
ได้ยินคำร่ำลือในหมู่เพื่อน ว่ามีทีเด็ดสุดๆอยู่ร้านนึงสมควรไปลอง ตั้งแต่ปีก่อน แต่ด้วยทุกอย่างต้องมีการจองล่วงหน้า
ทำให้ผมตกรอบการลิ้มรสไปเรียบร้อย จึงหมายมั่นปั้นมือว่า ปีนี้ต้องได้ พอเปิดรอบ เพื่อนแจ้งข่าวปุ๊บ
โดดใส่เลยครับ ต้องมาโดนให้ได้ จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้
เริ่มต้นบ่ายแก่ยามแดดสาดส่องกันที่ คาเฟ่บัว ถนนพระอาทิตย์ ร้านนี้ดูธรรมดาไม่มีอะไรแตกต่างจากคาเฟ่ไซส์เล็กๆทั่วไป
แต่ทีเด็ดอยู่ตรง กาแฟลาเต้บัว กาแฟลาเต้ ใส่ไซรัปกลิ่นบัว ไซรัปกลิ่นบัวช่วยขับรสและกลิ่นกาแฟให้ดันขึ้นไปอีกแบบ
แปลกจมูกแปลกลิ้นในทางที่ดี บอดี้เต็ม อาฟเตอร์เทสซัสเทนมาก เป็นประสบการณ์ไปอีกแบบ
ถือว่าดีงามมากครับ แก้วละ 90 หรือ 95 นี่ละครับ ร้านอยู่ติดกับร้านโรตีมะตะบะลุงคารีม พระอาทิตย์

ดื่มกาแฟให้ชื่นใจแล้วก็ลงเรือไปท่าน้ำนนท์กันครับ

พอขึ้นท่าน้ำนนท์แล้วก็มุ่งหน้าไปตรงหน้าธนาคารสีม่วงและสีเขียว แวะหาป้าอ้วนก่อนครับ


มาถึงก็สั่งเลย พี่ครับ เอาทุกอย่าง ไข่ดาวไม่สุก 2 เอาใส่มาก่อน 1 เดี๋ยวผมเอาอีก 1 นะครับ
แล้วก็เดินมานั่งเล่นรอข้างๆ ไม่มีโต๊ะนะครับ มีแต่เก้าอี้ นั่งทานกันง่ายๆ


ได้แล้วก็จัดซิครับ ถามว่าอร่อยมั้ย มันไม่ใช่อาหารที่ว๊าว ออร่าพุ่ง คือ มันได้ฟีลเก่าๆ
เหมือนกินข้าวผัดในโรงอาหารโรงเรียน แต่มีเครื่องเยอะกว่าที่โรงอาหารมีแค่หมูสับรวนตักราด
แต่ถ้าถามว่าแย่มั้ย ก็ไม่นะครับ ส่วนตัวชอบครับ ทานง่ายๆ ฟีลสบายๆดี ราคาก็สบายๆดี
ทั้งหมดที่เห็น + ไข่ดาวเพิ่มอีก เป็น 2 ใบ 55 บาทครับ

ทานเรียบร้อยก็มุ่งหน้าออกจากทางหอนาฬิกา ผ่านบางขวาง มุ่งหน้าถนนเลี่ยงเมือง
ระยะถึงร้านราว 2 กิโลเมตรนิดๆครับ เดินสบายๆ อากาศดียามเย็น

แล้วก็มาถึง Cafe' au Chum ร้านจะอยู่ข้างปั้มแก้ส NGV เส้นเลี่ยงเมืองนะครับ

ร้านเล็กๆง่ายๆ นั่งสบายๆ กันเอง แต่เป็นร้านที่ต้องทำการนัดหมายก่อนนะครับ ไม่ใช่คาเฟ่ทั่วไปที่เดินมานั่งทานได้เลย


แล้วมันมีดียังไง ถึงต้องจองเท่านั้น? ... คำตอบก็ง่ายมากเลยครับ เพราะเมนูที่เสริฟในร้าน ล้วนทำปริมาณจำกัด
และมีลูกค้าประจำที่รอทานอยู่ในระดับ 95% ขึ้นไป สำหรับเมนูที่ทำเสริฟได้ทั้งหมด ไม่เน้นขายเยอะ
เน้นคุณภาพ ซึ่งเป็นความพอใจของเจ้าของร้านและลูกค้าที่ถูกต้องตรงกัน
เมนูที่ผมเฝ้ารอมาทานข้ามปี คือ ดุเรียนนนอฟฟี่

