5 ประเด็นในเกมระหว่างอาร์เจนตินา ปะทะ ไอซ์แลนด์ บอลโลก2018

ลิโอเนล เมสซี่นั่งดูนักเตะคนอื่นๆโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลกที่โรงแรมของเขา หนึ่งในนั้นคือคู่ปรับตลอดกาลอย่างคริสเตียโน โรนัลโด้ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่และความสามารถของเขาอีกครั้ง จากการยิงแฮตทริกใส่คู่แข่งดีกรีแชมป์โลกปี 2010 อย่างทีมชาติสเปน และในตอนนี้โอกาสของเมสซี่ที่จะดึงแสงไฟสปอตไลท์กลับมาที่เขาอีกครั้งก็มาถึง เมื่อทีมชาติอาร์เจนตินากำลังจะได้ลงฟาดแข้งกับทีมชาติไอซ์แลนด์ในศึกฟุตบอลโลกปี 2018

ทีมชาติไอซ์แลนด์สร้างชื่อของพวกเขาในเกมการแข่งขันระดับประเทศครั้งล่าสุดในยูโรปี 2016 ขณะที่ปัจจุบันพวกเขาถูกจับมาอยู่ในกลุ่มคัดเลือกที่อาจจะเรียกได้ว่าหินที่สุดในฟุตบอลโลกปีนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีทีมม้ามืดอย่างโครเอเชีย ทีมที่มีนักเตะมากพรสวรรค์อย่างไนจีเรีย และทีมรองแชมป์โลกปีล่าสุดที่พวกเขากำลังจะได้เจอในค่ำคืนนี้

การได้เห็นพลังทำลายล้างของตัวรุกทีมชาติฟ้าขาวที่มหาโหดและน่ากลัวขนาดนี้ ทุกคนคงจินตนาการถึงภาพสยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้นกับไอซ์แลนด์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อเสียงนกหวีดยาวเป่าสิ้นสุดเวลาการแข่งขัน ทุกสิ่งทุกอย่างดันกลับตาลปัตรจนหลายคนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง และนี่คือประเด็นที่เราจะมาคุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น  



#5 เริ่มต้นเกมอย่างดุเดือด

ช่วง 15 นาทีแรกทั้งสองทีมพยายามอย่างหนักที่จะทำประตูเพื่อชิงความได้เปรียบให้กับช่วงเวลาที่เหลือ โดยพวกเขานั้นสร้างโอกาสในการทำประตูรวมกันมากกว่าช่วงเวลาที่เหลือทั้งหมดของการแข่งขัน

แล้วอาร์เจนตินาก็เกือบพลาดท่าเสียประตูตั้งแต่ที่ไอซ์แลนด์ได้มีโอกาสยิงตรงกรอบครั้งแรก ต่อมาทีมฟ้าขาวพยายามเปิดหน้าลุย แต่นั่นก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ฝั่งตรงข้ามได้มีโอกาสสวนกลับอยู่บ่อยครั้ง

ช่วงต้นเกมเป็นช่วงเวลาที่เหล่าตัวรุกของทัพอาร์เจนตินาสร้างภัยคุกคามต่อแนวรับทีมคู่แข่งได้มากที่สุด พวกเขาเลือกที่จะเก็บบอลไว้กับตัว และได้โอกาสยิงใส่คู่แข่งอยู่หลายหน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่สามารถผ่านมือของผู้รักษาประตูไปได้ (โกล์ไอซ์แลนด์ผู้ซึ่งมีอาชีพหลักเป็นผู้กำกับหนัง !!)



