สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้รีวิว กระทู้แรกเลย ไม่ค่อยเห็นคนบินไฟลท์นี้กัน เลยมารีวิวครับ
สืบเนื่องจากผมจองเที่ยวบินกลับไทยช้าเกินไป ทำให้เที่ยวบิน บินตรงจากอังกฤษกลับไทย (การบินไทย EVA) ราคาพุ่งไปถึง 700 ปอนด์ เลยตัดสิยใจว่าจะบินแบบ transit แทน ตอน Easter break ผมกลับมากับ Emirates แต่ไม่ชอบสนามบินเท่าไรนัก และ ไม่ชอบการเปลี่ยนเครื่องตอนกลางคืน เลยตัดสินใจหาสายการบินฝั่งเอเชีย เลยได้ Cathay Pacific เปลี่ยนที่ฮ่องกง (A350-900 ทั้งสองเที่ยวบิน) ตอนเจ็ดโมงเช้าแทน ซึ่งถือว่าโอเคมากเลย ในราคา 495 ปอนด์ (เป็น reurn flight แต่จะมารีวิวแค่ขากลับไทยก่อนนะครับ) ซึ่งถือว่ารับได้
เช้าวันอาทิตย์ หลังจากที่นำกุญแจไปคืนที่ Porter lodge ของ College ผมก็มายีนรอบัสท่ามกลางสายฝน เมืองเงียบมากเพราะเพิ่งเจ็ดโมงเช้า ของวันอาทิตย์แรกที่ปิดเทอม นักเรียนอังกฤษออกไปจากอ็อกฟอร์ดกันไปหมดแล้ว
จากอ็อกฟอร์ดไป London Gatwick Airport หรือ London Heathrow Airport มีรถบัสตรงซึ่งสามารถขึ้นได้จากใจกลางเมืองเลย ใครมาเที่ยวอังกฤษแล้วจบทริปที่อ็อกฟอร์ด แนะนำมากๆเลย สะดวกมากๆ โดยรถไป Heathrow มีทุกครึ่งทั่วโมง ส่วนคันที่ไป Gatwick มีทุกชั่วโมง ค่าตั๋วเที่ยวเดียว 28 ปอนด์
หลังจากที่ถึงสนามบินแล้ว เราก็ไปเช็คอินกับ kisok โดยการสอดหนังสือเดินทางเข้าไป แล้วเครื่องจะปรินท์บอดดิงพาส และ แท็กกระเป๋ามาให้เลย แล้วก็กระเป๋าที่ติดแท็กป baggae drop สายการบิน full service ที่อังกฤษน่าจะทำแบบนี้หมดแล้ว เพราะปกติกลับที่ Heathrow ก็ทำแบบนี้เช่นกัน พนักงานที่ช่วยจะมีสองถึงสามคนต่อสายการบิน
ได้บอดดิงพาสมาสองใบเลย และ กระเป๋าก็ checked through ถึงไทยเลย ไม่ต้องออกไปเอากระเป๋าไปโหลดใหม่
หลังจากเช็คอินแล้ว ก็ผ่าน security ปกติ อีกอย่างที่อังกฤษจะไม่มี ต.ม. ขาออก แต่ต้องสแกนตั๋วก่อนเข้า security คิดว่า ระบบน่าจะจัดการอัตโนมัติตอนนั้น
หลังจากผ่าน security แล้วก็ไปนั่งชิวรอประกาศ gate ที่ Starbucks เพราะ ที่ Gatwick จะประกาศ Gate ก่อนเครื่องออกแค่ชั่วโมงเดียว
เวลา 11:45 ก็มาถึง Gate ก็ประกาศ เป็น Gate number 34
เดินไป Gate 34 ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ระหว่างทาง มีกระจกใหญ่มากใกล้ลานจอดเลย เห็นเครื่องของ British Airways จดเรียงเลย
