จุดเริ่มต้นของเรื่อง การมีความลับต่อกัน ทำให้เกิดข้ออ้างที่ขวางกั้น
ผช ปิดกั้นไม่ให้รู้ในสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำ
ผญ ก้าวล่วง เกินความพอดี ทำให้เกิดเรื่องราว
ผช เป็นฝ่ายบอกเลิก ผญ เหตุผลที่ได้ ความฉลาดไม่เท่ากัน ไปหาคนที่ดีที่เพียบพร้อมสำหรับคุณ
เรื่องราวต่อมา
ผญ คือ เราเอง รู้ดีว่าตัวเองทำผิดพลาดก้าวข้ามความพอดี ความคิดที่มี ต้องการไปหาหวังเพียงว่า "ไม่ปล่อยมือกัน"
จากสนามบนในเมืองหลวง สู่สนามบินนานาชาติแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่องและลงเครื่องที่สนามบน เราส่งข้อความอธิบาย ขอโอกาส ขอร้องทุกวิธีโดยไม่คิดว่าจะมีโอกาสอีกแล้ว เพราะตั้งแต่ทะเลาะกันมาไม่เคยมีความว่า เลิกรากัน แม้แต่ครั้งเดียว (ปล. เราไปต้องสารภาพว่า เราไม่เคยไปหาเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกครั้งที่เจอกัน ผช จะเป็นฝ่ายเดินทางมาหาเองตลอดแทบทุกอาทิตย์ก็ว่าได้ ความสัมพันธ์แบบนี้ผ่านมามากกว่าครึ่งปี โดยที่เราไม่รู้จักแม้กระทั่งบ้านของ ผช เลย รู้แค่เขาทำงานอยู่ที่ไหน) เหตุการณ์กลับพลิกผัน ระหว่างส่งข้อความหากันนั้น เขาหายโกรธ ยกโทษให้
แต่เรากลับไปถึงสนามบินจังหวัดที่เขาทำงานอยู่ เรานั่งคิดอยู่ตั้งแต่บ่ายโมงยันสามโมงกว่า จะบอกว่าไปหาเขาดีไหม ว่าตอนนี้อยู่ที่สนามบิน
ด้วยความหวัง อยากเจอขอแค่คุยกันสัก 10-15 นาที ก็เพียงพอ ตัดสินใจบอกไปว่า อยู่ที่สนามบิน มาหาหน่อยได้ไหม
สิ่งที่ได้รับและได้ฟัง ณ เวลานั้น คือ ความโกรธ และยืนยันไม่มาพบเรา เพราะเราเป็นคนเอาแต่ใจ พูดไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ขอคัดค้านการกระทำโดยการไม่มาพบ ทั้งที่ ที่ทำงานเขากับสนามบินใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ตั้งแต่บ่ายโมง ถึง เวลาเที่ยวบินกลับขากลับ 20.50 น. ไม่เห็นแม้แต่เงาและเสียงโทรศัพย์ จาก ผช จนถึงเวลาเดินทางกลับ
เราส่งข้อความไป ไม่คิดจะถามอะไรกันเลยเหลอ คำถามที่ได้มา ขึ้นเครื่องยัง พร้อมกับคำพูดที่สวยหรู เดินทางปลอดภัย
ในวันที่เดินทางไปหา ผช ทราบดีว่า เราไปหาหมอด้วยอาการบ้านหมุน หน้ามืด มา 2-3 วันแล้ว
ระหว่างนั่งรอ นั่งใกล้กับร้านขายยา เราเดินไปซื้อที่ตรวจตั้งครรภ์ ด้วยอาการมันบ่งชี้น่าจะเป็นไปได้ แล้วตรวจที่สนามบินนั้นเลย
ผลปรากฏว่า ขึ้น 2 ขีด ถึงจะไม่ชัดเจนมากแต่มันก็ชัดเพียงพอ ที่จะส่งไปให้เขาดู (ไร้ซึ่งความเมตตาและความโอบอ้อมอารีของคนที่บอกรักกันทุกวัน)
สุดท้าย เรากลับถึงบ้าน ถามว่าถึงหรือยัง พร้อม กับบอกเล่า คำเดิม ที่ฟังแล้ว ความรู้สึกเรามันไม่ยินดีกับคำนี้อีกต่อไป "รัก"
จนถึงตอนนี้ น้ำตาแห่งความเสียใจยังไม่แห้งไปจากดวงตา
