"ถามหน่อยสิ ตอนนี้ยังเห็นฉันเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า"
สองจิตสองใจ ไตร่ตรอยู่นานว่าจะลงเวิ่นเว้อดีมั้ย แต่คิดไปคิดมา ลงดีกว่า
นับตั้งแต่ได้ดู AJIN และทำเอาผมอวยสุดลิ่มทิ่มประตูมาแล้ว พอรู้ข่าวว่า
INUYASHIKI ไลฟ์แอ็คชั่นจากการ์ตูนน้ำดีอีกหนึ่งเรื่องจะได้เข้าฉายในบ้านเรา ผมก็อดรนทนไม่ไหว อยากจะให้วันที่มีข่าวเลยด้วยซ้ำ
บอกตามตรงว่าสำหรับ
INUYASHIKI ผมคาดหวังไว้สูงมาก (สูงยิ่งกว่า AJIN ด้วยซ้ำ) และคิดว่าน่าจะออกมาดีในระดับประทับใจ เพราะหน้าหนังดึงดูด แม้จะยังคงไม่เคยติดตามการ์ตูนต้นฉบับเหมือนเรื่องก่อนหน้าก็ตาม (กลายเป็นพอไม่มีปัจจัยให้เปรียบเทียบ คราวนี้ไม่ช่วยอะไรเลย)
ตลอดการรับชมกว่าสองชัวโมง หนังเต็มไปด้วยความเนิบนาบกว่า 90% ของเรื่อง คือถ้าจะเนิบก็ไม่ผิดอะไรหรอกครับ เพราะในความเนิบนาบนี้ หนังญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องกลับนำเสนอเรื่องราวได้อย่างลื่นไหล ดูได้เพลินๆ ช่วยลดทอนความน่าเบื่อหน่ายลงไปได้เยอะ
แต่พอความเนิบนาบที่ว่ามาอยู่ใน
INUYASHIKI มันกลับทำให้รู้สึกหงุดหงิด จนเกือบทุกครั้งต้องภาวนาในใจว่าขอให้เปลี่ยนฉากไวๆ ทีเถอะ
และที่ทำให้รู้สึกไม่ค่อยชอบใจยิ่งขึ้นไปอีกคือแทนที่จะเนิบนาบ แต่เล่าประเด็นต่างๆ ได้ดี ทว่าในเรื่องนี้กลับทำให้อารมณ์ไม่ต่อเนื่องอยู่หลายขณะ ด้วยการกระทำของตัวละคร ที่ถ้าจะว่ากันจริงๆ ก็มีเหตุผลรองรับ แต่หนังนำเสนอได้กลายเป็นอะไรที่น่าตลกและเบาหวิวไปแทน คือก็รู้แหละว่าฝั่งลุงอยากทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น และเข้าใจว่าเด็กหนุ่มมีเหตุผลที่ดีที่จะแค้นคนอื่นๆ แต่พอปูมาไม่หนักแน่นพอแล้ว สุดท้ายก็ได้แค่นั้น
หลายๆ ครั้ง แค่ปัญหาที่อยู่ใกล้ๆ ตัวละครยังหาทางแก้ไม่ได้ แต่ก็เลือกไปลุยกับปัญหาที่ใหญ่กว่า หลายครั้งอารมณ์ตัวละครก็เปลี่ยนราวกับเป็นไบโพล่า ร้องไห้อยู่ดีๆ ตัดฉากมากลายเป็นคนจริงจัง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น หรือนี่จะเป็นข้อจำกัดที่ต้องเล่าประเด็นทีมีอยู่อย่างมากมายของตัวละครหลักทั้งสอง (แต่หนังหลายๆ เรื่องก่อนหน้านี้ก็ทำให้ดีได้นี่นา)
ส่วนที่น่าเสียดายมากของ
INUYASHIKI คือการนำเสนอปมและประเด็นใหญ่ๆ ของสองตัวเอกแบบขอไปทีครับ
