ที่ผ่านมาของการประมูลคลื่นความถี่ คนจำนวนมากก็จะแห่เชียร์กัน ให้ค่ายมือถือจ่ายเงินประมูลคลื่นความถี่ในจำนวนมากที่สุด เพื่อให้ภาครัฐเอาเงินจำนวนนี้ไปบริหารประเทศให้ได้มากๆ
และที่ผ่านมา มันก็ได้อยู่ แต่มันก็ได้แบบคล้ายคลึงชั่วขณะ ระยะสั้น คือ จ่ายเงินก้อนใหญ่ค่าคลื่น 900/1800 ครั้งเดียว และไม่สามารถประมูลคลื่นได้อีกในช่วงระยะเวลาสั้น
ทั้งที่บางค่าย ถ้าประมูลมาเพิ่มอีกเล็กน้อยก็จะช่วยให้มีบริการที่ดีขึ้น ลูกค้าได้เล่นเน็ตเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ประมูล เพราะกฎการประมูลจากภาครัฐที่ไม่เอื้อต่อผู้ประกอบการ ผลพ่วงคือ ทำให้ลูกค้าไม่ได้บริการเน็ตที่มีคุณภาพที่ดีที่อย่างเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น และคลื่นที่จะนำมาประมูลก็เหลือเป็นจำนวนมาก ขายไม่ออก ทั้งที่มันควรจะขายได้บ้าง ผลคือ รัฐก็ไม่ได้ตังค์แม้แต่บาทเดียวในการประมูลรอบนั้น เพราะมัวแต่คิดจะเอาตังค์จากผู้ประกอบการให้ได้มากที่สุดอยู่ฝ่ายเดียว
ผู้ใช้บริการบางคนก็พูดว่า ให้ค่ายมือถือกำไรเยอะๆทำไม รวยกันอยู่แล้ว เอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งตรงนี้ต้องย้อนถามว่าถ้าให้ผู้ใช้บริการมาเป็นผู้บริหารเอง ทำธุรกิจค่ายมือถือเอง จะให้ทำธุรกิจแบบได้กำไรน้อย หรือไม่แสวงหาผลกำไรมั้ย ซึ่งถ้าทำอย่างนั้นหลายคนก็คงจะเบือนหน้าหนีนั่นแหละ
ฉะนั้นทางออกที่ดี คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้การประมูลคลื่นความถี่ เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ภาครัฐได้เงินจำนวนที่เหมาะสมจากการประมูลคลื่นความถี่ทุกครั้งในแต่ละปีที่เปิดการประมูล ผู้ประกอบการได้กำไรที่เหมาะสมต่อการประกอบธุรกิจ ไม่ได้กำไรมากไปแบบค้ากำไรเกินควร ไม่ได้กำไรน้อยเกินไป จนไม่สามารถนำพัฒนาการบริการด้านต่างๆได้
และให้ลูกค้าได้ใช้โปรโมชั่นอินเตอ์เน็ตในราคาที่คุ้มค่าเหมาะสมแก่การใช้งานและใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วไทย
และให้แต่ละค่ายได้ใช้คลื่นความถี่ในจำนวนที่เหมาะสมต่อกิจการโทรคมนาคม
เช่น 1 ค่ายอาจจะมีซัก 5 คลื่นความถี่ก็ได้
ค่าย a มี 900/1800/2100/2600/28 Ghz
ค่าย b มี 700/2100/2300/3500/28 Ghz
ให้แต่ละค่ายเลือกประมูลคลื่นได้ตามความต้องการที่จะให้บริการลูกค้า
ก็น่าจะเป็นหนทางที่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย
ทำอย่างไรให้การประมูลคลื่นความถี่ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้ง 3 ฝ่าย คือ ภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนผู้ใช้บริการ
และที่ผ่านมา มันก็ได้อยู่ แต่มันก็ได้แบบคล้ายคลึงชั่วขณะ ระยะสั้น คือ จ่ายเงินก้อนใหญ่ค่าคลื่น 900/1800 ครั้งเดียว และไม่สามารถประมูลคลื่นได้อีกในช่วงระยะเวลาสั้น
ทั้งที่บางค่าย ถ้าประมูลมาเพิ่มอีกเล็กน้อยก็จะช่วยให้มีบริการที่ดีขึ้น ลูกค้าได้เล่นเน็ตเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ประมูล เพราะกฎการประมูลจากภาครัฐที่ไม่เอื้อต่อผู้ประกอบการ ผลพ่วงคือ ทำให้ลูกค้าไม่ได้บริการเน็ตที่มีคุณภาพที่ดีที่อย่างเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น และคลื่นที่จะนำมาประมูลก็เหลือเป็นจำนวนมาก ขายไม่ออก ทั้งที่มันควรจะขายได้บ้าง ผลคือ รัฐก็ไม่ได้ตังค์แม้แต่บาทเดียวในการประมูลรอบนั้น เพราะมัวแต่คิดจะเอาตังค์จากผู้ประกอบการให้ได้มากที่สุดอยู่ฝ่ายเดียว
ผู้ใช้บริการบางคนก็พูดว่า ให้ค่ายมือถือกำไรเยอะๆทำไม รวยกันอยู่แล้ว เอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งตรงนี้ต้องย้อนถามว่าถ้าให้ผู้ใช้บริการมาเป็นผู้บริหารเอง ทำธุรกิจค่ายมือถือเอง จะให้ทำธุรกิจแบบได้กำไรน้อย หรือไม่แสวงหาผลกำไรมั้ย ซึ่งถ้าทำอย่างนั้นหลายคนก็คงจะเบือนหน้าหนีนั่นแหละ
ฉะนั้นทางออกที่ดี คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้การประมูลคลื่นความถี่ เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ภาครัฐได้เงินจำนวนที่เหมาะสมจากการประมูลคลื่นความถี่ทุกครั้งในแต่ละปีที่เปิดการประมูล ผู้ประกอบการได้กำไรที่เหมาะสมต่อการประกอบธุรกิจ ไม่ได้กำไรมากไปแบบค้ากำไรเกินควร ไม่ได้กำไรน้อยเกินไป จนไม่สามารถนำพัฒนาการบริการด้านต่างๆได้
และให้ลูกค้าได้ใช้โปรโมชั่นอินเตอ์เน็ตในราคาที่คุ้มค่าเหมาะสมแก่การใช้งานและใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วไทย
และให้แต่ละค่ายได้ใช้คลื่นความถี่ในจำนวนที่เหมาะสมต่อกิจการโทรคมนาคม
เช่น 1 ค่ายอาจจะมีซัก 5 คลื่นความถี่ก็ได้
ค่าย a มี 900/1800/2100/2600/28 Ghz
ค่าย b มี 700/2100/2300/3500/28 Ghz
ให้แต่ละค่ายเลือกประมูลคลื่นได้ตามความต้องการที่จะให้บริการลูกค้า
ก็น่าจะเป็นหนทางที่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย