วันนี้เป็นวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน (农历)
ซึ่งถือเป็นวันเทศกาลไหว้บะจ่าง จึงถือโอกาสนี้เล่าเรื่องราวที่มาของเทศกาลนี้ให้เพื่อนๆอ่าน
ตำนานบะจ่างที่ฮิตๆมีอยู่
3 เวอร์ชั่น
เวอร์ชั่นที่ 1 เป็นเรื่องของ
ชวีหยวน ขุนนางที่ซื่อสัตย์แคว้นฉู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีชีวิตในช่วงชุนชิว (ก่อนสามก๊กประมาณ 1,000 ปี)
ซึ่งต่อมาถูกขุนนางกังฉินใส่ร้ายโดนเนรเทศ ช้ำใจ เขียนกลอนอำลา โดดลงแม่น้ำฆ่าตัวตาย
ชาวบ้านที่รัก ชวีหยวน ต่างพากันจะงมหาศพ ชวีหยวน ขณะเดียวกันก็กลัวสัตว์น้ำแทะร่าง ชวีหยวน
ซึ่งโยนข้าวเหนียวลงในแม่น้ำ หวังให้สัตว์น้ำมากินข้าวเหนียว แทนที่จะไปแทะร่าง ชวีหยวน
มีเพลงๆหนึ่งของคุณหลินหลิน ในยูทูป เล่าตำนานนี้เป็นเพลง เนื้อหาก็ตรงดี ลองฟังกันดู
และเนื่องจาก ชวีหยวน ซึ่งเป็นนักกวี ได้แต่งกลอนก่อนตาย วันนี้จึงถือเป็น
วันนักกวี อีกด้วย
เวอร์ชั่นที่ 2
ยังคงเป็นเรื่องของขุนนางที่ซื่อสัตย์ในสมัยชุนชิว คราวนี้เป็นเรื่องของ อู๋ จื่อ ซวี
คนร่วมสมัยเดียวกับ
ซุนวู เจ้าตำรับพิชัยสงครามที่เลื่องชื่อที่สุด
อู๋ จื่อ ซี 伍子胥 เป็นอุปราชแคว้นหวู 吴国 จงรักภักดีต่อบ้านเมือง ตามหวูอ๋อง ไปปราบแคว้นเย่ว์ 越国
แต่แคว้นเย่ว์ตอนนั้นได้กุนซือที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์จีนคนหนึ่งคือ
ฟ่านหลี 范蠡 มาบัญชาการรบ
แคว้นหวู่เลยพ่ายแพ้ หวูอ๋องตาย ฟูไช ผู้ลูกเป็นอ๋องแทน ยกทัพไปล้างแค้นแคว้นเย่ว์
คราวนี้ปราบแคว้นเย่ว์ได้ จับอ๋องเย่ว์พร้อมภรรยาและขุนนางไปเป็นทาส
อู๋ จื่อ ซวี แนะนำท่านอ๋องให้ถอนรากถอนโคน แต่ท่านอ๋องไม่เห็นด้วย
ต่อมาฝั่งเย่ว์ใช้
กลอุบายหญิงงาม ส่งตัว ไซซี 西施 มาทำให้ฟูไซลุ่มหลง
อู๋ จื่อ ซี มองกลนี้ออก เฝ้าทัดทาน หวูอ๋อง ๆ รำคาญมากเลยเอากระบี่ให้ อู๋ จื่อ ซวี ฆ่าตัวตาย
ก่อนตาย อู๋ จื่อ ซวี สั่งคนให้
ควักดวงตาทั้งสองข้างของตน ไปไว้ในทิศทางที่แคว้นเย่ว์จะบุกเข้ามา
หวูอ๋องฟูไซ รู้ข่าวยิ่งโกรธ สั่งให้เอาศพ อู๋ จื่อ ซี ไปทิ้งแม่น้ำ ชาวเมืองรักในตัวขุนนางคนนี้
เลยโยนข้าวเหนียวไปในแม่น้ำ เจตนาเหมือนเวอร์ชั่นหนึ่ง
โปสเตอร์ภาพยนต์เรื่อง ไซซี (มีหลายเวอร์ชั่นมาก)
เวอร์ชั่นที่ 3
เรื่องนี้เกิดในช่วงเวลาสมัยตงฮั่น (สามก๊กก็อยู่ในสมัยนี้)
มีเด็กสาวอายุ 14 คนหนึ่งเป็นลูกชาวประมงชื่อ
เฉาเอ๋อ 曹娥
วันหนึ่งเกิดพายุใหญ่ ชาวประมงผู้พ่อจมน้ำหายไป เฉาเอ๋อ ร้อนใจตั้งนานพ่อยังไม่โผล่ ตัดสินใจโดดลงน้ำ
เพื่อช่วยพ่อ ผ่านไปหลายวันพายุสงบลงแล้วแต่ทั้งสองพ่อลูกก็ยังไม่โผล่ เพื่อนบ้านจึงออกช่วยกันค้นหา
โดยโยนข้าวเหนียวลงน้ำ เจตนาเหมือนทุกเวอร์ชั่น ไม่ให้สัตว์น้ำมากินศพพ่อลูก
ผ่านไป 17 วัน ศพเด็กสาวโผล่ขึ้นมาในสภาพกอดบิดา ชาวเมืองสรรเสริญในความกตัญญู
จึงเกิดเป็นตำนานนี้ขึ้นมา ซึ่งต่อมาทางการตั้งชื่อแม่น้ำที่เป็นจุดเกิดตำนานนี้ว่า
"แม่น้ำเฉาเอ๋อ 曹娥江"
ภาพแม่น้ำ เฉาเอ๋อ ในมณฑล
เจ้อเจียง 浙江
มีนักร้องอมตะนิรันดร์กาลคนหนึ่งได้ร้องเพลงเกี่ยวกับ
บะจ่าง เอาไว้ เพลงนี้ฮิตติดชาร์ทมาถึงทุกวันนี้
นักร้องคนนี้เกือบทุกคนอย่างน้อยต้องเคยได้ยินชื่อของเธอ
เติ้ง ลี่ จวิน 邓丽君
เพลง ขายบะจ่าง เติ้งลี่จวิน ขับร้อง
