หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ลมกล้าพิสูจน์หญ้าแกร่ง ไฟโชนแสงพิสูจน์ทองแท้

ทัพพระเจ้าตากสิน เข้าโจมตีป้อมปราการจันทบูร รวดเร็วดั่งไฟลามทุ่ง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เพลง คนหนุ่มหมั่นฝึกตนให้กล้าแกร่ง(男儿当自强 หนานเอ้อตังจื้อเฉียง) สำเนียงจีนกลาง
ประกอบภาพยนตร์ หวงเฟยหง 1991
ทำนอง เพลงจีนโบราณ ประกาศิตขุนพล ต้าถัง


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เพลง ประกาศิตขุนพล (将军令 เจียงจวินลิ่ง General's Command) เพลงประจำราชสำนักถัง
ถือเป็นหนึ่งใน กั๋วเย่(國樂) หรือเพลงประจำชาติจีน จนถึงปัจจุบัน


ก่อนหน้านั้น หลังพระเจ้าตากสิน สั่งให้ทุบหม้อข้าวหม้อแกงแล้ว ได้วางกำลังตามที่วางแผนไว้
แล้วแยกย้ายไปนอนเอาแรง เมื่อเข้าสองยาม(เที่ยงคืน)แล้ว พระเจ้าตากสินเคลื่อนทัพไปรอหน้าป้อม

โดยมีหน่วยซุ่มโจมตี เข้าถึงแนวกำแพงจันทบูรก่อน เพื่อโยนระเบิดเพลิง  
หากพักทัพ ยังวัดป่าแก้วห่างจาก ป้อมราว 4 เส้น คงมิอาจปิดบังร่องรอยให้ข้าศึกตายใจได้
ด้วยควันไฟที่หุงหาอาหาร เสียงคนมากถึงพันคน รวมทั้งเสียงทุบทำลายหม้อข้าว

ถ้าออกญาพลเทพได้ข่าว คงยกทัพจันทบูรมาบดขยี้เป็นแน่
แม้จันทบูรว่างศึกนาน 50 ปี ทหารหย่อนวินัย ขาดฝึกซ้อม แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่า
ชัยภูมิ อาวุธดีกว่า หากวางหมากพลาดพลั้ง อาจสิ้นทัพในคราเดียว

เมื่อทัพหน้าพระเจ้าตากสิน วิ่งเร็วสุดแรงเข้ามาใกล้ถึงระยะปืนคาบศิลา
หน่วยซุ่มที่ถึงกำแพงก่อนหน้า ได้จุดชนวนหม้ออัดดินปืน แบบเดียวกับอังวะใช้ศึกทางเรือ ที่พระยาเพชรบุรีพ่าย
โยนขึ้นไปบนเชิงเทิน ทั้งสองด้านระหว่างประตูเมือง ทหารจันทบูรตกใจกับประกายไฟที่แผ่กระจายอย่างรวดเร็ว
สาดนานชั่วเคี้ยวหมากแหลก ทำให้พลปืนยิงพลาด และเสียจังหวะการโจมตี ไม่อยู่ในที่มั่น

มากพอที่ทัพหน้าของพระยาพิชัย กับพระเอก แยกกันตีคนปีกกำแพง มาถึงตีนกำแพงได้ปลอดภัยโดยมาก
แลหน่วยพาดบันไดที่ตามมา วิ่งไต่กำแพงดินขึ้นถึงใบเสมาด้วยแรงส่ง เนื่องจากเป็นเนินกำแพงดิน ไม่ชันดิ่ง ประมาณ 2 วา
พระเอก และ พระยาพิชัย ปีนบันไดขึ้นเชิงเทิน ดึงข้าศึกให้ไปกระจุกตัวตามปีกกำแพงที่ตีได้ ทำให้ป้อมประตูมีทหารเบาบาง

ฉากการรบบนเชิงเทิง ค่อนข้างมืด เพราะไม่สามารถวางไฟได้สะดวก แต่เก็บบรรยากาศได้ดี คนเข้าฉากเยอะ

พระเจ้าตากสิน เห็นสบโอกาสสั่งเคลื่อนพล บุกทะลวงกลางโดย ให้ทัพช้างติดปืนบนสัปคับ ระดมยิงไปที่ป้อมประตู
แล้วให้หน่วยซุ่มโยนระเบิดเพลิงที่ประตูและป้อม แม้ไม่สามารถไหม้ประตูได้ แต่ไล่ข้าศึกยันประตูและป้อม ถ่วงเวลาทัพหลวงมาถึง


