้นก็ยังมีโอกาส ได้ทำกิจกรรมในมหาลัยอีกหลายอย่างและช่วงที่ประทับใจก็คือ มีพี่โน้สอุดม เข้ามาพูดคุยกับนักศึกษา สุดท้ายวันนี้มีคลิปตลกๆออกมาจากเพจเดี่ยว9 คลิปนั้นเป็นผมเอง
ในยูทูปชื่อคลิปว่า (อุดมถึงกับเงิบ เมื่อเจอคำถามนี้) และอีกคลิป เมื่อหลายเดือนต่อมา (เฮียโจ้ขอเงิบด้วยเมื่อเจอคำถามนี้)
.
หลังจากผมออกมาจากตู้พระผมก็ไม่ได้มีงานทำหรอกครับ ผมเข้าไปในกลุ่มเฟส เจอกลุ่มงานเกี่ยวกับละครเล่นเป็นเอ็กตร้า และไปเจอ โรงเรียนสอนการแสดง เขาให้จ่ายเงิน2500และให้งาน แต่ก็ไม่ได้งานเลย
แต่ไปเจอพี่คนนึง ชื่อ ปู แกชวนทำงานและส่งงานให้ผม เล่นเป็นตัวประกอบ แต่นั้นมา ผมก็พอมีใช้มีกิน และมีจ่ายค่าเทอม ผมจ่ายไปทั้งหมด 29000 บาท เล่นละคร สลับกับ เปิดหมวก จนช่วงนึง กีต้าร์ เล่นได้เพียงหลักสิบและงานถ่ายละครก็ไม่มีเข้ามาเลย ผมจึง ทำชุดไอร่อนแมนจากกล่องลังขึ้นพ่นสี และไปยืนเป็นหุ่นผมไปเปิดหมวกที่เซนทรัลเวิลด์ ท่าน้ำนนท์์ และพันทิพย์ ...
จนพอมีเงินขึ้นมาบ้างช่วงนั้นคือช่วงเดือนตุลาคมปี59 หลังจากเกิดเรื่องเศร้าที่สุดในประเทศ เมื่อวันที่13ตุลาคม ปี 59 ผมก็ไม่สามารถเปิดหมวกได้อีกและงานก็หาย ผมเช่าห้องอยุ่หน้าพันทิพย์เดือนละ1500 ผมจะเป็นคนเก็บ ค่าเช่าไว้ล่วงหน้าเสมอ ค่าห้องคือสิ่งแรกที่คิด ถ้าไม่รวมค่าห้องที่เก็บไว้ตอนนั้นผมมีเงินเพียง300บาทงานและแล้วงานสุดท้ายก็มา คือ ((งานฟ้ามีตา ตอนหญิงข้าใรอย่าแตะ))
และได้เงินมา700 ผมก็พออยู่ได้ขึ้นมากินมาม่าบ้างปลากระป๋องบ้าง หุงข้าวกินบ้าง เอาผงรสดีพะโล้ทำกินเองบ้าง ต้มเส้นทำก๋วยเตี๋ยวกินเองบ้าง แต่ไม่อร่อยหรอก 555 ผมกินแบบนี้มาตลอดนะตั้งแต่อยู่กรุงเทพ ของดีที่สุดตอนนั้นคือ ข้าวขาหมูหน้าพันทิพย์อร่อยมาก คุณลุงหน้าดุๆตัวดำๆขาย ร้านอยู่ตีนสะพานลอย หน้าเซเว่นตรงข้ามพันทิพย์
.