ทั้งฝั่งลุงและเด็กหนุ่ม เอาจริงๆ ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่น่าสนใจและมีอะไรให้เล่นเยอะมาก แต่ดันมาตกม้าตายที่บท หนังแทบจะไม่ให้น้ำหนักในประเด็นหัวใจสำคัญเท่าที่ควร ตลอดการรับชม ไม่มีสักวินาทีเดียวที่ผมเอาใจช่วยให้สักตัวละครผ่านพ้นปัญหาไปได้
ที่หนักเลยคือฝั่งของลุง หนังเล่าเรื่องได้งึกๆ งักๆ จะเดินก็ไม่เดิน จะวิ่งก็ไม่วิ่ง สุดท้ายกลายเป็นออกแรงย่ำอยู่กับที่จนน่าหงุดหงิด ยังดีที่พาร์ทของเด็กหนุ่ม เล่าออกมาได้น่าสนใจพอสมควร และทำให้ลุ้นไปกับเรื่องราวขึ้นมาได้บ้าง
ตั้งแต่ฝั่งเด็กหนุ่มเปิดฉากทำสงครามกับคนทั้งญี่ปุ่นอย่างจริงจัง บอกเลยว่ามันและสนุกมากนะครับ บันเทิงสุด เท่มากๆ ซาวด์ประกอบช่วงนั้นก็ส่งให้ฉากแอ็คชั่นดี ซึ่งนี่ควรจะเป็นพลาสเตอร์ชิ้นใหญ่ที่มาช่วยปิดแผลที่เหวอะมาตลอดทั้งเรื่อง แต่ในเมื่อตั้งแต่ต้นเรื่อง หนังปูพื้นและบิลท์อารมณ์มาได้ไม่ดี พอมาถึงฉากไคลแมกซ์ที่กราฟอารมณ์ควรขึ้นจุดพีคสุด กลับอยู่แค่ระดับครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น
ท่ามกลางความน่าผิดหวัง มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมยกให้เป็นข้อดีที่สุดและทำให้ผมพร้อมแนะนำใครก็ตามให้ตีตั๋วไปดู
INUYASHIKI นั่นก็คือการแสดงที่ยอดเยี่ยมของคุณซาโต้ ทาเครุ กับการรับบทร้ายจัดๆ ครั้งแรก ชนิดตีบทแตกกระจุย สีหน้าแววตาที่สื่อว่าโกรธแค้น ที่สื่อว่าสิ้นหวังในทุกสิ่ง ก็ทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติ และเป็นคุณซาโต้นี่แหละที่แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ ถ้าไม่ได้เขา ผมเชื่อว่าน่าจะเละหนักกว่านี้แน่นอนเลยครับ
ทั้งหมดทั้งมวลคือผมเสียดายจากใจจริงที่
INUYASHIKI ฉบับคนแสดง ปรุงแต่งวัตถุดิบในมือได้ออกมาจืดชืด แต่ยังดีที่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ จึงยังรู้สึกดีที่ได้ลิ้มลองอยู่ และการที่แอบใส่พริก (ฉากแอ็คชั่นดีๆ สวยๆ) เอาไว้ในคำสุดท้าย ก็ทำให้ซู่ซ่าและมีอะไรให้พูดถึงขึ้นได้บ้าง
และผมเชื่อขนมกินเลยว่าเซอร์วิสจากคุณซาโต้ในเรื่องนี้เด็ดดวง และต้องทำให้สาวน้อยสาวใหญ่เลือดหมดหลอดได้อย่างแน่นอน จัดหนัก จัดเต็มและนานมาก ยังไงก็ไปดูกันนะครับ
ป.ล. หลังขึ้นรายชื่อนักแสดงหลักครบแล้ว มีฉากแถมยาวๆ ให้ดูหนึ่งฉากด้วยนะ
ปัง!