ประตูและกำแพงเมืองจันทบูร เป็นไม้ไผ่ปักบนเนินดิน ช้างสามารถพังประตูเมืองได้

เมื่อช้างทรงหุ้มเกราะเหล็ก มาถึงช่องประตูแล้วได้พุ่งวิ่งชนประตู ที่มอดจากระเบิดเพลิง
พังบัญชรคีรี ฝึกรบจนช่ำชอง หาได้ตื่นตระหนกจากไฟไม่ พุ่งตรงไปดั่งมหาคีรีไม่สะท้านต่อพายุ

พระเจ้าตากสินทรงเสื้อเกราะหนังแรด กันกระสุนปืนได้ ตรัสขอให้แม่พังทำลายประตูเพื่อการใหญ่สำเร็จ
แม่พังรับคำ คำรามกู่ก้อง ท่ามกลางเสียงร้องเซ็งแซ่ไปทั่วกำแพง แล้วพุ่งชนเต็มแรง ประตูเมืองเปิดออก

จากนั้นพังคีรีบัญชร วิ่งฟาดงวงฟาดงาขับไล่ข้าศึก เปิดทางให้ทัพทหารที่ตามมา เข้าจันทบูรได้สะดวก
เจ้าเมืองจันทบูรและออญาพลเทพ ทิ้งเมืองหนีไปในคืนนั้น ทหารจันทบูรยอมจำนน ทัพพระเจ้าตากสินได้ชัยตอนย่ำรุ่ง
เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 7 แรม 3 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก ตรงกับวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2310

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


การใช้อุบาย       ทุบหม้อ จมเรือ (破釜沉舟)
ทำให้ทหารหาญ  หลังพิงแม่น้ำ (背水一战) หน้าชนกำแพง  สู้ตายถวายหัว
เพื่อให้อุบาย       ใช้หนึ่งต้านสิบ (以一當十) บรรลุผล


ฌ้อปาอ๋อง แคว้นฉู่ ใช้อุบายนี้ รบชนะทัพฉินบุเข้ากกรุงเซียงหยางได้สำเร็จ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

พระเอกแม้บุกตีจันทบูรได้ชัย แต่แค้นนี้ต้องชำระ จึงออกติดตามออกญามีชื่อหวังเด็ดหัวมาเซ่นไหว้
มีพันหาญกับทหารติดตามทันไม่มาก เมื่อต่อสู้กันพระเอกเป็นรองสมุนเอก เกือบเสียทีเลยได้แผล
ฝ่ายสมุนเอกโดนเฉือดท้อง ระหว่างที่ทั้งสองประลองกำลังกัน ออกญามีชื่อใช้ดาบแทงทะลุทั้งคู่
หวังให้ตายตกตามกัน แถมบอกจะระลึกถึงสมุนเอกในฐานะ สุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์

พระเอกท้องเป็นรู รู้ตัวว่ามือไม่ถึง จึงแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี ขณะที่ออกญามีชื่อผงะกับเสียงเรียก
งานนี้กระสุนแสกหน้าผากเข้าเต็มๆ ลงไปใช้กรรมต่อในนรก

นางเอกรู้ข่าวว่าพระเอกสาหัส เป็นตายเท่ากันจึงเร่งรุดไปจันทบูร หมอแมะแล้วว่า
ชีพจรอ่อน เต้นช้า ตัวเย็น ซืด ม่านตาเฉื่อย อาจไม่พ้นวันนี้
นางเอกจึงฟูมฟาย ต่อว่าต่างๆนานา หวังให้พระเอกฟื้น
ขณะนั้นเอง พระเอกอยู่ปรโลก ได้พบเสือขุนทอง แลท้าวสาลิกา มารอรับไปอยู่ด้วย

เนื่องจากพ่อแม่พระเอกหมดห่วงแล้ว ไปเกิดเป็นเทวดานางฟ้าบนสวรรค์
พระเอกอยากไปด้วย แต่ยินเสียงแปดหลอดแว่วมาแต่ไกล ใคร่สงสัยผู้ใดเพรียกหา
เสือขุนทองว่า พ่อแม่รอบ่ได้ดอก ลูกโตแล้วต้องมีชีวิตของตัวเอง กลับไปเถอะ
แล้วลูกจะรู้ว่า ยังมีคนรักลูก เหมือนที่พ่อแม่รักเจ้า รออยู่

ทันใดนั้นเอง พระเอกฟื้นมาเห็นนางเอกนอนร้องไห้อยู่ และรู้สึกระบมไปทั้งตัว
นางเอกคงใช้กำปั้น ส้นเท้า กระแทกตัวและหัวใจพระเอกแรงไปหน่อย

พอพระเอกฟื้นตัวไม่นาน เข้าปลายฝนต้นหนาว
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ทัพเรือสำเภาพระเจ้าตากสิน กว่าร้อยลำ ยาวสามสิบเมตร กว้างหกเมตร สามเสากระโดง

