สวัสดีค่ะ : ) เราเพิ่งกลับจากตุรกีมาได้ไม่นาน
เล็งประเทศนี้ไว้นานแล้ว แต่หาจังหวะไปไม่ได้สักที
พอถึงช่วงประจวบเหมาะ พร้อมกับเหตุการณ์ที่นั่นสงบสุข 555
เลยตัดสินใจลองไปเที่ยวดูสักครั้ง ไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาดิ๊
ประเทศนี้น่ากลัวเหมือนที่เขาร่ำลือกันจริงหรือเปล่า
ก็เตรียมตัวต่างๆ นานา หาข้อมูลเยอะมากกกกกกก
เพราะดันอยากไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ที่คนไทยไม่ค่อยไปกัน
ข้อมูลภาษาไทยน้อยมาก ต้องอาศัยอ่านจากเว็บ ตปท แทน
เลยได้สนิทกับ Google Translate ไปเลย ทริปนี้ 555
เราก็เลยตั้งใจอยากเอาประสบการณ์ของตัวเองมารีวิว
เพื่อเป็นข้อมูลและไกด์ไลน์ให้คนที่มีแผนไปเที่ยวตุรกีเหมือนกัน
ซึ่งจากมุมมองส่วนตัวที่ได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเองแล้วเนี่ย
ประเทศนี้สวยงามเกินคาด แล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลยค่ะ
ตามสถานที่ท่องเที่ยวและจุดสำคัญต่างๆ มีการตรวจกระเป๋า
มีทหารยืนเฝ้าอย่างคุมเข้ม (ทหารหล่อซะด้วย 5555)
ขโมยขโจรเราไม่เจอ เจอแต่ฝนตกที่อิสตันบูลทุกวัน T^T
อยู่อิสตันบูล 3 วัน ฝนตกทุกวัน เลยทำได้แต่หลบเข้าคาเฟ่ ไปนั่งชิลล แล้วก็เดินช็อปปิ้งเท่านั้นจริงๆ

ทริปนี้เราไปมาทั้งหมด 7 เมือง คือ อิสตันบูล (Istanbul)
แล้วก็นั่งเครื่องบินในประเทศไปเที่ยวคัปปาโดเกีย (Cappadocia)
เช่ารถขับเที่ยวที่คัปปาโดเกีย 3 วัน 2 คืน (แต่ก็อดเห็นบอลลูน ฮืออ)
แล้วก็บินต่อไปอิซเมียร์ (Izmir) เช่ารถขับไปปามุคคาเล (Pamukkale)
เฟทิเย (Fethiye) เซสเม (Cesme) อลาคาตี (Alacati) เซลจุค (Selcuk)
เหตุผลที่ไม่เช่ารถขับตลอดทริป เพราะค่าคืนรถต่างเมืองแพงมากกก
โชคดีที่ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศของตุรกีราคาค่อนข้างถูก
โดยค่าใช้จ่ายทั้งทริป เราใช้ไปประมาณ 45,000 บาทต่อคน
เหลือกลับมานิดหน่อย ไปทั้งหมด 12 วัน ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับเราค่ะ
ไม่ได้ขึ้นบอลลูนที่คัปปาโดเกียเพราะอากาศไม่ดี แต่ที่ปามุคคาเลก็มีบอลลูนนา ราคาถูกกว่าที่คัปปาโดเกียด้วยค่ะ

คัปปาโดเกียมีมุมแปลกตาให้ถ่ายรูปเยอะมาก ถึงไม่ได้เห็นบอลลูนก็ไม่เสียดายที่ไปเลย : )

สำหรับกระทู้นี้เราจะมารีวิวเมืองชายทะเลของประเทศตุรกี
เพราะเห็นว่ามีรีวิวน้อยมากๆ แล้วทะเลบ้านเขาก็สวยงามทีเดียว
ได้สัมผัสบรรยากาศทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแบบไม่ต้องขอวีซ่าด้วย
3 เมืองที่ว่านั้นได้แก่ เฟทิเย เซสเม แล้วก็ อลาคาตี ค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใครอยากอ่านรีวิวอื่นๆ ของประเทศตุรกี เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์เราน้า เรารีวิวไว้เกือบทุกเมืองเลยค่ะ แต่สำหรับกระทู้นี้จะนำมารีวิวแต่เมืองชายทะเล เพราะเห็นว่าข้อมูลหายากค่า : ) > https://www.movearound-journey.com/turkey/ <
แต่ก่อนจะพาไปเที่ยว 3 เมืองซัมเมอร์ที่ว่า ..