ดุเรียนนอฟฟี่ จองล่วงหน้า 1 ปี มีเสริฟแค่ปีละไม่กี่สิบที่ เนื้อทุเรียนคัดระดับความสุกพอดีเป๊ะ ไม่แข็งหรือนิ่ม
ราดด้วยครีมคาปูชิโน่กับซอสช็อกโกแลต เสริฟพร้อมเค๊กช็อกโกแลตเนื้อเนียนละเอียดฉ่ำแน่นละลายในปาก
เบสด้วยนมจากนิวซีแลนด์ ลูกค้าสุขภาพไม่ดีก็ไม่ขายให้ เพราะเจ้าของร้านรักและเป็นห่วง
นอกจากนี้เมนูจะปรับตามฤดูกาลต้องคอยติดตามกันให้ดี เช่น เค๊กมะยงชิดลาวา เป็นต้น
จานนึงจัดไว้สำหรับ 1 ท่าน มันเป็นปริมาณที่พอดี พอแรกทานจะรู้สึกว่ารสเบา
แต่เมื่อทานจนหมด มันจะให้ความรู้สึกที่อิ่มเอมถึงขีดสุดพอดี
ราคาต่อจานจะอยู่ที่ 980 - 1250 แล้วแต่ราคาทุเรียนในวันนั้นๆ
เพราะทุเรียนที่ซื้อ เมื่อแกะมาแล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะสามารถใช้ได้ สุกเกินไป ดิบเกินไป ก็ไม่นำมาเสริฟให้
ต้องได้ความสุกในระดับที่เจ้าของร้านออกแบบไว้เท่านั้น

