ตำนานว่า
พระพุทธองค์ด้วยภิกษุสงฆ์ 500 รูป ได้เสด็จเลียบขึ้นตามริมฝั่งแม่ปิง
หลังจากเสด็จไปบนดอยสุเทพแล้ว
ได้ทรงประทานพระเกศา 8 เส้น ประดิษฐานไว้ใน มหาอาราม 8 แห่ง รอบเมืองเชียงใหม่
เสด็จไปบรรทมที่ พระนอนขอนม่วง ... วัดพระนอนขอนม่วง
แล้วเสด็จสู่ทิศตะวันออกทรงสรงน้ำที่แม่น้ำปิง แล้วก็ไปพักในป่าแพร่ง
ตอนเช้าได้ไปทางทิศเหนือเพื่อบิณฑบาต ในที่มีหมอกลงจัด
มีชาวนาผู้หนึ่งเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาบิณฑบาต
จึงเกี่ยวเอาฟางมาปูเป็นอาสนะ อาราธนาให้ประทับ
แล้วถวายภัตตาหารแก่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย
ทรงตรัสว่า
ตถาคตมาถึงที่นี้ พ่อนาเอาต้นข้าวมาปูให้ตถาคตนั่ง
ภายหน้าบ้านยางหมอกที่นี้ เขาจักเรียกว่า บ้านข้าวแท่น
ภายหน้าบ้านนี้จักสัมฤทธิ์ด้วยข้าวมากนักแล
แล้วพระองค์ก็เสด็จจากบ้านที่นี้ไปสู่ดอยทางทิศเหนือ
ขึ้นไปยังหินก้อนหนึ่ง ที่ใหญ่กว่าก้อนหินทั้งหลาย
ทรงขึ้นประทับเพื่อฉันภัตตาหาร
ได้มีฤาษีซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำใต้ก้อนหินนั้นมาสนทนาธรรมด้วย จนได้เห็นธรรม
พระองค์ทรงทำนายว่า พุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองในเชียงใหม่
ถ้าพระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาประทับบนหินก้อนนี้
จากนั้นได้ประทับรอยพระบาทเบื้องซ้ายไว้บนก้อนหิน
เพื่อให้เป็นที่สักการบูชาแก่คนและเทวดาทั้งหลาย
แล้วตรัสกับพระอานนท์ว่า
ตถาคตได้มานั่งฉันข้าวเหนือหินก้อนนี้และไว้พระบาทที่นี้
ภายหน้าหินก้อนนี้ จักปรากฏชื่อผาหลวงแท่นพระ
หลังจากพระพุทธเจ้าก็เสด็จเข้าสู่นิพพานสองพันปี
มีพรานป่าผู้หนึ่งได้ยิงกวางตัวหนึ่งแล้วเอามาเฉือนแบ่งกันที่เหนือผาพระบาทนี้
เทวดาที่รักษาสถานที่ก็ไม่พอใจ
จึงขึ้นไปกราบทูลพระอินทร์ ... ราชาแห่งเทพ
พระอินทร์จึงเนรมิตให้มีหมูป่าขุดเอาก้อนหินใหญ่ให้เอียงลง
จนเป็นที่เล่าขานไปทั่ว
ทราบถึงพระเจ้ากือนา จึงเสด็จออกไปทอดพระเนตร ณ ที่นั้น
ทรงพบว่ามีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไม่ปรากฏผู้สร้างประดิษฐานอยู่หลังแท่นศิลา
โดยพระพักตร์หันทางทิศใต้ เข้าหาพระแท่นศิลา และเมืองเชียงใหม่
จึงทรงมีพระราชศรัทธาร่วมกับราชวงศ์และข้าราชบริวาร
สร้างวิหารไม้สักถวายแด่พระพุทธรูป
และสร้างรั้วเหล็กรอบพระแท่นศิลานั้น
คันทวย มกรคายนาค
พระประธานหันหลังให้ประตูทางเข้าวิหาร ... ประตูอยู่ทางทิศเหนือ
สิงห์หน้าประตูวิหาร
ไม่มีเขียวเหมือนสิงห์ แต่มีเขี้ยวงอกข้างหลังทำให้คิดถึงหมูป่า
พระประธานหันหลัง
รอยพระพุทธบาทในวิหาร
จากแหล่งที่มา : เอกสารประวัติวัดดอยแท่นพระผาหลวง เขียนโดย พระอาจารย์วัลลภ กิตติภัทโต เจ้าอาวาส วัดดอยแท่นพระผาหลวง