#4 ประตูแรกในฟุตบอลโลกของ เซร์จิโร่ อเกวโร่

ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะเป็นกองหน้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน รวมถึงการได้เป็นตำนานของทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ที่เขาได้สร้างประวัติศาสตร์โดยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกให้กับสโมสร

ถึงอย่างนั้นอเกวโร่ก็ยังสอบตกในนามของนักเตะทีมชาติอาร์เจนตินา อาจเพราะการที่ประเทศของเขานั้นเต็มไปด้วยนักเตะกองหน้าที่มากพรสวรรค์จึงทำให้ความสามารถของอเกวโร่ยังไม่โดดเด่นและน่าผิดหวังเมื่อเทียบกับตอนที่เขาเล่นให้สโมสร อีกทั้งการได้เล่นเคียงข้างนักเตะอย่างลิโอเนล เมสซี่ ยิ่งทำให้อเกวโร่ถูกมองข้ามจากสายตาคนทั้งโลก

แต่ทว่า ในค่ำคืนที่ผ่านมาอเกวโร่ก็สามารถโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นที่สุดในทีมชาติของเขา จากการเอี้ยวตัวยิงด้วยเท้าซ้ายข้างที่ไม่ถนัด ส่งให้บอลไปกองก้นตาข่ายได้สำเร็จทำให้ทีมขึ้นนำ 1-0 และกลายเป็นประตูแรกของเขากับรายการฟุตบอลโลกทันที อนิจจา ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นช่างผ่านไปไวสำหรับทีมชาติอาร์เจนตินา...  



#3 ไวกิ้ง strike back !!

กองเชียร์ไอซ์แลนด์ได้สร้างบรรยากาศที่ปลุกพลังในตัวนักเตะขึ้นเป็น 120% ด้วยเสียงเชียร์ที่พวกเขากู่ร้องผ่านความเชื่อมั่น ความสามัคคี และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างนักเตะเสมอ ทำให้จิตวิญญาณของนักรบไวกิ้งทั้ง 11 คนในสนามสู้ได้อย่างน่าชมเชยและซื้อใจคนดูได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอซ์แลนด์ได้สร้างชื่อของตัวเองในการแข่งขันระดับประเทศ และไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้สร้างปรากฏการณ์หักปากกาเซียนในโลกฟุตบอล ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ช่วงเวลาที่พวกเขาได้ช็อควงการลูกหนังด้วยการเขี่ยทีมสิงโตคำรามตกรอบในฟุตบอลยูโร จนเป็นที่มาของฉายา "แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์" นั่นเอง

ยังไงก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอาร์เจนตินานั้นยิ่งทำให้ชื่อเสียงของพวกเขากลายเป็นที่กล่าวขานในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ปกติแล้วทีมทั่วไปที่ชื่อชั้นด้อยกว่าฝั่งตรงข้ามเมื่อโดนขึ้นนำก็คงจะสูญเสียกำลังใจและแสดงอาการสิ้นหวัง แต่ไม่ใช่กับทีมอย่างไอซ์แลนด์ !!  

ทัพไวกิ้งได้ประตูตีเสมอถัดจากนั้นเพียงแค่ 4 นาที ถึงพวกเขาจะไม่ได้เล่นบอลอย่างสวยงามแต่ก็เพียงพอที่จะได้หนึ่งประตูที่สุดแสนจะสำคัญ ทั้งหมดนี้เกิดจากความเป็นนักสู้ที่ไม่ท้อถอยและความไม่เกรงกลัวต่อคู่ต่อสู้อย่างอาร์เจนตินา



#2 วิธีหยุดพลังทำลายล้างของพระเจ้า

เฮมีร์ ฮัตล์กริมส์สันใส่จิตวิญญาณของผู้ไม่ยอมแพ้ให้กับลูกทีมของเขา และความดีความชอบนั้นคงหนีไม่พ้นการเล่นที่เป็นระบบและการช่วยกันทำหน้าที่ในแนวรับของผู้เล่นทั้ง 11 คน ในขณะที่อาร์เจนตินานั้นคิดแต่ที่จะครองบอล ตรงกันข้ามกับไอซ์แลนด์ที่พยายามจะรักษาระบบการป้องกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

ทัพไวกิ้งไม่ได้วางแทคติกที่จะใช้ประโยชน์จากกับดักล้ำหน้า เพราะพวกเขารู้ตัวดีว่าไม่สามารถที่จะวิ่งตามกองหน้าของคู่แข่งได้ทัน ตลอด 90 นาทีเราจึงเห็นบ่อยๆ ที่นักเตะไอซ์แลนด์จะยืนลึกเข้ามาในแดนตัวเองรอรับการบุก และไม่กดดันอาร์เจนตินาถ้ายังไม่อยู่ในโซนอันตรายของพวกเขา