จนเมื่อครั้งนั้นผมก็ตัดสินใจ หางานประจำทำสักที เพราะผมเรียนจบผู้ช่วยมาเขาโฆษณาการันตีมีงานทำ แต่ผมกลับไม่มี ผมจึงหางานประจำทำ คือร้านขายยา Fascino ในเดอะมอลล์งามวงศ์วาน
ผมผ่านสัมภาษณ์และได้ทำมาจนถึงปัจจุบัน
ก่อนทำผมมีฝันอยากขี่บิ้กไบค์ ตั้งแต่มอ.3แล้ว ผมเริ่มเก็บตัง ตั้งแต่ตุลามา แล้วเริ่มทำงานเมื่อ 8 ธันวาคม 59
และเริ่มมีเงิน24000บาทในบัญชี
ชีวิตผมเริ่มดีขึ้นพอมีเงินส่งให้ยายได้ใช้เราพอมีกินและมีจ่ายค่าเทอมแต่สุดที่แค่29000เท่านั้น.
เพราะเหมือนว่าเราไม่ได้อะไรจากโรงเรียนเลยและวุฒก็ไม่ได้จนผ่านมา2ปีกว่าแล้ว
.
แต่ทางบ้านโทรมาขอยืม 20000 เดือนมกรา60จะคืน
ผมก็โอนให้ เงินที่ผมเก็บนั้นผมตั้งใจจะเก็บไว้ซื้อรถบิ้กไบค์สักคันเพื่ออยากสร้างความรับผิดชอบให้ตัวเองมากขึ้นและอยากมีสมบัติอะไรเป็นของตัวเองบ้าง(((ผมมองว่าการที่ผมผ่อนบิ้กไบค์มันคือการสร้างความรับผิดชอบมันทำให้เราใช้เงินแต่ละครั้งทุกครั้งจะนึกถึงหนี้ที่ตัวเองสร้างไว้เสอม และอีกหนึางสิ่งคือมันเป็นสิ่งของที่ใช้งานได้และมีมูลค่าเวลาขายก็ขายได้เงินเป็นก้อนซึ่งต่างกับทองที่ขายก็ขายได้เป็นก้อนแต่ใช้งานไม่ได้)))
.
แต่สุดท้ายก็เปล่าเลยทางบ้านไม่ได้คืนผม ผมเลยตัดใจจากเงินก้อนนั้นและเก็บใหม่ จนเดือนกุมภา ปี60ผมมีเงิน25000
ผมก็ตัดสินใจดาวน์รถจากพี่คนนึง ชื่อทอม
เป็นรถรุ่น benelli tnt600 i มือสอง แบบไม่เปลี่ยนสัญญา หลังจากนั้นชีวิตผมก็เริ่มดีขึ้นจนถึงปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมก็ยังรับงานเป็นตัวประกอบอยู่บ้างยามว่างจริงๆเพราะผมเรียนด้วยทำงานด้วยถ้าถามแล้ว ผมแทบไม่มีวันหยุดกับเขาเลย เห้อออเศร้าจัง...
.
และผมยังได้แต่งเพลงๆหนึ่ง ชื่อว่า ((ไม่อาจหวนคืน)) เพลงนี้ผมกำลังจะทำฉบับเต็มให้ทุกคนฟังเร็วๆนี้ ..
ผมแต่งเมื่อปี59 ผมเอาเพลงนี้
มาออดิชั่นไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์ ปีนี้เมื่อวันที่13พ.ค.61 ที่ผ่านมาและผ่านออดิชั่นจนเข้าสู่รอบแรก ผมตัดสินใจทำชุดไอร่อนแมนขึ้นมาใหม่และ เพลงที่ตัวเองเแต่งเองพร้อมกับกีต้าร์ซ้าย ไม่กลับสาย ที่แปะสติ้กเกอร์สีทอง
เขียนด้วยปากกาหมึกว่า "กีต้าร์เพื่อยาย"
เพลงผมชื่อ (ไม่อาจหวนคืน) มันมีความหมายถึงคนรัก ครอบครัว พ่อแม่ ตายายฯ ผมเองนั้นสื่อให้ยาย ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี3แล้ว จะจบกลางปีหน้า ปี62