[CR] [เวิ่นเว้อหลังดู] INUYASHIKI คุณลุงไซบอร์ก - ไก่ได้พลอย -
สองจิตสองใจ ไตร่ตรอยู่นานว่าจะลงเวิ่นเว้อดีมั้ย แต่คิดไปคิดมา ลงดีกว่า
นับตั้งแต่ได้ดู AJIN และทำเอาผมอวยสุดลิ่มทิ่มประตูมาแล้ว พอรู้ข่าวว่า INUYASHIKI ไลฟ์แอ็คชั่นจากการ์ตูนน้ำดีอีกหนึ่งเรื่องจะได้เข้าฉายในบ้านเรา ผมก็อดรนทนไม่ไหว อยากจะให้วันที่มีข่าวเลยด้วยซ้ำ
บอกตามตรงว่าสำหรับ INUYASHIKI ผมคาดหวังไว้สูงมาก (สูงยิ่งกว่า AJIN ด้วยซ้ำ) และคิดว่าน่าจะออกมาดีในระดับประทับใจ เพราะหน้าหนังดึงดูด แม้จะยังคงไม่เคยติดตามการ์ตูนต้นฉบับเหมือนเรื่องก่อนหน้าก็ตาม (กลายเป็นพอไม่มีปัจจัยให้เปรียบเทียบ คราวนี้ไม่ช่วยอะไรเลย)
ตลอดการรับชมกว่าสองชัวโมง หนังเต็มไปด้วยความเนิบนาบกว่า 90% ของเรื่อง คือถ้าจะเนิบก็ไม่ผิดอะไรหรอกครับ เพราะในความเนิบนาบนี้ หนังญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องกลับนำเสนอเรื่องราวได้อย่างลื่นไหล ดูได้เพลินๆ ช่วยลดทอนความน่าเบื่อหน่ายลงไปได้เยอะ
แต่พอความเนิบนาบที่ว่ามาอยู่ใน INUYASHIKI มันกลับทำให้รู้สึกหงุดหงิด จนเกือบทุกครั้งต้องภาวนาในใจว่าขอให้เปลี่ยนฉากไวๆ ทีเถอะ
และที่ทำให้รู้สึกไม่ค่อยชอบใจยิ่งขึ้นไปอีกคือแทนที่จะเนิบนาบ แต่เล่าประเด็นต่างๆ ได้ดี ทว่าในเรื่องนี้กลับทำให้อารมณ์ไม่ต่อเนื่องอยู่หลายขณะ ด้วยการกระทำของตัวละคร ที่ถ้าจะว่ากันจริงๆ ก็มีเหตุผลรองรับ แต่หนังนำเสนอได้กลายเป็นอะไรที่น่าตลกและเบาหวิวไปแทน คือก็รู้แหละว่าฝั่งลุงอยากทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น และเข้าใจว่าเด็กหนุ่มมีเหตุผลที่ดีที่จะแค้นคนอื่นๆ แต่พอปูมาไม่หนักแน่นพอแล้ว สุดท้ายก็ได้แค่นั้น
หลายๆ ครั้ง แค่ปัญหาที่อยู่ใกล้ๆ ตัวละครยังหาทางแก้ไม่ได้ แต่ก็เลือกไปลุยกับปัญหาที่ใหญ่กว่า หลายครั้งอารมณ์ตัวละครก็เปลี่ยนราวกับเป็นไบโพล่า ร้องไห้อยู่ดีๆ ตัดฉากมากลายเป็นคนจริงจัง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น หรือนี่จะเป็นข้อจำกัดที่ต้องเล่าประเด็นทีมีอยู่อย่างมากมายของตัวละครหลักทั้งสอง (แต่หนังหลายๆ เรื่องก่อนหน้านี้ก็ทำให้ดีได้นี่นา)
ส่วนที่น่าเสียดายมากของ INUYASHIKI คือการนำเสนอปมและประเด็นใหญ่ๆ ของสองตัวเอกแบบขอไปทีครับ