ที่ได้พบวัดนี้ระหว่างธุดงค์เมื่อปี 2519 และได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดขึ้น
ว่า ปัจจุบันนี้ยังมีหลักฐานเหลือปรากฏเป็นอักษรล้านนาไทย
จารึกพระนามของพระองค์ พระมเหสีราชบุตร ราชธิดา พบที่รั้วเหล็กรอบแท่นศิลานั้น ... ตอนไปหาไม่พบค่ะ
หลังจากสร้างวิหารไม้สักนี้แล้ว 5 ปี
พระเจ้ากือนาก็ได้สร้างพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่บนดอยสุเทพ
วัดนี้เคยถูกทิ้งร้างมาหลายครั้ง
เคยเป็นจำพรรษาของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย
และพระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน สุจิณโณ สมัยท่านเดินธุดงค์
ด้านหน้าองค์พระและแท่นศืลา
จารึกแผ่นไม้ที่ติดไว้กับรั้วเหล็ก รอบแท่นศิลา
ตอนที่ไป ปี 2555 เก็บไว้ในวิหารใหม่ด้านล่าง
จารึกว่า
ปี พ.ศ.2357 สมเด็จเสฏฐ (เจ้าอาวาส) วัดศรีเกิด ประธานฝ่ายสงฆ์
และพระเจ้ากาวิละ ประธานฝ่ายฆราวาส
บูรณะปฏิสังขรณ์พระวิหารแท่นพระคีรี และปลูกต้นไม้ศรีมหาโพธิ์
ความท้ายจารึกเป็น คำปรารถนาให้ได้พบพระอริยเมตไตรย
พระประธานในวิหาร
วัดอยู่เลยอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ ด้านหลังมหาวิทยาลัยแม่โจ้
ขึ้นเนินเขา
พญาปู่ผู้ดูแลป่า
ที่จอดรถหน้าวิหาร มีบันไดนาคขึ้นไปยังเจดีย์ และวิหารพระเจ้าหันหลัง
สารบัญค่ะ
https://pantip.com/topic/36574038
วัดที่สร้างสมัยพญากือนา ... วัดดอยแท่นพระผาหลวง อ.สันทราย เชียงใหม่
ตำนานว่า
พระพุทธองค์ด้วยภิกษุสงฆ์ 500 รูป ได้เสด็จเลียบขึ้นตามริมฝั่งแม่ปิง
หลังจากเสด็จไปบนดอยสุเทพแล้ว
ได้ทรงประทานพระเกศา 8 เส้น ประดิษฐานไว้ใน มหาอาราม 8 แห่ง รอบเมืองเชียงใหม่
เสด็จไปบรรทมที่ พระนอนขอนม่วง ... วัดพระนอนขอนม่วง
แล้วเสด็จสู่ทิศตะวันออกทรงสรงน้ำที่แม่น้ำปิง แล้วก็ไปพักในป่าแพร่ง
ตอนเช้าได้ไปทางทิศเหนือเพื่อบิณฑบาต ในที่มีหมอกลงจัด
มีชาวนาผู้หนึ่งเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาบิณฑบาต
จึงเกี่ยวเอาฟางมาปูเป็นอาสนะ อาราธนาให้ประทับ
แล้วถวายภัตตาหารแก่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย
ทรงตรัสว่า
ตถาคตมาถึงที่นี้ พ่อนาเอาต้นข้าวมาปูให้ตถาคตนั่ง
ภายหน้าบ้านยางหมอกที่นี้ เขาจักเรียกว่า บ้านข้าวแท่น
ภายหน้าบ้านนี้จักสัมฤทธิ์ด้วยข้าวมากนักแล
แล้วพระองค์ก็เสด็จจากบ้านที่นี้ไปสู่ดอยทางทิศเหนือ
ขึ้นไปยังหินก้อนหนึ่ง ที่ใหญ่กว่าก้อนหินทั้งหลาย
ทรงขึ้นประทับเพื่อฉันภัตตาหาร
ได้มีฤาษีซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำใต้ก้อนหินนั้นมาสนทนาธรรมด้วย จนได้เห็นธรรม
พระองค์ทรงทำนายว่า พุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองในเชียงใหม่
ถ้าพระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาประทับบนหินก้อนนี้