ผมส่งเงินให้ยายใช้ทุกเดือน ส่งอาหารเสริมให้ตากินบ้าง
ผ่อนตุ้เย็นให้ยายเดือนละ1000 ผมทำงานร้านขายยา
และเพลงนี้มันบอกว่า คนเราหนะมักเสียดายตอนที่สายไปแล้ว ตอนที่คนที่เรารักนั้นจากไป
ตอนมีชีวิตอยุ่ทำไมเราถึงไม่เห็นคุณค่าเขา
ผมจึงอยากสื่อให้ทุกคนทั้งประเทศรู้ว่า
ยามที่เขายังมีชีวิตอยู่ จงทำให้ดีจงทำให้เขามีความสุขมากไป หมายถึงคนรักหรือครอบครัว ฯลฯ จะได้ไม่ต้องมาเสียดายในยามที่เขาไม่อยู่กับเราหรือยามที่เขา ไม่มีลมหายใจแล้ว
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.61ที่ผ่านมาผมเอาเพลงนี้ไปเล่นบนเวทีไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์
พี่ออฟปองศักดิ์เข้าใจผม แต่พี่คริส พี่ต้อม พี่เจนนิเฟอร์ คิ้ม นั้นไม่ได้ให้ผมผ่านเพราะเขามองที่เสียง ไม่ได้มองภาพรวม
บนเวทีผมอาจไม่ได้มาสื่อถึงความไพเราะอะไรมาก
เพียงยายผมนั้น ฝันเสมอว่าอยากเห็นผมออกทีวี
อยากให้ผมไปรายการนุ้นบ้างนี้บ้าง
วันนี้ผมทำให้ยายสำเร็จแล้วนะ
ถึงผมจะไม่ผ่านแต่อย่างน้อยผมได้ออกแล้วสักเทปก็ยังดี.....ฝากทุกคนติดตามผมด้วย
ไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์ "ชุดลังไอร่อนแมนกับกีต้าร์สีทอง"
ทั้งชีวิตผมมีเพียงตายายที่เข้าใจผม และรักผมมากที่สุด ทุกคำสอนที่ยายสอนผมไม่เคยทำพลาด
จนทุกวันนี้ผมเริ่มสบายเช่าห้องเดือนละ2000
มีเงินใช้ มีบิ้กไบค์ขับมีโทรศัพท์ดีๆใช้ มีเงินส่งให้ยายใช้ ปัจจุบันผมอายุ20แล้ว
.
.
สุดท้ายฝากถึงวัยรุ่นทุกคนให้เริ่มคิดเริ่มทำให้สู้กับทุกสิ่งที่เจอ บ้างโชคดีเกิดในครอบครัวที่มั่งมี บ้างโชคดีเกิดในครอบครัวที่ยากจน
และครอบครัวที่ไม่สมประกอบ ขาดความรักความอบอุ่น ทุกคนย่อมมีฝัน และการที่จะทำให้สำเร็จนั้น ไม่ใช่แค่นอนฝันหรือแค่คิด
แต่มันอยุ่ที่เรา ((ลงมือทำ))
.
นี่คือเรื่องราวชีวิตผมและยาย...
เรื่องราวเขียนโดย
นาย ธันวา พานทอง.
FB:Va'Thunva Panthong
สวัสดีครับผมมีเรื่องเล่าให้ฟัง เรื่องกีต้าร์ 1ตัวกับเงิน 1000 บาท อยู่รอดให้ได้ในกรุงเทพ ......
ตอนผมอยู่ ม.6 ผมได้เป็นประธานนักเรียนด้วยหละ และอยู่บ้านเวลากลางวันผมจะขอออกนอกโรงเรียนกลับบ้านไปทำน้ำยาฟอกไตให้ยาย เป็นแบบนี้ประจำ วันนึงนี้ฟอก4เวลาเชียว .....