รถบัสถูกจอดขวางหน้าประตูจนนักเตะอาร์เจนตินานั้นแทบจะวิ่งชนกำแพงเมื่อพยายามที่จะทะลวงเข้าไปในเขตโทษของไอซ์แลนด์ และเมื่อไหร่ที่บอลไปถึงเมสซี่ พวกเขาจะกรูกันเข้าไปเพื่อแย่งบอลให้เร็วที่สุด รวมถึงอเกวโร่และดิ มาเรียก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มในระดับปกติของตัวเองได้เช่นกันเมื่อเจอแนวรับที่มีระบบของทีมๆนี้

ถึงแม้อาร์เจนตินาจะขึงเกมบุกล้อมกรอบเขตโทษฝั่งตรงข้ามเกือบตลอดเวลา แต่เพราะจำนวนผู้เล่นที่มากกว่าของไอซ์แลนด์ในแดนตัวเอง เป็นผลให้จังหวะการบุกเหล่านั้นไม่ได้ลุ้นสักเท่าไร โดยทีมไวกิ้งนั้นพิสูจณ์ให้โลกได้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถรักษามาตรฐานในแนวรับได้ตลอดจนจบเกม



#1  โรนัลโด้ 3-0 เมสซี่

หากคุณพยายามที่จะหลีกเลี่ยงหัวข้อโลกแตกว่าใครเก่งกว่ากันระหว่างเมสซี่ กับ โรนัลโด้ คุณคงจะต้องเลิกดูฟุตบอลนับจากนี้ไปจนกว่าพวกเขาจะแขวนสตั๊ด นั่นก็เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทั้งสองคนได้ครองความยิ่งใหญ่และสร้างปรากฎการณ์ในวงการลูกหนัง ผ่านความสามารถที่เปรียบดั่งพรประทานจากพระเจ้าที่นักเตะส่วนมากไม่อาจเอื้อมถึง

หลังจากที่โรนัลโด้ได้สวมบทฮีโร่ช่วยประเทศของเขาให้รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ต่อทีมชาติสเปน หลายๆคนก็หันมาให้ความสนใจกับชายผู้มีบารมีเทียบเท่ากันอย่างเมสซี่ว่าจะทำได้ดีแค่ไหนในเกมที่เขากำลังจะลงแข่ง

การเริ่มต้นเกมของเมสซี่นั้นดูมีความมุ่งมั่นที่จะพาทีมไปสู่ชัยชนะ จากนั้นเราทุกคนจึงเริ่มคิดว่าเขากำลังจะแสดงอภินิหารในอีกไม่ช้า และแล้วกรรมการก็เป่าจุดโทษให้กับอาร์เจนตินา ยิ่งทำให้เรายิ่งมั่นใจว่าเมสซี่จะสามารถทำในแบบที่โรนัลโด้ทำไว้ได้

ลูกบอลถูกหวดด้วยเท้าซ้ายข้างถนัด พุ่งตรงไปทางซ้ายไม่ไกลจากผู้รักษาประตู และหลังจากนั้นเราทุกคนคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นกับเขาเพียงแค่สองครั้งในนามทีมชาติเท่านั้น แม้ว่าเกมจะยังไม่จบหลังจากเหตุการณ์สุดช็อกนั้น แต่ความมั่นใจและความเยือกเย็นของเมสซี่มันจบลงตั้งแต่บอลถูกปัดออกมาจากปากประตูโดยผู้กำกับหนังแล้วล่ะครับ

แน่นอนว่ายังมีโอกาสที่เมสซี่จะแก้ตัวอีกหลายเกมในฟุตอลโลกครั้งนี้ แต่ถ้านับเฉพาะเกมแรกที่ผ่านมานั้น ก็คงจะพูดได้อย่างไม่ผิดนักว่า โรนัลโด้ 3, เมสซี่ 0



ขอบคุณที่มาจาก : https://www.sportskeeda.com/football/world-cup-2018-argentina-vs-iceland-5-talking-points-ss/5?key2=85385&key3=2927300
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่