มาถึงที่หน้าเกตละครับ คนเที่ยวนี้เป็นคนฮ่องกง กับ ไต้หวันซะเยอะเลย จากการสังเกต passport
มาถึงที่เกตก็เห็น A350-900 XWB พร้อมเครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent XWB จอดรออยู่อย่างสง่าแล้ว
จขกท ค่อนข้างตื่นเต้นกับ A350 ถึงแม้จะเคยบินกับการบินไทยด้วย A350 มาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากเพิ่งเรียนว่า A350 ใช้ Carbon fibre PMC มากถึง 53% ขณะที่ Al alloys ถูกใช้น้อยมากเมื่อเทียบกับ A380 แล้วเครื่องยนต์ยังใช้ Rolls-Royce Trent XWB ด้วย ซึ่ง Trent XWB นี้ออกแบบมากจาก Trent 900 กับ Trent 1000 ซึ่ง จขกท เคยได้เห็นใกล้ๆที่ Rolls-Royce Heritage Trust Museum ที่ Derby โดยเฉพาะการที่ได้รู้ว่าข้างในนั้นมีทั้ง Single crystal Ni Superalloy และ Power processed Ni Superallpy อยู่ ยิ่งตื่นเต้น ขอโทษที่ออกนอกเรื่องครับ กลับมาที่ไฟลท์
หลังจาก boarding หน้าสุดของเครื่องเป็น Business Class จัดแถวเป็น 1-2-1 ต่อด้วย Premium Economy 2-4-2 แล้วก็มาถึง economy ที่ผมนั่งเพราะว่ามีงบเท่านี้ 5555 จัดเป็น 3-3-3 ผมนั่งตรงกลางของแถวเลย
ขนาดที่นั่งค่อนข้างสบายเลย จขกท ตัวค่อนข้างใหญ่ก็ยังนั่งได้สบาย ไม่รู้สึกว่าอึดอัด ระยะที่วางขาก็ค่อนข้างสบาย ผมสูง 178 cm เข้ายังเหลือที่พอสมควรเลย ขนาดจอ IFE ค่อนข้างใหญ่เลย แต่รู้สึกว่าของ Emirates ใหญ่กว่า ภาพยนตร์ไม่ค่อยใหม่มากนัก แต่ภาพยนตร์ฝั่งเอเชียค่อนข้างเยอะเลย
ใต้จอมี USB ให้ด้วย รวมถึงมีที่วางมือถือให้ด้วย ชอบตรงนี้มาก
ที่ที่นั่ง จะมีหมอนกับผ้าห่มวางไว้ให้เลย ไม่ต้องขอ หลังจากเครื่อง take off ได้สักพัก ก็ได้รับเมนูอาหาร
ต่อด้วยถั่วลิสง และ เครื่องดื่ม
ใน seat pocket มี safety leaflet รวมถึง Wifi instruction ให้ด้วย (ตอนต่อไป เหมือนจะต้องเสียเงิน เลยไม่ได้ทำอะไรต่อ แต่อยู่ดีๆกลางทางไลน์ เฟสบุค ก็เด้ง เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่า สรุปว่าฟรีหรือเสียเงิน)
หลังจากเครื่องขึ้นได้สักสองชั่วโมง อาหารกลางวันก็มาเสิร์ฟ มีให้เลือกเป็น ข้าวหน้าไก่ กับ pan fried sea bass ผมเลือกเป็นข้าวหน้าไก่ อาหารอย่างอื่นก็จะเป็น Ham กับ Coleslaw, ขนมปังกับเนย และ ที่สำตัญของหวานเป็นไอศครีมช็อคโกแลตของ Movenpick ค่อนข้างรสชาติดีทุกอย่างเลยถือว่าประทับใจ
เนื่องจากว่าอาหารเสิร์ฟเป็น Lunch and Breakfast ค่อนข้างทิ้งช่วงพอสมควร ผมเลยขอมาม่าคัฟมาตอนที่บินไปได้สัก 7 ชั่วโมง คิดว่าน่าจะขอได้เรื่อยๆ เพราะเห็นคนข้างๆทานไปสองคัฟ
ก่อนเครื่องลงสักสองชั่วโมง อาหารเช้าก็มาเสิร์ฟ คราวนี้เป็นโจ๊กกุ้งกับผลไม้ โยเกิร์ตแอปปริคอต และ ขนมปังกับแยมสตรอเบอร์รี่ โจ๊กจืดไปหน่อย แต่โดยรวมก็โอเค
เครื่อง landing ตรงเวลา ตอน 7:20 เป๊ะ ตอนนั้นผมค่อนข้างกังวลว่าจะเปลี่ยนเครื่องไม่ทัน เพราะเคยได้ยินว่าสนามบินฮ่องกงใหญ่มาก แต่เหมือนว่า transit security เขาจะแบ่งเป็นล็อคๆ มีเครื่องตรวจแค่เครื่องเดียวต่อล็อค (หรือว่าจริงๆแล้ว เขามีส่วนทรานสิทเท่านั้นแหละ แต่ผมโชคดีก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ 555) ทำให้คนที่ผ่าน security ไม่หนาแน่นเกินไป และ ใช้เวลาผ่าน security แปปเดียว หลังจากผ่าน security ขึ้นมาชั้นเดียวก็เจอเกตเลย
ไฟลท์เป็นไฟลท์ไปสิงคโปร์โดยที่จอดที่ไทยก่อน แต่เท่าที่สังเกต มีคนไทยพอสมควร รวมทั้งคนฮ่องกงที่จะไปเที่ยวที่ไทยด้วย
และเครื่องบินที่ใช้ไฟลท์นี้ก็ยังคงเป็น A359 เหมือนเดิม แผนผังเท่าที่เห็นคือเหมือนเครื่องจากฝั่งลอนดอนมาเลย
เครื่อง boarding ตรงเวลา แต่ไม่ทราบเพราะการจราจรหนาแน่นหรืออย่างทำให้ take off ช้าไปกว่าเวลาในตารางครึ่งชั่วโมงได้ ทำให้ถึงไทยช้าไป 20 นาทีได้
บนเครรื่องรอบนี้ไม่ได้วางหมอนกับ ผ้าห่มไว้ให้ ไม่แน่ใจว่าถ้าขอจะมีให้ไหม เนื่องจากไม่ได้ขอ แล้วก็เสิร์ฟอาหารหนึ่งมื้อ เนื่องจากเป็นเมนูอาหารเช้า จึงมีโจ๊กหมู กับ Scrambled egg เพราะเพิ่งทานโจ๊กจากไฟลท์ก่อนหน้านี้มา จึงเลือกเป็น Scamble Egg แทน
พร้อมกับ ผลไม้ โยเกิร์ตสตรอเบอร์รี่ และ ขนมปังกับแยม
ไฟลท์ค่อนข้างสั้นและไม่มีอะไรมากครับ มาถึงไทยตอนประมาณ 11:10 โดยสวัสดิภาพ
โดยรวมค่อนข้างประทับใจ Cathay Pacific รู้สึกว่ายังบริการดี ไม่มีเปลี่ยนจากที่เคยขึ้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว เครื่องค่อนข้างใหม่มากๆด้วย แต่รู้สึกว่าตอน landing ลงแรงไปนิดนึง ยังไงถ้ามีคนกลับจากลอนดอน ก็ค่อนข้างไฟลท์นี้นะครับ ถ้าหา direct ถูกๆไม่ได้ หรือ สายการบินอาหรับ ราคาไม่ได้ถูกกว่ามาก
และก็ ถ้าบางคนกังวลว่าจะเสียงดัง เพราะ คนจีนขึ้นเยอะ (ฮ่องกง ไต้หวัน) บอกเลยว่า ที่ขึ้นมาค่อนข้างเงียบมากเลยทีเดียว ไม่มีปัญหาเรื่องเสียง ยกเว้น เสียงร้องไห้ขอเด็กน้อยสักคนก่อน landing ครับ