ระหว่างผมเรียนผู้ช่วยพยาบาลนั้น ก็ยังโชคดีที่มีที่พัก มีที่นอนให้แต่หนักตรงค่าเทอม50000 ผมตัดสินใจ เอากีต้าร์ไปเปิดหมวก เพื่อเลี้ยงชีพและหาเงินจ่ายค่าเทอมบางส่วน เพราะผมไม่มีใครส่งเงินให้ใช้เลย
ทางบ้านไม่ได้ถึงกับจนหรอกครับแต่หนี้สินก็เยอะ และภาระเยอะมากครอบครัวผมเป็นครอบครัวเห็นแก่ตัวบ้านอยุ่ติดกัน2หลัง บ้านลูกหลานและตายายอยู่กันร่วม10คน แต่ไม่มีใครหยิบยื่นอะไรให้ตายาย มีแต่มาขอตากับยาย แม้กระทั่งกระเทียม น้ำตาล ไข่ไก่ฯ
.
ผมเปิดหมวกด้วยกีต้าร์ ลืมบอกไปผมเป็นมือกีต้าร์โรงเรียนด้วยหละ (แถมเล่นข้างซ้ายไม่กลับสาย) ร้องเพลงไม่ได้ถึงกับเพราะ
รายได้ตอนนั้นถือว่าพออยู่เลยผมเริ่มได้ประมาณวันละ 300-400 หลังช่วงเลิกเรียนผู้ช่วยนั่นแหละครับช่วงเย็น ผมก็รีบกลับห้องแล้ว ออกมาเปิดหมวกเลย.
โรงเรียนผู้ช่วยนั่นตั้นอยู่ในมหาลัย ธุรกิจบัณฑิตย์ และที่พัก ก็ชื่อศรีจินดาเพลส อยู่ใกล้ๆพันทิพย์พลาซ่างามวงศ์วาน
.
ผมเปิดหมวกบนสะพานลอยพันธ์ุทิพย์ทุกวันจน มีเงินพอจ่ายค่าเทอมได้และมีซื้อของอะไรใช้และกินบ้าง จนมีพี่คนหนึ่งชื่อบอล เป็นเซียนพระ ในพันทิพย์ เข้ามาให้เงินผม 100บาทและชวนว่างๆให้เข้าไปเล่นกีต้าร์ที่ตุ้พระเขา แล้วเขาจะให้เงินและทิ้งนามบัตรไว้ให้ผม .
จนวันหนึ่งผมตัดสินใจ เล่นกีต้าร์บนสะพานลอยและลองเข้าไปหาเขา แต่ก็ไม่เคยเจอเขาเลย เจอแต่เซียนพระ ที่ชื่อ นัท หรือที่ใครๆก็รู้จักเขาดีในนาม นัท แฟนพันธ์ุแท้ เซียนพระชื่อดัง ในพันทิพย์คนนึง
ผมก็ได้เจอ พี่นัท และถามเขาว่า ::พี่บอลอยู่ไหม เขาให้ผมมาเล่นกีต้าร์ที่นี่ เล่นๆกันแล้วเขาจะให้เงินครับ และบอกรายละเอียดว่าผมนั้นเปิดหมวกอยู่และหาเงินจ่ายค่าเทอมและใช้กิน !!
พี่นัทก็บอกว่า พี่บอลไม่ค่อยมา ไหนๆลองเล่นให้ฟังหน่อย ผมก็ได้เล่น สักพัก ผมก็ขอกลับ
พี่นัทก็ได้ควักเงินมาให้ผม280บาท ในวันนั้น
และบอกให้ผมตั้งใจ....
ผมก็มาซ้ำอีกเพื่อมาหาพี่บอล แต่ก็ไม่เจอเจอพี่นัทวันที่2เขาก็ให้เล่น และได้มา300
วันที่3ก็เจอพี่บอล แต่พี่บอลก็ไม่ได้คุยอะไรมาก สุดท้ายพี่นัทก็ให้เงินมา300 และชวนมาทำงานกับเขา เป็นเด็กเรียกพระเฝ้าตู้เขาบอกจะให้เงินวันละ300 ผมก็ตกลง
พี่นัทยังช่วยเรื่องทุนการศึกษาผมอีก6000 ให้เอาไปจ่ายค่าเทอม และเอาใบเสร็จมาให้ดู ผมก็จ่ายและเอามายืนยันพี่นัทครับ
.