ทั้งฝั่งลุงและเด็กหนุ่ม เอาจริงๆ ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่น่าสนใจและมีอะไรให้เล่นเยอะมาก แต่ดันมาตกม้าตายที่บท หนังแทบจะไม่ให้น้ำหนักในประเด็นหัวใจสำคัญเท่าที่ควร ตลอดการรับชม ไม่มีสักวินาทีเดียวที่ผมเอาใจช่วยให้สักตัวละครผ่านพ้นปัญหาไปได้
ที่หนักเลยคือฝั่งของลุง หนังเล่าเรื่องได้งึกๆ งักๆ จะเดินก็ไม่เดิน จะวิ่งก็ไม่วิ่ง สุดท้ายกลายเป็นออกแรงย่ำอยู่กับที่จนน่าหงุดหงิด ยังดีที่พาร์ทของเด็กหนุ่ม เล่าออกมาได้น่าสนใจพอสมควร และทำให้ลุ้นไปกับเรื่องราวขึ้นมาได้บ้าง
ตั้งแต่ฝั่งเด็กหนุ่มเปิดฉากทำสงครามกับคนทั้งญี่ปุ่นอย่างจริงจัง บอกเลยว่ามันและสนุกมากนะครับ บันเทิงสุด เท่มากๆ ซาวด์ประกอบช่วงนั้นก็ส่งให้ฉากแอ็คชั่นดี ซึ่งนี่ควรจะเป็นพลาสเตอร์ชิ้นใหญ่ที่มาช่วยปิดแผลที่เหวอะมาตลอดทั้งเรื่อง แต่ในเมื่อตั้งแต่ต้นเรื่อง หนังปูพื้นและบิลท์อารมณ์มาได้ไม่ดี พอมาถึงฉากไคลแมกซ์ที่กราฟอารมณ์ควรขึ้นจุดพีคสุด กลับอยู่แค่ระดับครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น
ท่ามกลางความน่าผิดหวัง มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมยกให้เป็นข้อดีที่สุดและทำให้ผมพร้อมแนะนำใครก็ตามให้ตีตั๋วไปดู INUYASHIKI นั่นก็คือการแสดงที่ยอดเยี่ยมของคุณซาโต้ ทาเครุ กับการรับบทร้ายจัดๆ ครั้งแรก ชนิดตีบทแตกกระจุย สีหน้าแววตาที่สื่อว่าโกรธแค้น ที่สื่อว่าสิ้นหวังในทุกสิ่ง ก็ทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติ และเป็นคุณซาโต้นี่แหละที่แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ ถ้าไม่ได้เขา ผมเชื่อว่าน่าจะเละหนักกว่านี้แน่นอนเลยครับ
ทั้งหมดทั้งมวลคือผมเสียดายจากใจจริงที่ INUYASHIKI ฉบับคนแสดง ปรุงแต่งวัตถุดิบในมือได้ออกมาจืดชืด แต่ยังดีที่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ จึงยังรู้สึกดีที่ได้ลิ้มลองอยู่ และการที่แอบใส่พริก (ฉากแอ็คชั่นดีๆ สวยๆ) เอาไว้ในคำสุดท้าย ก็ทำให้ซู่ซ่าและมีอะไรให้พูดถึงขึ้นได้บ้าง
และผมเชื่อขนมกินเลยว่าเซอร์วิสจากคุณซาโต้ในเรื่องนี้เด็ดดวง และต้องทำให้สาวน้อยสาวใหญ่เลือดหมดหลอดได้อย่างแน่นอน จัดหนัก จัดเต็มและนานมาก ยังไงก็ไปดูกันนะครับ
ป.ล. หลังขึ้นรายชื่อนักแสดงหลักครบแล้ว มีฉากแถมยาวๆ ให้ดูหนึ่งฉากด้วยนะ
ปัง!
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้