[CR] [CR] Cathay Pacific London - Bangkok (LGW- HKG- BKK)
สืบเนื่องจากผมจองเที่ยวบินกลับไทยช้าเกินไป ทำให้เที่ยวบิน บินตรงจากอังกฤษกลับไทย (การบินไทย EVA) ราคาพุ่งไปถึง 700 ปอนด์ เลยตัดสิยใจว่าจะบินแบบ transit แทน ตอน Easter break ผมกลับมากับ Emirates แต่ไม่ชอบสนามบินเท่าไรนัก และ ไม่ชอบการเปลี่ยนเครื่องตอนกลางคืน เลยตัดสินใจหาสายการบินฝั่งเอเชีย เลยได้ Cathay Pacific เปลี่ยนที่ฮ่องกง (A350-900 ทั้งสองเที่ยวบิน) ตอนเจ็ดโมงเช้าแทน ซึ่งถือว่าโอเคมากเลย ในราคา 495 ปอนด์ (เป็น reurn flight แต่จะมารีวิวแค่ขากลับไทยก่อนนะครับ) ซึ่งถือว่ารับได้
เช้าวันอาทิตย์ หลังจากที่นำกุญแจไปคืนที่ Porter lodge ของ College ผมก็มายีนรอบัสท่ามกลางสายฝน เมืองเงียบมากเพราะเพิ่งเจ็ดโมงเช้า ของวันอาทิตย์แรกที่ปิดเทอม นักเรียนอังกฤษออกไปจากอ็อกฟอร์ดกันไปหมดแล้ว
จากอ็อกฟอร์ดไป London Gatwick Airport หรือ London Heathrow Airport มีรถบัสตรงซึ่งสามารถขึ้นได้จากใจกลางเมืองเลย ใครมาเที่ยวอังกฤษแล้วจบทริปที่อ็อกฟอร์ด แนะนำมากๆเลย สะดวกมากๆ โดยรถไป Heathrow มีทุกครึ่งทั่วโมง ส่วนคันที่ไป Gatwick มีทุกชั่วโมง ค่าตั๋วเที่ยวเดียว 28 ปอนด์
หลังจากที่ถึงสนามบินแล้ว เราก็ไปเช็คอินกับ kisok โดยการสอดหนังสือเดินทางเข้าไป แล้วเครื่องจะปรินท์บอดดิงพาส และ แท็กกระเป๋ามาให้เลย แล้วก็กระเป๋าที่ติดแท็กป baggae drop สายการบิน full service ที่อังกฤษน่าจะทำแบบนี้หมดแล้ว เพราะปกติกลับที่ Heathrow ก็ทำแบบนี้เช่นกัน พนักงานที่ช่วยจะมีสองถึงสามคนต่อสายการบิน
ได้บอดดิงพาสมาสองใบเลย และ กระเป๋าก็ checked through ถึงไทยเลย ไม่ต้องออกไปเอากระเป๋าไปโหลดใหม่
หลังจากเช็คอินแล้ว ก็ผ่าน security ปกติ อีกอย่างที่อังกฤษจะไม่มี ต.ม. ขาออก แต่ต้องสแกนตั๋วก่อนเข้า security คิดว่า ระบบน่าจะจัดการอัตโนมัติตอนนั้น
หลังจากผ่าน security แล้วก็ไปนั่งชิวรอประกาศ gate ที่ Starbucks เพราะ ที่ Gatwick จะประกาศ Gate ก่อนเครื่องออกแค่ชั่วโมงเดียว
เวลา 11:45 ก็มาถึง Gate ก็ประกาศ เป็น Gate number 34
เดินไป Gate 34 ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ระหว่างทาง มีกระจกใหญ่มากใกล้ลานจอดเลย เห็นเครื่องของ British Airways จดเรียงเลย