ด้วยความเป็นเด็กผมก็ไม่ได้ทำงานเต็มที่เท่าไรผมทำงานกับเขาเสร็จ2-3ทุ่มบ้างผมก็ไปเปิดหมวกต่อ ผมทำกับเขาได้3 เดือน จึงตัดสินใจขอออกไปฝึกงาน ตามที่เรียนมาเพื่อให้จบ 6เดือนผู้ช่วยพยาบาล ระหว่างก่อนจบก็ได้ตัดสินใจสมัครเรียนต่อที่มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คณะที่ใช้ผู้ช่วยนั้นสานต่อโดยเรียนน้อยลง3ปีและเรียนสัปดาห์ละวัน คือวันพุธ
วันอื่นทำงานได้ .
ผมก็เข้ามาเรียนและขอทุน ได้ทุน100%ประธานนักเรียน ถือว่าเป็นโอกาสดีๆของผม และผมก็ลงประกวดเดือนคณะก็ได้เป็นเดือน ผมแต่งเพลง ((สาวdpu)) ลงประกวด
ลองไปฟังดูในยูทูป ระหว่างนั้นก็ยังมีโอกาส ได้ทำกิจกรรมในมหาลัยอีกหลายอย่างและช่วงที่ประทับใจก็คือ มีพี่โน้สอุดม เข้ามาพูดคุยกับนักศึกษา สุดท้ายวันนี้มีคลิปตลกๆออกมาจากเพจเดี่ยว9 คลิปนั้นเป็นผมเอง
ในยูทูปชื่อคลิปว่า (อุดมถึงกับเงิบ เมื่อเจอคำถามนี้) และอีกคลิป เมื่อหลายเดือนต่อมา (เฮียโจ้ขอเงิบด้วยเมื่อเจอคำถามนี้)
.
หลังจากผมออกมาจากตู้พระผมก็ไม่ได้มีงานทำหรอกครับ ผมเข้าไปในกลุ่มเฟส เจอกลุ่มงานเกี่ยวกับละครเล่นเป็นเอ็กตร้า และไปเจอ โรงเรียนสอนการแสดง เขาให้จ่ายเงิน2500และให้งาน แต่ก็ไม่ได้งานเลย
แต่ไปเจอพี่คนนึง ชื่อ ปู แกชวนทำงานและส่งงานให้ผม เล่นเป็นตัวประกอบ แต่นั้นมา ผมก็พอมีใช้มีกิน และมีจ่ายค่าเทอม ผมจ่ายไปทั้งหมด 29000 บาท เล่นละคร สลับกับ เปิดหมวก จนช่วงนึง กีต้าร์ เล่นได้เพียงหลักสิบและงานถ่ายละครก็ไม่มีเข้ามาเลย ผมจึง ทำชุดไอร่อนแมนจากกล่องลังขึ้นพ่นสี และไปยืนเป็นหุ่นผมไปเปิดหมวกที่เซนทรัลเวิลด์ ท่าน้ำนนท์์ และพันทิพย์ ...
จนพอมีเงินขึ้นมาบ้างช่วงนั้นคือช่วงเดือนตุลาคมปี59 หลังจากเกิดเรื่องเศร้าที่สุดในประเทศ เมื่อวันที่13ตุลาคม ปี 59 ผมก็ไม่สามารถเปิดหมวกได้อีกและงานก็หาย ผมเช่าห้องอยุ่หน้าพันทิพย์เดือนละ1500 ผมจะเป็นคนเก็บ ค่าเช่าไว้ล่วงหน้าเสมอ ค่าห้องคือสิ่งแรกที่คิด ถ้าไม่รวมค่าห้องที่เก็บไว้ตอนนั้นผมมีเงินเพียง300บาทงานและแล้วงานสุดท้ายก็มา คือ ((งานฟ้ามีตา ตอนหญิงข้าใรอย่าแตะ))
และได้เงินมา700 ผมก็พออยู่ได้ขึ้นมากินมาม่าบ้างปลากระป๋องบ้าง หุงข้าวกินบ้าง เอาผงรสดีพะโล้ทำกินเองบ้าง ต้มเส้นทำก๋วยเตี๋ยวกินเองบ้าง แต่ไม่อร่อยหรอก 555 ผมกินแบบนี้มาตลอดนะตั้งแต่อยู่กรุงเทพ ของดีที่สุดตอนนั้นคือ ข้าวขาหมูหน้าพันทิพย์อร่อยมาก คุณลุงหน้าดุๆตัวดำๆขาย ร้านอยู่ตีนสะพานลอย หน้าเซเว่นตรงข้ามพันทิพย์
.
จนเมื่อครั้งนั้นผมก็ตัดสินใจ หางานประจำทำสักที เพราะผมเรียนจบผู้ช่วยมาเขาโฆษณาการันตีมีงานทำ แต่ผมกลับไม่มี ผมจึงหางานประจำทำ คือร้านขายยา Fascino ในเดอะมอลล์งามวงศ์วาน
ผมผ่านสัมภาษณ์และได้ทำมาจนถึงปัจจุบัน
ก่อนทำผมมีฝันอยากขี่บิ้กไบค์ ตั้งแต่มอ.3แล้ว ผมเริ่มเก็บตัง ตั้งแต่ตุลามา แล้วเริ่มทำงานเมื่อ 8 ธันวาคม 59
และเริ่มมีเงิน24000บาทในบัญชี
ชีวิตผมเริ่มดีขึ้นพอมีเงินส่งให้ยายได้ใช้เราพอมีกินและมีจ่ายค่าเทอมแต่สุดที่แค่29000เท่านั้น.
เพราะเหมือนว่าเราไม่ได้อะไรจากโรงเรียนเลยและวุฒก็ไม่ได้จนผ่านมา2ปีกว่าแล้ว
.
แต่ทางบ้านโทรมาขอยืม 20000 เดือนมกรา60จะคืน
ผมก็โอนให้ เงินที่ผมเก็บนั้นผมตั้งใจจะเก็บไว้ซื้อรถบิ้กไบค์สักคันเพื่ออยากสร้างความรับผิดชอบให้ตัวเองมากขึ้นและอยากมีสมบัติอะไรเป็นของตัวเองบ้าง(((ผมมองว่าการที่ผมผ่อนบิ้กไบค์มันคือการสร้างความรับผิดชอบมันทำให้เราใช้เงินแต่ละครั้งทุกครั้งจะนึกถึงหนี้ที่ตัวเองสร้างไว้เสอม และอีกหนึางสิ่งคือมันเป็นสิ่งของที่ใช้งานได้และมีมูลค่าเวลาขายก็ขายได้เงินเป็นก้อนซึ่งต่างกับทองที่ขายก็ขายได้เป็นก้อนแต่ใช้งานไม่ได้)))
.
แต่สุดท้ายก็เปล่าเลยทางบ้านไม่ได้คืนผม ผมเลยตัดใจจากเงินก้อนนั้นและเก็บใหม่ จนเดือนกุมภา ปี60ผมมีเงิน25000
ผมก็ตัดสินใจดาวน์รถจากพี่คนนึง ชื่อทอม
เป็นรถรุ่น benelli tnt600 i มือสอง แบบไม่เปลี่ยนสัญญา หลังจากนั้นชีวิตผมก็เริ่มดีขึ้นจนถึงปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมก็ยังรับงานเป็นตัวประกอบอยู่บ้างยามว่างจริงๆเพราะผมเรียนด้วยทำงานด้วยถ้าถามแล้ว ผมแทบไม่มีวันหยุดกับเขาเลย เห้อออเศร้าจัง...
.
และผมยังได้แต่งเพลงๆหนึ่ง ชื่อว่า ((ไม่อาจหวนคืน)) เพลงนี้ผมกำลังจะทำฉบับเต็มให้ทุกคนฟังเร็วๆนี้ ..