รุนแรงไปไหมกับการลงโทษ
ผช ปิดกั้นไม่ให้รู้ในสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำ
ผญ ก้าวล่วง เกินความพอดี ทำให้เกิดเรื่องราว
ผช เป็นฝ่ายบอกเลิก ผญ เหตุผลที่ได้ ความฉลาดไม่เท่ากัน ไปหาคนที่ดีที่เพียบพร้อมสำหรับคุณ
เรื่องราวต่อมา
ผญ คือ เราเอง รู้ดีว่าตัวเองทำผิดพลาดก้าวข้ามความพอดี ความคิดที่มี ต้องการไปหาหวังเพียงว่า "ไม่ปล่อยมือกัน"
จากสนามบนในเมืองหลวง สู่สนามบินนานาชาติแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่องและลงเครื่องที่สนามบน เราส่งข้อความอธิบาย ขอโอกาส ขอร้องทุกวิธีโดยไม่คิดว่าจะมีโอกาสอีกแล้ว เพราะตั้งแต่ทะเลาะกันมาไม่เคยมีความว่า เลิกรากัน แม้แต่ครั้งเดียว (ปล. เราไปต้องสารภาพว่า เราไม่เคยไปหาเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกครั้งที่เจอกัน ผช จะเป็นฝ่ายเดินทางมาหาเองตลอดแทบทุกอาทิตย์ก็ว่าได้ ความสัมพันธ์แบบนี้ผ่านมามากกว่าครึ่งปี โดยที่เราไม่รู้จักแม้กระทั่งบ้านของ ผช เลย รู้แค่เขาทำงานอยู่ที่ไหน) เหตุการณ์กลับพลิกผัน ระหว่างส่งข้อความหากันนั้น เขาหายโกรธ ยกโทษให้
แต่เรากลับไปถึงสนามบินจังหวัดที่เขาทำงานอยู่ เรานั่งคิดอยู่ตั้งแต่บ่ายโมงยันสามโมงกว่า จะบอกว่าไปหาเขาดีไหม ว่าตอนนี้อยู่ที่สนามบิน
ด้วยความหวัง อยากเจอขอแค่คุยกันสัก 10-15 นาที ก็เพียงพอ ตัดสินใจบอกไปว่า อยู่ที่สนามบิน มาหาหน่อยได้ไหม
สิ่งที่ได้รับและได้ฟัง ณ เวลานั้น คือ ความโกรธ และยืนยันไม่มาพบเรา เพราะเราเป็นคนเอาแต่ใจ พูดไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ขอคัดค้านการกระทำโดยการไม่มาพบ ทั้งที่ ที่ทำงานเขากับสนามบินใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ตั้งแต่บ่ายโมง ถึง เวลาเที่ยวบินกลับขากลับ 20.50 น. ไม่เห็นแม้แต่เงาและเสียงโทรศัพย์ จาก ผช จนถึงเวลาเดินทางกลับ
เราส่งข้อความไป ไม่คิดจะถามอะไรกันเลยเหลอ คำถามที่ได้มา ขึ้นเครื่องยัง พร้อมกับคำพูดที่สวยหรู เดินทางปลอดภัย
ในวันที่เดินทางไปหา ผช ทราบดีว่า เราไปหาหมอด้วยอาการบ้านหมุน หน้ามืด มา 2-3 วันแล้ว
ระหว่างนั่งรอ นั่งใกล้กับร้านขายยา เราเดินไปซื้อที่ตรวจตั้งครรภ์ ด้วยอาการมันบ่งชี้น่าจะเป็นไปได้ แล้วตรวจที่สนามบินนั้นเลย
ผลปรากฏว่า ขึ้น 2 ขีด ถึงจะไม่ชัดเจนมากแต่มันก็ชัดเพียงพอ ที่จะส่งไปให้เขาดู (ไร้ซึ่งความเมตตาและความโอบอ้อมอารีของคนที่บอกรักกันทุกวัน)
สุดท้าย เรากลับถึงบ้าน ถามว่าถึงหรือยัง พร้อม กับบอกเล่า คำเดิม ที่ฟังแล้ว ความรู้สึกเรามันไม่ยินดีกับคำนี้อีกต่อไป "รัก"
จนถึงตอนนี้ น้ำตาแห่งความเสียใจยังไม่แห้งไปจากดวงตา