จากนั้นได้ประทับรอยพระบาทเบื้องซ้ายไว้บนก้อนหิน
เพื่อให้เป็นที่สักการบูชาแก่คนและเทวดาทั้งหลาย
แล้วตรัสกับพระอานนท์ว่า
ตถาคตได้มานั่งฉันข้าวเหนือหินก้อนนี้และไว้พระบาทที่นี้
ภายหน้าหินก้อนนี้ จักปรากฏชื่อผาหลวงแท่นพระ
หลังจากพระพุทธเจ้าก็เสด็จเข้าสู่นิพพานสองพันปี
มีพรานป่าผู้หนึ่งได้ยิงกวางตัวหนึ่งแล้วเอามาเฉือนแบ่งกันที่เหนือผาพระบาทนี้
เทวดาที่รักษาสถานที่ก็ไม่พอใจ
จึงขึ้นไปกราบทูลพระอินทร์ ... ราชาแห่งเทพ
พระอินทร์จึงเนรมิตให้มีหมูป่าขุดเอาก้อนหินใหญ่ให้เอียงลง
จนเป็นที่เล่าขานไปทั่ว
ทราบถึงพระเจ้ากือนา จึงเสด็จออกไปทอดพระเนตร ณ ที่นั้น
ทรงพบว่ามีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไม่ปรากฏผู้สร้างประดิษฐานอยู่หลังแท่นศิลา
โดยพระพักตร์หันทางทิศใต้ เข้าหาพระแท่นศิลา และเมืองเชียงใหม่
จึงทรงมีพระราชศรัทธาร่วมกับราชวงศ์และข้าราชบริวาร
สร้างวิหารไม้สักถวายแด่พระพุทธรูป
และสร้างรั้วเหล็กรอบพระแท่นศิลานั้น
คันทวย มกรคายนาค
พระประธานหันหลังให้ประตูทางเข้าวิหาร ... ประตูอยู่ทางทิศเหนือ
สิงห์หน้าประตูวิหาร
ไม่มีเขียวเหมือนสิงห์ แต่มีเขี้ยวงอกข้างหลังทำให้คิดถึงหมูป่า
พระประธานหันหลัง
รอยพระพุทธบาทในวิหาร
จากแหล่งที่มา : เอกสารประวัติวัดดอยแท่นพระผาหลวง เขียนโดย พระอาจารย์วัลลภ กิตติภัทโต เจ้าอาวาส วัดดอยแท่นพระผาหลวง
ที่ได้พบวัดนี้ระหว่างธุดงค์เมื่อปี 2519 และได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดขึ้น
ว่า ปัจจุบันนี้ยังมีหลักฐานเหลือปรากฏเป็นอักษรล้านนาไทย
จารึกพระนามของพระองค์ พระมเหสีราชบุตร ราชธิดา พบที่รั้วเหล็กรอบแท่นศิลานั้น ... ตอนไปหาไม่พบค่ะ
หลังจากสร้างวิหารไม้สักนี้แล้ว 5 ปี
พระเจ้ากือนาก็ได้สร้างพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่บนดอยสุเทพ
วัดนี้เคยถูกทิ้งร้างมาหลายครั้ง
เคยเป็นจำพรรษาของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย
และพระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน สุจิณโณ สมัยท่านเดินธุดงค์
ด้านหน้าองค์พระและแท่นศืลา
จารึกแผ่นไม้ที่ติดไว้กับรั้วเหล็ก รอบแท่นศิลา
ตอนที่ไป ปี 2555 เก็บไว้ในวิหารใหม่ด้านล่าง
จารึกว่า
ปี พ.ศ.2357 สมเด็จเสฏฐ (เจ้าอาวาส) วัดศรีเกิด ประธานฝ่ายสงฆ์
และพระเจ้ากาวิละ ประธานฝ่ายฆราวาส
บูรณะปฏิสังขรณ์พระวิหารแท่นพระคีรี และปลูกต้นไม้ศรีมหาโพธิ์
ความท้ายจารึกเป็น คำปรารถนาให้ได้พบพระอริยเมตไตรย
พระประธานในวิหาร
วัดอยู่เลยอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ ด้านหลังมหาวิทยาลัยแม่โจ้
ขึ้นเนินเขา
พญาปู่ผู้ดูแลป่า
ที่จอดรถหน้าวิหาร มีบันไดนาคขึ้นไปยังเจดีย์ และวิหารพระเจ้าหันหลัง
สารบัญค่ะ
https://pantip.com/topic/36574038