ผมแต่งเมื่อปี59 ผมเอาเพลงนี้
มาออดิชั่นไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์ ปีนี้เมื่อวันที่13พ.ค.61 ที่ผ่านมาและผ่านออดิชั่นจนเข้าสู่รอบแรก ผมตัดสินใจทำชุดไอร่อนแมนขึ้นมาใหม่และ เพลงที่ตัวเองเแต่งเองพร้อมกับกีต้าร์ซ้าย ไม่กลับสาย ที่แปะสติ้กเกอร์สีทอง
เขียนด้วยปากกาหมึกว่า "กีต้าร์เพื่อยาย"
เพลงผมชื่อ (ไม่อาจหวนคืน) มันมีความหมายถึงคนรัก ครอบครัว พ่อแม่ ตายายฯ ผมเองนั้นสื่อให้ยาย ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี3แล้ว จะจบกลางปีหน้า ปี62
ผมส่งเงินให้ยายใช้ทุกเดือน ส่งอาหารเสริมให้ตากินบ้าง
ผ่อนตุ้เย็นให้ยายเดือนละ1000 ผมทำงานร้านขายยา
และเพลงนี้มันบอกว่า คนเราหนะมักเสียดายตอนที่สายไปแล้ว ตอนที่คนที่เรารักนั้นจากไป
ตอนมีชีวิตอยุ่ทำไมเราถึงไม่เห็นคุณค่าเขา
ผมจึงอยากสื่อให้ทุกคนทั้งประเทศรู้ว่า
ยามที่เขายังมีชีวิตอยู่ จงทำให้ดีจงทำให้เขามีความสุขมากไป หมายถึงคนรักหรือครอบครัว ฯลฯ จะได้ไม่ต้องมาเสียดายในยามที่เขาไม่อยู่กับเราหรือยามที่เขา ไม่มีลมหายใจแล้ว
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.61ที่ผ่านมาผมเอาเพลงนี้ไปเล่นบนเวทีไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์
พี่ออฟปองศักดิ์เข้าใจผม แต่พี่คริส พี่ต้อม พี่เจนนิเฟอร์ คิ้ม นั้นไม่ได้ให้ผมผ่านเพราะเขามองที่เสียง ไม่ได้มองภาพรวม
บนเวทีผมอาจไม่ได้มาสื่อถึงความไพเราะอะไรมาก
เพียงยายผมนั้น ฝันเสมอว่าอยากเห็นผมออกทีวี
อยากให้ผมไปรายการนุ้นบ้างนี้บ้าง
วันนี้ผมทำให้ยายสำเร็จแล้วนะ
ถึงผมจะไม่ผ่านแต่อย่างน้อยผมได้ออกแล้วสักเทปก็ยังดี.....ฝากทุกคนติดตามผมด้วย
ไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์ "ชุดลังไอร่อนแมนกับกีต้าร์สีทอง"
ทั้งชีวิตผมมีเพียงตายายที่เข้าใจผม และรักผมมากที่สุด ทุกคำสอนที่ยายสอนผมไม่เคยทำพลาด
จนทุกวันนี้ผมเริ่มสบายเช่าห้องเดือนละ2000
มีเงินใช้ มีบิ้กไบค์ขับมีโทรศัพท์ดีๆใช้ มีเงินส่งให้ยายใช้ ปัจจุบันผมอายุ20แล้ว
.
.
สุดท้ายฝากถึงวัยรุ่นทุกคนให้เริ่มคิดเริ่มทำให้สู้กับทุกสิ่งที่เจอ บ้างโชคดีเกิดในครอบครัวที่มั่งมี บ้างโชคดีเกิดในครอบครัวที่ยากจน
และครอบครัวที่ไม่สมประกอบ ขาดความรักความอบอุ่น ทุกคนย่อมมีฝัน และการที่จะทำให้สำเร็จนั้น ไม่ใช่แค่นอนฝันหรือแค่คิด
แต่มันอยุ่ที่เรา ((ลงมือทำ))
.
นี่คือเรื่องราวชีวิตผมและยาย...
เรื่องราวเขียนโดย
นาย ธันวา พานทอง.
FB:Va'Thunva Panthong