กระทู้จบ ...แยกย้ายครับ วันนี้สุขใจถึงขีดสุด คุ้มค่าการรอคอยข้ามปี
สามารถติดตามมินิรีวิว และรูปอาหารอื่นๆที่ไม่ได้ลงในพันทิป เพราะขี้เกียจหรืออะไรก็ตามแต่ได้ทาง
https://www.facebook.com/gazzareview/
https://instagram.com/gazzataste/
[CR] จากพระนครไปเมืองนนท์ เพื่อลิ้มลองของดีจองข้ามปีที่มีเพียงปีละครั้ง By แก๊ซซ่า
ได้ยินคำร่ำลือในหมู่เพื่อน ว่ามีทีเด็ดสุดๆอยู่ร้านนึงสมควรไปลอง ตั้งแต่ปีก่อน แต่ด้วยทุกอย่างต้องมีการจองล่วงหน้า
ทำให้ผมตกรอบการลิ้มรสไปเรียบร้อย จึงหมายมั่นปั้นมือว่า ปีนี้ต้องได้ พอเปิดรอบ เพื่อนแจ้งข่าวปุ๊บ
โดดใส่เลยครับ ต้องมาโดนให้ได้ จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้
เริ่มต้นบ่ายแก่ยามแดดสาดส่องกันที่ คาเฟ่บัว ถนนพระอาทิตย์ ร้านนี้ดูธรรมดาไม่มีอะไรแตกต่างจากคาเฟ่ไซส์เล็กๆทั่วไป
แต่ทีเด็ดอยู่ตรง กาแฟลาเต้บัว กาแฟลาเต้ ใส่ไซรัปกลิ่นบัว ไซรัปกลิ่นบัวช่วยขับรสและกลิ่นกาแฟให้ดันขึ้นไปอีกแบบ
แปลกจมูกแปลกลิ้นในทางที่ดี บอดี้เต็ม อาฟเตอร์เทสซัสเทนมาก เป็นประสบการณ์ไปอีกแบบ
ถือว่าดีงามมากครับ แก้วละ 90 หรือ 95 นี่ละครับ ร้านอยู่ติดกับร้านโรตีมะตะบะลุงคารีม พระอาทิตย์
ดื่มกาแฟให้ชื่นใจแล้วก็ลงเรือไปท่าน้ำนนท์กันครับ
พอขึ้นท่าน้ำนนท์แล้วก็มุ่งหน้าไปตรงหน้าธนาคารสีม่วงและสีเขียว แวะหาป้าอ้วนก่อนครับ
มาถึงก็สั่งเลย พี่ครับ เอาทุกอย่าง ไข่ดาวไม่สุก 2 เอาใส่มาก่อน 1 เดี๋ยวผมเอาอีก 1 นะครับ
แล้วก็เดินมานั่งเล่นรอข้างๆ ไม่มีโต๊ะนะครับ มีแต่เก้าอี้ นั่งทานกันง่ายๆ
ได้แล้วก็จัดซิครับ ถามว่าอร่อยมั้ย มันไม่ใช่อาหารที่ว๊าว ออร่าพุ่ง คือ มันได้ฟีลเก่าๆ
เหมือนกินข้าวผัดในโรงอาหารโรงเรียน แต่มีเครื่องเยอะกว่าที่โรงอาหารมีแค่หมูสับรวนตักราด
แต่ถ้าถามว่าแย่มั้ย ก็ไม่นะครับ ส่วนตัวชอบครับ ทานง่ายๆ ฟีลสบายๆดี ราคาก็สบายๆดี
ทั้งหมดที่เห็น + ไข่ดาวเพิ่มอีก เป็น 2 ใบ 55 บาทครับ
ทานเรียบร้อยก็มุ่งหน้าออกจากทางหอนาฬิกา ผ่านบางขวาง มุ่งหน้าถนนเลี่ยงเมือง
ระยะถึงร้านราว 2 กิโลเมตรนิดๆครับ เดินสบายๆ อากาศดียามเย็น
แล้วก็มาถึง Cafe' au Chum ร้านจะอยู่ข้างปั้มแก้ส NGV เส้นเลี่ยงเมืองนะครับ
ร้านเล็กๆง่ายๆ นั่งสบายๆ กันเอง แต่เป็นร้านที่ต้องทำการนัดหมายก่อนนะครับ ไม่ใช่คาเฟ่ทั่วไปที่เดินมานั่งทานได้เลย
แล้วมันมีดียังไง ถึงต้องจองเท่านั้น? ... คำตอบก็ง่ายมากเลยครับ เพราะเมนูที่เสริฟในร้าน ล้วนทำปริมาณจำกัด
และมีลูกค้าประจำที่รอทานอยู่ในระดับ 95% ขึ้นไป สำหรับเมนูที่ทำเสริฟได้ทั้งหมด ไม่เน้นขายเยอะ
เน้นคุณภาพ ซึ่งเป็นความพอใจของเจ้าของร้านและลูกค้าที่ถูกต้องตรงกัน
เมนูที่ผมเฝ้ารอมาทานข้ามปี คือ ดุเรียนนนอฟฟี่
ดุเรียนนอฟฟี่ จองล่วงหน้า 1 ปี มีเสริฟแค่ปีละไม่กี่สิบที่ เนื้อทุเรียนคัดระดับความสุกพอดีเป๊ะ ไม่แข็งหรือนิ่ม
ราดด้วยครีมคาปูชิโน่กับซอสช็อกโกแลต เสริฟพร้อมเค๊กช็อกโกแลตเนื้อเนียนละเอียดฉ่ำแน่นละลายในปาก
เบสด้วยนมจากนิวซีแลนด์ ลูกค้าสุขภาพไม่ดีก็ไม่ขายให้ เพราะเจ้าของร้านรักและเป็นห่วง
นอกจากนี้เมนูจะปรับตามฤดูกาลต้องคอยติดตามกันให้ดี เช่น เค๊กมะยงชิดลาวา เป็นต้น
จานนึงจัดไว้สำหรับ 1 ท่าน มันเป็นปริมาณที่พอดี พอแรกทานจะรู้สึกว่ารสเบา
แต่เมื่อทานจนหมด มันจะให้ความรู้สึกที่อิ่มเอมถึงขีดสุดพอดี
ราคาต่อจานจะอยู่ที่ 980 - 1250 แล้วแต่ราคาทุเรียนในวันนั้นๆ
เพราะทุเรียนที่ซื้อ เมื่อแกะมาแล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะสามารถใช้ได้ สุกเกินไป ดิบเกินไป ก็ไม่นำมาเสริฟให้
ต้องได้ความสุกในระดับที่เจ้าของร้านออกแบบไว้เท่านั้น
กระทู้จบ ...แยกย้ายครับ วันนี้สุขใจถึงขีดสุด คุ้มค่าการรอคอยข้ามปี
สามารถติดตามมินิรีวิว และรูปอาหารอื่นๆที่ไม่ได้ลงในพันทิป เพราะขี้เกียจหรืออะไรก็ตามแต่ได้ทาง
https://www.facebook.com/gazzareview/
https://instagram.com/gazzataste/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้