มาถึงที่หน้าเกตละครับ คนเที่ยวนี้เป็นคนฮ่องกง กับ ไต้หวันซะเยอะเลย จากการสังเกต passport
มาถึงที่เกตก็เห็น A350-900 XWB พร้อมเครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent XWB จอดรออยู่อย่างสง่าแล้ว
จขกท ค่อนข้างตื่นเต้นกับ A350 ถึงแม้จะเคยบินกับการบินไทยด้วย A350 มาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากเพิ่งเรียนว่า A350 ใช้ Carbon fibre PMC มากถึง 53% ขณะที่ Al alloys ถูกใช้น้อยมากเมื่อเทียบกับ A380 แล้วเครื่องยนต์ยังใช้ Rolls-Royce Trent XWB ด้วย ซึ่ง Trent XWB นี้ออกแบบมากจาก Trent 900 กับ Trent 1000 ซึ่ง จขกท เคยได้เห็นใกล้ๆที่ Rolls-Royce Heritage Trust Museum ที่ Derby โดยเฉพาะการที่ได้รู้ว่าข้างในนั้นมีทั้ง Single crystal Ni Superalloy และ Power processed Ni Superallpy อยู่ ยิ่งตื่นเต้น ขอโทษที่ออกนอกเรื่องครับ กลับมาที่ไฟลท์
หลังจาก boarding หน้าสุดของเครื่องเป็น Business Class จัดแถวเป็น 1-2-1 ต่อด้วย Premium Economy 2-4-2 แล้วก็มาถึง economy ที่ผมนั่งเพราะว่ามีงบเท่านี้ 5555 จัดเป็น 3-3-3 ผมนั่งตรงกลางของแถวเลย
ขนาดที่นั่งค่อนข้างสบายเลย จขกท ตัวค่อนข้างใหญ่ก็ยังนั่งได้สบาย ไม่รู้สึกว่าอึดอัด ระยะที่วางขาก็ค่อนข้างสบาย ผมสูง 178 cm เข้ายังเหลือที่พอสมควรเลย ขนาดจอ IFE ค่อนข้างใหญ่เลย แต่รู้สึกว่าของ Emirates ใหญ่กว่า ภาพยนตร์ไม่ค่อยใหม่มากนัก แต่ภาพยนตร์ฝั่งเอเชียค่อนข้างเยอะเลย
ใต้จอมี USB ให้ด้วย รวมถึงมีที่วางมือถือให้ด้วย ชอบตรงนี้มาก
ที่ที่นั่ง จะมีหมอนกับผ้าห่มวางไว้ให้เลย ไม่ต้องขอ หลังจากเครื่อง take off ได้สักพัก ก็ได้รับเมนูอาหาร
ต่อด้วยถั่วลิสง และ เครื่องดื่ม
ใน seat pocket มี safety leaflet รวมถึง Wifi instruction ให้ด้วย (ตอนต่อไป เหมือนจะต้องเสียเงิน เลยไม่ได้ทำอะไรต่อ แต่อยู่ดีๆกลางทางไลน์ เฟสบุค ก็เด้ง เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่า สรุปว่าฟรีหรือเสียเงิน)
หลังจากเครื่องขึ้นได้สักสองชั่วโมง อาหารกลางวันก็มาเสิร์ฟ มีให้เลือกเป็น ข้าวหน้าไก่ กับ pan fried sea bass ผมเลือกเป็นข้าวหน้าไก่ อาหารอย่างอื่นก็จะเป็น Ham กับ Coleslaw, ขนมปังกับเนย และ ที่สำตัญของหวานเป็นไอศครีมช็อคโกแลตของ Movenpick ค่อนข้างรสชาติดีทุกอย่างเลยถือว่าประทับใจ