เรือวงล้อน้ำ คล่องตัวตามแม่น้ำ ชายฝั่ง ใช้แรงคน วัว ปั่นวงล้อ แล่นเร็วกว่าใบพาย

พร้อมทหารห้าพันนาย มุ่งสู่กรุงศรีเพื่อกู้บ้านเมืองคืน จากทัพอังวะ
ผ่านธนบุรี บางกอก นนทบุรี ตีเอาคืนได้หมด จากนั้นเทียบที่เกาะเมือง ยกทัพถล่มค่ายโพธิ์สามต้น

สำเร็จโทษสุกี้นายกอง แล้วช่วยเหลือเจ้านายหญิงบ้านพลูหลวง ที่ประชวรอยู่ในค่าย
ทรงกู้กรุงสำเร็จเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เวลาบ่ายโมงเศษ
ตรงกับวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310 เวลาประมาณ 13.00 น. ใช้เวลา 7 เดือนหลังกรุงแตก
ตรงกับวันลอยกระทง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไทย

ทรงถวายพระเพลิง พระบรมศพพระเจ้าเอกทัศ ตามโบราณราชประเพณี ทรงกตัญญูต่อเจ้านายเก่า
จากนั้นส่งคนไปรับพระบรมวงศานุวงศ์บ้านพลูหลวง จากลพบุรี มายังกรุงธนบุรี

พระเจ้ามังระเมื่อทราบข่าวว่า กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี ทรงกริ้วยิ่งนัก เสร็จศึกกับจีนเมื่อใด คงได้เห็นดีกัน

ออกญาวัง แม่เป้า ขันที มาเฝ้าพระเจ้าตากสิน ทรงอวยยศให้ออกญาวังตามเดิม แม่เป้าเป็นคุณหญิงตามผัว
ส่วนขันทีย้ายงานมา สังกัดกรมท่าขวา ดูแลบาญชี การค้าฝั่งตะวันตกของกรุงศรี จากมอญไปถึงยุโรป
มีอำนาจ เบี้ยหวัดมากกว่าแต่ก่อน แลยุบขันทีเสียเพื่อประหยัดเบี้ยหวัดรายปี


พระเจ้าตากสินทรงปราบดาภิเษก จดหมายเหตุโหรมอญระบุว่า วันอังคาร แรมสี่ค่ำ จุลศักราช 1129
ตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2310 พระชนมายุ 34 พรรษา ณ กรุงธนบุรี ศรีมหาสมุทร พระนามว่า

พระบาทสมเด็จ พระเอกาทศรุทอิศวร บรมนาถบรมบพิตร (ที่ ๖)


โบราณว่าไว้  ลมกล้าพิสูจน์หญ้าแกร่ง ไฟโชนแสงพิสูจน์ทองแท้

พระเจ้าตากสิน มีปณิธานกู้กรุงให้ฟื้นคืนดังเดิม ต่างจากก๊กเหล่าอื่นที่หวังแค่ ตั้งตัวเป็นเจ้าเมืองเสวยสุข
ที่สำคัญพระองค์กล่าวเสมอว่า เป็นเพียงผู้รักษากรุง เป็นดั่งพ่อปกครองลูก
เข้มขวดกับขุนาง ผ่อนปรนกับทวยราษฎร์ แม้ปราบดาภิเษกแล้ว ยังทรงออกไปพบปะชาวบ้าน สอบถามด้วยตนเอง

หนังสือที่ส่งไปถึงเฉียนหลงฮ้องเต้ พระเจ้าตากสินทูลขอตราตั้ง ไม่ได้ตั้งตัวเป็นอ๋องขึ้นเอง
ช่วงระหว่างนั้นมีบรรดาศักดิ์ กง(เจ้าพระยา) เมื่อพิชิตตะวันออก และ ไท่กง(สมเด็จเจ้าพระยา)เมื่อกู้กรุงศรีได้
ต่อมาเฉียนหลงฮ่องเต้แต่งตั้งให้เป็นอ๋องปรากฏในชิงสือลู่ว่า เจิ้งเจา และประทานตราตั้งอ๋อง พร้อมหมวกและชุด


พระเอกย้ายมาอยู่กรุงธนบุรี แต่งเข้าบ้านนางเอก ให้แซ่ของเจ้าสัวมิ่งตามพ่อตา
นางเอกรับช่วงกิจการทำกระดาษต่อจากพี่ชาย กิจการดำเนินไปด้วยดี