ขอเริ่มด้วยการแชร์ประสบการณ์การเช่ารถขับก่อนน้า
เผื่อใครสนใจอยากไป Road Trip ที่ตุรกีเหมือนเรา
เราว่าเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่สะดวกแล้วก็อิสระมากค่ะ
แชร์ประสบการณ์การเช่ารถขับเที่ยวตุรกี
ขั้นตอนแรกสุดเมื่อคิดจะเช่ารถขับที่ต่างประเทศก็คือตรงปรี่ไปทำใบขับขี่สากลก่อนเลย ซึ่งวิธีทำนั้นง่ายมากกกก
แค่นำสำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมด้วยบัตรประชาชน และสำเนาใบขับขี่ บวกกับรูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว อีก 2 รูป ไปยื่นที่กรมขนส่งใกล้บ้าน จ่ายเงิน 505 บาท แล้วรอรับได้ภายในวันนั้นเลย! เท่านี้ก็ได้ใบขับขี่สากลกลับไปนอนกอดรอวันเดินทางแล้วค่า
แล้วก็เริ่มมองหารถเช่า ทริปนี้เราเช่ารถผ่านเว็บไซต์ Rentalcars.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบริษัทรถยนต์ต่างๆ มาให้เลือก โดยทำหน้าที่เสมือนเอเจนซี่สำหรับจองเฉยๆ นะ วิธีการก็ง่ายๆ แค่เข้าไป
พิมพ์เลือกเมืองและสถานที่รับ / คืนรถ (แนะนำว่าควรรับและคืนในสถานที่เดียวกันจะดีกว่า เพราะค่าคืนรถต่างสถานที่แพงมากกกก) หลังจากนั้นก็
ระบุวัน - เวลาในการรับ / คืนรถ เท่านี้ระบบก็จะเฟ้นหาบริษัทเช่ารถต่างๆ ที่มีอยู่ในเมืองนั้นๆ มาให้เราเลือก สามารถเลือกได้จากราคาหรือรุ่นรถที่ต้องการ โดยเกียร์กระปุกจะราคาถูกกว่าเกียร์ออโต้อยู่พอประมาณ พอเลือกได้แล้วก็
กรอกข้อมูลแล้วรอรับอีเมลเพื่อนำไปยืนยันกับทางบริษัทเช่ารถในวันรับรถได้เลย
โดยทริปนี้เราจองสายการบินภายในประเทศจากอิสตันบูลไปลงที่สนามบินอิซเมียร์ด้วยสายการบิน Pegasus Airlines ซึ่งนับเป็นสายการบินโลว์คอสที่ได้รับความนิยมนำโด่งมาเป็นอันดับหนึ่งในตุรกี เพราะราคาไม่แพง ยิ่งถ้าจองล่วงหน้านานๆ รับรองว่าจะกดได้ราคาที่ต้องตาลุกวาวทีเดียว แต่เราดันมาจองช่วงใกล้วันเดินทางแล้ว ฉะนั้นราคาที่กดได้ตอนนั้นคือ 1,400 บาท (ไป-กลับ)
พอถึงสนามบินอิซเมียร์ก็ไปติดต่อรับรถที่จองไว้ผ่านเว็บไซต์ Rentalcars.com รถที่จองเป็นของบริษัท GOLDCAR ราคา 5 วัน 2,535 บาท (ไม่รวมประกัน) แต่เราซื้อประกันพร้อมกับอัพเกรดรุ่นรถเป็นรถคันใหญ่กว่าที่จองแล้วก็ประหยัดน้ำมันกว่า ก็เลยเสียเพิ่มไปอีก 220 ลีรา (ประมาณ 1,500 บาท) ต้องมัดจำวงเงินในบัตรเครดิตไว้ 600 ลีรา ทั้งหมดจ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เป็นชื่อเดียวกับคนขับนะคะ
** สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเช่ารถขับที่ตุรกีก็คือ
ผู้เป็นคนขับจะต้องมีบัตรเครดิตซึ่งเป็นชื่อเดียวกับใบขับขี่สากลพร้อมมีวงเงินในบัตรเพียงพอสำหรับจ่ายค่าเช่ารถ ค่ามัดจำ และค่าประกันต่างๆ รวมไปถึงค่าปรับที่อาจถูกเรียกเก็บตามมาทีหลังด้วย แล้วก็ควรซื้อซิมสำหรับใช้งานอินเทอร์เน็ตแทนการเช่า Pocket WiFi ค่ะ จะซื้อ Sim2Fly จากไทยไปหรือจะไปซื้อซิมของที่นู้นใช้ก็ได้
เพราะบางบริษัทเขาจะส่ง SMS ยืนยันการรับรถเข้ามาให้ในโทรศัพท์เราด้วย เผื่อเวลาฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุ เขาจะได้มั่นใจว่าเรามีช่องทางที่สามารถติดต่อได้ ฉะนั้นเป็นเรื่องสำคัญน้า ควรมีเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถใช้ได้ในประเทศตุรกีค่า**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปล. อิสตันบูลมีสนามบิน 2 แห่ง คือ สนามบินอิสตันบูล ซาบิฮา กุคแซง (SAW) ซึ่งเปรียบเสมือนสนามบินดอนเมืองของบ้านเรา ส่วนใหญ่จะเป็นไฟลท์บินภายในประเทศ กับอีกหนึ่งสนามบินคือ สนามบินอิสตันบูล อาตาตูร์ก (IST) ซึ่งนับเป็นสนามบินหลักที่เที่ยวบินจากต่างประเทศบินมาลง (ถ้าไปจากไทยจะลงที่สนามบินนี้ค่ะ) ฉะนั้นอย่าสับสนนะ ต้องดูให้ดีๆ ก่อนจองตั๋วเครื่องบินว่าขึ้น/ลงที่สนามบินไหน จะได้วางแผนการเดินทางได้ถูกเด้อ
ส่วนการรับรถนั้นจะต้องเดินไปรับรถด้วยตัวเอง แต่ที่สนามบินอิซเมียร์จะแบ่งชั้นลานจอดรถไว้สำหรับพวกรถเช่าโดยเฉพาะเลย แถมมีป้อมของตัวเองเสร็จสรรพ เราก็แค่เดินออกจากสนามบินแล้วข้ามถนนไปที่ลานจอดรถ เขาจะมีป้ายบอกชัดเจนเลยว่าตรงไหนเป็นชั้นสำหรับรถเช่า แล้วบริษัทที่เราเช่านั้นตั้งอยู่ตรงล็อคไหน ฉะนั้นไม่หลงแน่นอน พอไปถึงก็จะมีพนักงานคอยส่งรถ ในขั้นตอนนี้อย่าลืมตรวจสอบสภาพรถให้ดีนะคะ สอบถามวิธีการใช้งานหรือน้ำมันที่ต้องเติมจากพนักงานซะให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ขับออกไปเที่ยวกันได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สิ่งที่ต้องรู้ไว้ก่อนตัดสินใจเช่ารถขับที่ตุรกีก็คือ ที่นี่เขาขับพวงมาลัยซ้ายกัน ฉะนั้นเตรียมใจไปจากบ้านก่อนด้วยว่าต้องใช้เวลาปรับสมองประมาณ 1 วันเต็ม 555 แต่มันก็ไม่ยากเกินความสามารถเราหรอก เพราะปกติแล้วสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความคิดเรานั่นแล ถ้าไม่ลองดูสักครั้งก็ไม่มีวันได้เริ่มต้นหรอก จริงมั้ยย : )
สำหรับการเติมน้ำมัน ที่ตุรกีจะมีปั๊มเชลล์ที่เราแสนคุ้นเคย ซึ่งเปรียบเสมือนโอเอซิสกลางทะเลทราย 5555 เพราะมีทุกอย่าง ทั้งพนักงานที่คอยเติมน้ำมันให้ รวมไปถึงมินิมาร์ท และห้องน้ำ! โดยถนนหนทางของเขาเวลาออกนอกเมืองจะมีจุดพักรถเป็นพักๆ แต่ไม่ใช่ทุกจุดที่จะมีปั๊มเชลล์นะ บางจุดก็จะมีแต่ห้องน้ำและร้านค้าอย่างเดียว ส่วนปั๊มเชลล์จะทิ้งระยะห่างจากกันพอสมควร ไม่ค่อยถี่เหมือน ปตท. บ้านเรา ฉะนั้นเห็นเมื่อไร เลี้ยวเข้าเมื่อนั้นได้เลย โดยเฉพาะระยะก่อนจะเข้าเมืองใหญ่ๆ หรือถึงสนามบิน เพราะกฎของการเช่ารถที่ตุรกีก็คือ
รับน้ำมันมาเต็มถัง ก็ต้องคืนให้เต็มถังเด้ออ (บางบริษัทเคร่งเรื่องนี้มาก ถึงกับถ่ายรูปเข็มน้ำมันไว้เป็นหลักฐานเลย)
สำหรับค่าน้ำมันจะตกลิตรละประมาณ 6 ลีรา (หรืออาจจะถูกกว่านิดหน่อย) ก็ตีเป็นเงินไทยประมาณลิตรละ 48 บาท โดยทริปอิซเมียร์เราเติมไปทั้งหมด 298 ลีรา หรือเป็นเงินไทยประมาณ 2,000 นิดๆ เช่าทั้งหมด 5 วัน ขับไปเกือบ 1,000 กิโลเมตร ส่วนวิธีการเติมน้ำมันที่นี่ไม่ยาก เพราะมีพนักงานคอยเติมให้ แค่บอกน้ำมันให้ถูกประเภทก็พอ แต่ต้องเดินไปจ่ายตังค์เอง ซึ่งหลังจากเติมเสร็จ พนักงานที่เติมน้ำมันให้เราจะให้ใบเสร็จมาเพื่อเอาไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ หลังจากจ่ายตังค์เสร็จ เขาจะให้ใบเสร็จมา 2 ใบ ให้เราเอากลับไปให้พนักงานที่เติมน้ำมันให้เราหนึ่งใบ เพื่อเป็นการยืนยันว่าไอจ่ายแล้วนา ส่วนใบเสร็จอีกหนึ่งใบก็เก็บไว้เป็นที่ระทึก เฮ้ย ที่ระลึกได้เลย ; p
[CR] Turkey Road Trip ; พาเที่ยว 3 เมืองซัมเมอร์ของตุรกี ไปสัมผัสทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแบบไม่ต้องขอวีซ่ากัน!
สวัสดีค่ะ : ) เราเพิ่งกลับจากตุรกีมาได้ไม่นาน
เล็งประเทศนี้ไว้นานแล้ว แต่หาจังหวะไปไม่ได้สักที
พอถึงช่วงประจวบเหมาะ พร้อมกับเหตุการณ์ที่นั่นสงบสุข 555
เลยตัดสินใจลองไปเที่ยวดูสักครั้ง ไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาดิ๊
ประเทศนี้น่ากลัวเหมือนที่เขาร่ำลือกันจริงหรือเปล่า
ก็เตรียมตัวต่างๆ นานา หาข้อมูลเยอะมากกกกกกก
เพราะดันอยากไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ที่คนไทยไม่ค่อยไปกัน
ข้อมูลภาษาไทยน้อยมาก ต้องอาศัยอ่านจากเว็บ ตปท แทน
เลยได้สนิทกับ Google Translate ไปเลย ทริปนี้ 555
เราก็เลยตั้งใจอยากเอาประสบการณ์ของตัวเองมารีวิว
เพื่อเป็นข้อมูลและไกด์ไลน์ให้คนที่มีแผนไปเที่ยวตุรกีเหมือนกัน
ซึ่งจากมุมมองส่วนตัวที่ได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเองแล้วเนี่ย
ประเทศนี้สวยงามเกินคาด แล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลยค่ะ
ตามสถานที่ท่องเที่ยวและจุดสำคัญต่างๆ มีการตรวจกระเป๋า
มีทหารยืนเฝ้าอย่างคุมเข้ม (ทหารหล่อซะด้วย 5555)
ขโมยขโจรเราไม่เจอ เจอแต่ฝนตกที่อิสตันบูลทุกวัน T^T
อยู่อิสตันบูล 3 วัน ฝนตกทุกวัน เลยทำได้แต่หลบเข้าคาเฟ่ ไปนั่งชิลล แล้วก็เดินช็อปปิ้งเท่านั้นจริงๆ
ทริปนี้เราไปมาทั้งหมด 7 เมือง คือ อิสตันบูล (Istanbul)
แล้วก็นั่งเครื่องบินในประเทศไปเที่ยวคัปปาโดเกีย (Cappadocia)
เช่ารถขับเที่ยวที่คัปปาโดเกีย 3 วัน 2 คืน (แต่ก็อดเห็นบอลลูน ฮืออ)
แล้วก็บินต่อไปอิซเมียร์ (Izmir) เช่ารถขับไปปามุคคาเล (Pamukkale)
เฟทิเย (Fethiye) เซสเม (Cesme) อลาคาตี (Alacati) เซลจุค (Selcuk)
เหตุผลที่ไม่เช่ารถขับตลอดทริป เพราะค่าคืนรถต่างเมืองแพงมากกก
โชคดีที่ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศของตุรกีราคาค่อนข้างถูก
โดยค่าใช้จ่ายทั้งทริป เราใช้ไปประมาณ 45,000 บาทต่อคน
เหลือกลับมานิดหน่อย ไปทั้งหมด 12 วัน ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับเราค่ะ
ไม่ได้ขึ้นบอลลูนที่คัปปาโดเกียเพราะอากาศไม่ดี แต่ที่ปามุคคาเลก็มีบอลลูนนา ราคาถูกกว่าที่คัปปาโดเกียด้วยค่ะ
คัปปาโดเกียมีมุมแปลกตาให้ถ่ายรูปเยอะมาก ถึงไม่ได้เห็นบอลลูนก็ไม่เสียดายที่ไปเลย : )
สำหรับกระทู้นี้เราจะมารีวิวเมืองชายทะเลของประเทศตุรกี
เพราะเห็นว่ามีรีวิวน้อยมากๆ แล้วทะเลบ้านเขาก็สวยงามทีเดียว
ได้สัมผัสบรรยากาศทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแบบไม่ต้องขอวีซ่าด้วย
3 เมืองที่ว่านั้นได้แก่ เฟทิเย เซสเม แล้วก็ อลาคาตี ค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ก่อนจะพาไปเที่ยว 3 เมืองซัมเมอร์ที่ว่า ..