เนื่องจากว่าอาหารเสิร์ฟเป็น Lunch and Breakfast ค่อนข้างทิ้งช่วงพอสมควร ผมเลยขอมาม่าคัฟมาตอนที่บินไปได้สัก 7 ชั่วโมง คิดว่าน่าจะขอได้เรื่อยๆ เพราะเห็นคนข้างๆทานไปสองคัฟ
ก่อนเครื่องลงสักสองชั่วโมง อาหารเช้าก็มาเสิร์ฟ คราวนี้เป็นโจ๊กกุ้งกับผลไม้ โยเกิร์ตแอปปริคอต และ ขนมปังกับแยมสตรอเบอร์รี่ โจ๊กจืดไปหน่อย แต่โดยรวมก็โอเค
เครื่อง landing ตรงเวลา ตอน 7:20 เป๊ะ ตอนนั้นผมค่อนข้างกังวลว่าจะเปลี่ยนเครื่องไม่ทัน เพราะเคยได้ยินว่าสนามบินฮ่องกงใหญ่มาก แต่เหมือนว่า transit security เขาจะแบ่งเป็นล็อคๆ มีเครื่องตรวจแค่เครื่องเดียวต่อล็อค (หรือว่าจริงๆแล้ว เขามีส่วนทรานสิทเท่านั้นแหละ แต่ผมโชคดีก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ 555) ทำให้คนที่ผ่าน security ไม่หนาแน่นเกินไป และ ใช้เวลาผ่าน security แปปเดียว หลังจากผ่าน security ขึ้นมาชั้นเดียวก็เจอเกตเลย
และเครื่องบินที่ใช้ไฟลท์นี้ก็ยังคงเป็น A359 เหมือนเดิม แผนผังเท่าที่เห็นคือเหมือนเครื่องจากฝั่งลอนดอนมาเลย
เครื่อง boarding ตรงเวลา แต่ไม่ทราบเพราะการจราจรหนาแน่นหรืออย่างทำให้ take off ช้าไปกว่าเวลาในตารางครึ่งชั่วโมงได้ ทำให้ถึงไทยช้าไป 20 นาทีได้
บนเครรื่องรอบนี้ไม่ได้วางหมอนกับ ผ้าห่มไว้ให้ ไม่แน่ใจว่าถ้าขอจะมีให้ไหม เนื่องจากไม่ได้ขอ แล้วก็เสิร์ฟอาหารหนึ่งมื้อ เนื่องจากเป็นเมนูอาหารเช้า จึงมีโจ๊กหมู กับ Scrambled egg เพราะเพิ่งทานโจ๊กจากไฟลท์ก่อนหน้านี้มา จึงเลือกเป็น Scamble Egg แทน
ไฟลท์ค่อนข้างสั้นและไม่มีอะไรมากครับ มาถึงไทยตอนประมาณ 11:10 โดยสวัสดิภาพ
โดยรวมค่อนข้างประทับใจ Cathay Pacific รู้สึกว่ายังบริการดี ไม่มีเปลี่ยนจากที่เคยขึ้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว เครื่องค่อนข้างใหม่มากๆด้วย แต่รู้สึกว่าตอน landing ลงแรงไปนิดนึง ยังไงถ้ามีคนกลับจากลอนดอน ก็ค่อนข้างไฟลท์นี้นะครับ ถ้าหา direct ถูกๆไม่ได้ หรือ สายการบินอาหรับ ราคาไม่ได้ถูกกว่ามาก
และก็ ถ้าบางคนกังวลว่าจะเสียงดัง เพราะ คนจีนขึ้นเยอะ (ฮ่องกง ไต้หวัน) บอกเลยว่า ที่ขึ้นมาค่อนข้างเงียบมากเลยทีเดียว ไม่มีปัญหาเรื่องเสียง ยกเว้น เสียงร้องไห้ขอเด็กน้อยสักคนก่อน landing ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้