วันหนึ่งพระเอกได้จดหมายจาก นักมวยที่กลับจากอังวะฝากถึงนางเอก ใจความว่า

พระเจ้ามังระทรงพระราชทานที่ดิน ให้เชลยที่ถูกจับตัวไปสร้างบ้านเรือน เรียกกันว่า หมู่บ้านโยเดีย
พวกเราอาศัยกันอยู่ที่นั่น เหมือนอยู่ในกรุงศรี ไม่ได้ลำบากกระไร เว้นแต่ต้องถูกเกณฑ์ไปทำงานเท่านั้นเอง


กรมขุนประทับที่หมู่บ้านโยเดีย สุขสบายดี แต่ไม่มีบริวารคอยรับใช้เมื่อแต่ก่อน
คอยสอนภาษาไทย จดบันทึกต่างๆของคนไทย เก็บไว้ที่หอแมงเม่า

นางเอกน้ำตานองหน้า คิดถึงและห่วงใยเคารพกรมขุนเสมอ คงไม่มีวาสนาได้รับใช้อีกแล้ว

ไม่กี่วันต่อมานางเอก พันหาญ ชวนพระเอกมาเกาะเมือง วัดกุฎีดาว เพื่อเจอเจ้าจอมเพ็ญที่เสียสติ
และสมบัติที่เจ้าจอมฝังไว้มากมายมหาศาล พระเอกเห็นสภาพเจ้าจอมเพ็ญก็ปลงตก อโหสิกรรมให้
ใจตรงกันกับนางเอก นางได้รับผลกรรมแล้วก็ให้แล้วกันไปเทอด

และกำชับพันหาญว่าให้นำสมบัติทั้งหมดของเจ้าจอมเพ็ญ ถวายแด่พระเจ้าตากสินเพื่อใช้ฟื้นฟูบ้านเมือง
ของที่ได้มาไม่สุจริตเยี่ยงนี้มีแต่คนสาปแช่ง เป็นของร้อน คืนให้แก่ปวงชน ทำนุบำรุงบ้านเมืองนั้นชอบแล้ว

จากนั้นไม่นานพระเอกต้องไปถวายงานรับใช้พระเจ้าตากสิน เพื่อปราบก๊กต่างๆให้แผ่นดินรวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง


ขอขอบคุณช่อง3 ผู้จัดและคณะ ที่ทุ่มเทสร้างสรรค์ละครเรื่องนี้ ซึ่งห่างหายไปนานทางจอแก้ว

ผู้จัด มุ่งมั่นสร้างสรรค์ละครเทิดพระเกียรติบูรพกษัตริย์ไทย เสนอช่องถึงสามครั้ง จนช่องอนุมัติ
แม้งบไม่มากนัก ฉากรบมีน้อยแต่ใช้คนหลักร้อย ดูอลังการงานสร้าง กว่าฉบับก่อนมาก มีเยอะแต่รบกันสิบ ยี่สิบคน

ช่อง3 ทุ่มทุนสร้างสูงกว่าละครเรื่องอื่นๆ เพื่อให้คนไทยสำนึกในวรีกรรมบรรพชนที่กอบกู้แผ่นดิน คืนกำไรให้ผู้ชม

ผู้ประพันธ์ กล้านำเสนอมุมมอง ที่สดใหม่ บอกเล่าประวัติศาตร์ไทยจากฝ่ายใน ที่เข้มข้นไม่แพ้ต่างชาติ
และเล่าเรื่องราวจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายแหล่ง โดยคงความเชื่ออยู่บ้าง แต่ผูกเรื่องได้แยบคาย

คนเขียนบท มือถึง เหมาะสมทุกประการ และเชื่อมต่อ ขยายส่วนการรบที่ไม่อยู่ในบทประพันธ์
ออกมาเป็นภาพที่เข้าใจง่าย บทละครกระจายอย่างเท่าเทียม ทุกตัวละครหลักมีความสำคัญ ฉลาดทุกตัวทันกันหมด

ผกก.ทุ่มเท แม้เรื่องรักยังไม่ชวนฝันนักเพราะกรุงแตก แต่คงบรรยากาศ อารมณ์เรื่องได้คงเส้นคงวา บ้าพลังเต็มพิกัด
มุมกล้องพิถีพิถัน เก็บภาพ ฉากใหญ่ได้มากเท่าที่ทำได้ ตามสถานที่และเวลาที่จำกัด

นักแสดง เต็มที่ใจเกินร้อย แสดงจากข้างใน เมื่อรวมกับบท เรื่องราวที่ลงตัว จึงดูเป็นปุถุชนมีรัก โลภ โกรธ หลง

และทุกภาคส่วนของละครที่ผลักดันจนละครออกมาได้ดี ตามข้อจำกัดและงบประมาณ

ขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่ติดตามกระทู้มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
ทุกท่านจะได้สาระ และอรรถรสเพิ่มจากการชมละคร ไม่มากก็น้อย

ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่