ขอเริ่มด้วยการแชร์ประสบการณ์การเช่ารถขับก่อนน้า
เผื่อใครสนใจอยากไป Road Trip ที่ตุรกีเหมือนเรา
เราว่าเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่สะดวกแล้วก็อิสระมากค่ะ
แชร์ประสบการณ์การเช่ารถขับเที่ยวตุรกี
ขั้นตอนแรกสุดเมื่อคิดจะเช่ารถขับที่ต่างประเทศก็คือตรงปรี่ไปทำใบขับขี่สากลก่อนเลย ซึ่งวิธีทำนั้นง่ายมากกกก แค่นำสำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมด้วยบัตรประชาชน และสำเนาใบขับขี่ บวกกับรูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว อีก 2 รูป ไปยื่นที่กรมขนส่งใกล้บ้าน จ่ายเงิน 505 บาท แล้วรอรับได้ภายในวันนั้นเลย! เท่านี้ก็ได้ใบขับขี่สากลกลับไปนอนกอดรอวันเดินทางแล้วค่า
แล้วก็เริ่มมองหารถเช่า ทริปนี้เราเช่ารถผ่านเว็บไซต์ Rentalcars.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบริษัทรถยนต์ต่างๆ มาให้เลือก โดยทำหน้าที่เสมือนเอเจนซี่สำหรับจองเฉยๆ นะ วิธีการก็ง่ายๆ แค่เข้าไปพิมพ์เลือกเมืองและสถานที่รับ / คืนรถ (แนะนำว่าควรรับและคืนในสถานที่เดียวกันจะดีกว่า เพราะค่าคืนรถต่างสถานที่แพงมากกกก) หลังจากนั้นก็ระบุวัน - เวลาในการรับ / คืนรถ เท่านี้ระบบก็จะเฟ้นหาบริษัทเช่ารถต่างๆ ที่มีอยู่ในเมืองนั้นๆ มาให้เราเลือก สามารถเลือกได้จากราคาหรือรุ่นรถที่ต้องการ โดยเกียร์กระปุกจะราคาถูกกว่าเกียร์ออโต้อยู่พอประมาณ พอเลือกได้แล้วก็กรอกข้อมูลแล้วรอรับอีเมลเพื่อนำไปยืนยันกับทางบริษัทเช่ารถในวันรับรถได้เลย
โดยทริปนี้เราจองสายการบินภายในประเทศจากอิสตันบูลไปลงที่สนามบินอิซเมียร์ด้วยสายการบิน Pegasus Airlines ซึ่งนับเป็นสายการบินโลว์คอสที่ได้รับความนิยมนำโด่งมาเป็นอันดับหนึ่งในตุรกี เพราะราคาไม่แพง ยิ่งถ้าจองล่วงหน้านานๆ รับรองว่าจะกดได้ราคาที่ต้องตาลุกวาวทีเดียว แต่เราดันมาจองช่วงใกล้วันเดินทางแล้ว ฉะนั้นราคาที่กดได้ตอนนั้นคือ 1,400 บาท (ไป-กลับ)
พอถึงสนามบินอิซเมียร์ก็ไปติดต่อรับรถที่จองไว้ผ่านเว็บไซต์ Rentalcars.com รถที่จองเป็นของบริษัท GOLDCAR ราคา 5 วัน 2,535 บาท (ไม่รวมประกัน) แต่เราซื้อประกันพร้อมกับอัพเกรดรุ่นรถเป็นรถคันใหญ่กว่าที่จองแล้วก็ประหยัดน้ำมันกว่า ก็เลยเสียเพิ่มไปอีก 220 ลีรา (ประมาณ 1,500 บาท) ต้องมัดจำวงเงินในบัตรเครดิตไว้ 600 ลีรา ทั้งหมดจ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เป็นชื่อเดียวกับคนขับนะคะ
** สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเช่ารถขับที่ตุรกีก็คือ ผู้เป็นคนขับจะต้องมีบัตรเครดิตซึ่งเป็นชื่อเดียวกับใบขับขี่สากลพร้อมมีวงเงินในบัตรเพียงพอสำหรับจ่ายค่าเช่ารถ ค่ามัดจำ และค่าประกันต่างๆ รวมไปถึงค่าปรับที่อาจถูกเรียกเก็บตามมาทีหลังด้วย แล้วก็ควรซื้อซิมสำหรับใช้งานอินเทอร์เน็ตแทนการเช่า Pocket WiFi ค่ะ จะซื้อ Sim2Fly จากไทยไปหรือจะไปซื้อซิมของที่นู้นใช้ก็ได้ เพราะบางบริษัทเขาจะส่ง SMS ยืนยันการรับรถเข้ามาให้ในโทรศัพท์เราด้วย เผื่อเวลาฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุ เขาจะได้มั่นใจว่าเรามีช่องทางที่สามารถติดต่อได้ ฉะนั้นเป็นเรื่องสำคัญน้า ควรมีเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถใช้ได้ในประเทศตุรกีค่า**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนการรับรถนั้นจะต้องเดินไปรับรถด้วยตัวเอง แต่ที่สนามบินอิซเมียร์จะแบ่งชั้นลานจอดรถไว้สำหรับพวกรถเช่าโดยเฉพาะเลย แถมมีป้อมของตัวเองเสร็จสรรพ เราก็แค่เดินออกจากสนามบินแล้วข้ามถนนไปที่ลานจอดรถ เขาจะมีป้ายบอกชัดเจนเลยว่าตรงไหนเป็นชั้นสำหรับรถเช่า แล้วบริษัทที่เราเช่านั้นตั้งอยู่ตรงล็อคไหน ฉะนั้นไม่หลงแน่นอน พอไปถึงก็จะมีพนักงานคอยส่งรถ ในขั้นตอนนี้อย่าลืมตรวจสอบสภาพรถให้ดีนะคะ สอบถามวิธีการใช้งานหรือน้ำมันที่ต้องเติมจากพนักงานซะให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ขับออกไปเที่ยวกันได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับการเติมน้ำมัน ที่ตุรกีจะมีปั๊มเชลล์ที่เราแสนคุ้นเคย ซึ่งเปรียบเสมือนโอเอซิสกลางทะเลทราย 5555 เพราะมีทุกอย่าง ทั้งพนักงานที่คอยเติมน้ำมันให้ รวมไปถึงมินิมาร์ท และห้องน้ำ! โดยถนนหนทางของเขาเวลาออกนอกเมืองจะมีจุดพักรถเป็นพักๆ แต่ไม่ใช่ทุกจุดที่จะมีปั๊มเชลล์นะ บางจุดก็จะมีแต่ห้องน้ำและร้านค้าอย่างเดียว ส่วนปั๊มเชลล์จะทิ้งระยะห่างจากกันพอสมควร ไม่ค่อยถี่เหมือน ปตท. บ้านเรา ฉะนั้นเห็นเมื่อไร เลี้ยวเข้าเมื่อนั้นได้เลย โดยเฉพาะระยะก่อนจะเข้าเมืองใหญ่ๆ หรือถึงสนามบิน เพราะกฎของการเช่ารถที่ตุรกีก็คือ รับน้ำมันมาเต็มถัง ก็ต้องคืนให้เต็มถังเด้ออ (บางบริษัทเคร่งเรื่องนี้มาก ถึงกับถ่ายรูปเข็มน้ำมันไว้เป็นหลักฐานเลย)
สำหรับค่าน้ำมันจะตกลิตรละประมาณ 6 ลีรา (หรืออาจจะถูกกว่านิดหน่อย) ก็ตีเป็นเงินไทยประมาณลิตรละ 48 บาท โดยทริปอิซเมียร์เราเติมไปทั้งหมด 298 ลีรา หรือเป็นเงินไทยประมาณ 2,000 นิดๆ เช่าทั้งหมด 5 วัน ขับไปเกือบ 1,000 กิโลเมตร ส่วนวิธีการเติมน้ำมันที่นี่ไม่ยาก เพราะมีพนักงานคอยเติมให้ แค่บอกน้ำมันให้ถูกประเภทก็พอ แต่ต้องเดินไปจ่ายตังค์เอง ซึ่งหลังจากเติมเสร็จ พนักงานที่เติมน้ำมันให้เราจะให้ใบเสร็จมาเพื่อเอาไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ หลังจากจ่ายตังค์เสร็จ เขาจะให้ใบเสร็จมา 2 ใบ ให้เราเอากลับไปให้พนักงานที่เติมน้ำมันให้เราหนึ่งใบ เพื่อเป็นการยืนยันว่าไอจ่ายแล้วนา ส่วนใบเสร็จอีกหนึ่งใบก็เก็บไว้เป็นที่ระทึก เฮ้ย ที่ระลึกได้เลย ; p
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้