(อยากให้ดูคลิปนี้จนจบ เดี๋ยวตอนอ่านเนื้อเรื่องต่อไปจะได้ซาบซึ้งพฤติกรรมเธอมากขึ้น)
ประวัติของ เติ้งลี่จวิน หาอ่านได้มากมายทุกแง่ทุกมุม แต่ในเมื่อ จขกท เป็นคนห้องราชดำเนิน เลยอยากเล่า
วีรกรรมของเธอเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
เติ้งลี่จวิน คนนี้
มีความรักชาติมาก ช่วงที่จีนแผ่นดินใหญ่ ปีนเกลียวกับ ไต้หวัน
ลี่จวิน เชียร์ไต้หวัน ที่ไหนมีการกล่อมขวัญทหาร เธอมีเวลาว่างจะไป
แสดงสดกล่อมขวัญทหาร
อย่างในคลิปข้างบนก็เป็นการแสดงสดท่ามกลางทหารในประเทศไต้หวัน
ภาพที่เธอไปกล่อมขวัญทหารตามหน่วยต่างๆมีมากมาย
เมื่อใดที่เธอร้องเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับประเทศของเธอ feeling ที่เธอร้อง
เธอใส่สุดตัว ปลุกอารมณ์คนที่ฟังอยู่ฮึกเหิมมีพลังมากขึ้น ดังเช่นเพลงนี้
ที่บทเพลงกล่าวถึง
ที่มาของประเทศจีน และจะอยู่ยั้งยืนยงตราบชั่วฟ้าดินสลาย
中华民国颂
เมื่อคราวมีเรื่องปราบนักศึกษาที่ จัตุรัสเทียนอันเหมิน 天安门 เติ้งลี่จวิน จัดคอนเสิร์ตช่วยนักศึกษา
ที่ฮ่องกง ท่ามกลางคนดูหลายแสนคน เธอประกาศจุดยืนว่า
"บ้านฉันอยู่คนละฝั่งกับภูผาใหญ่"
แปลว่า
"ขอยืนตรงข้ามกับรัฐบาลจีน"
จากพฤติกรรมดังกล่าว ในความทรงจำที่ จขกท มีต่อ เติ้งลี่จวิน ก็คือ
ซุปเปอร์สตาร์ที่มีความรักชาติ ยากที่จะมีคนที่สองเยี่ยงเธอ

ในช่วงเดือนมิถุนายน ค.ศ 1989 (พ.ศ 2532)
นักศึกษาชุมนุมประท้วงรัฐบาลจีน จ้าวจื่อหยาง ผู้นำหุ่นเชิดของจีน ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง
ของนักศึกษา แต่ เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำตัวจริงสั่งปราบรุนแรง พร้อมกับปลด จ้าวจื่อหยาง
แล้วตั้ง เจียงเจ๋อหมิง มาแทน เจียงเจ๋อหมิง มีแนวคิดจะปิดประเทศคล้ายช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม
รวมไปถึงปิดกั้นความเจริญที่เริ่มเข้ามาที่จีน ช่วงนั้นแม้แต่เสียงเพลงของ เติ้งลี่จวิน
ก็เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย ต้องหาซื้อในตลาดมืดแอบฟังกัน

เติ้งเสี่ยวผิง ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ แต่ช่วงนั้นเกษียรแล้ว
เดินทางไปกว่างโจวกับอีกหลายเมือง ประกาศจุดยืนว่า
"จีนต้องเดินตามแนวสมัยใหม่ ใครไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ให้กลับบ้านไป"
เจียงเจ๋อหมิง ที่อยู่ปักกิ่ง ฟังแล้วหนาวขึ้นมาทันที รีบยกเลิกความคิดที่จะปิดประเทศเปลี่ยนเป็น
เปิดเสรีทางด้านเศรษฐกิจ แต่ด้านการปกครองยังยึดแนว 1 ประเทศ 2 ระบบ ต่อไป
ป.ล เรื่องตำนาน บะจ่าง เป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมา แต่งเติมไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยเหมือนในรายละเอียด ฟังเพลินๆก็พอ
ป.ล 2 เนื่องจากเติ้งเสี่ยวผิง มีแซ่เดียวกับ เติ้งลี่จวิน ในช่วงราวทศวรรษ 80 มีวลีหนึ่งว่า
"กลางวันผู้เฒ่าเติ้งคุมประเทศ แต่กลางคืนเติ้งน้อยเป็นผู้คุม"
ความหมายก็คือ กลางวันเติ้งเสี่ยวผิงบริหารประเทศ
แต่ตกกลางคืนทุกคนจะฟังแต่ (เพลงของ) เติ้งลี่จวิน
ป.ล 3 เชื่อไหมว่า ?
หนึ่งนิ้วที่เติ้งชูในรูป สามารถลดกำลังพลของจีนได้ 1 ล้านคนใน 1 ปี !!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วันหน้าจะเล่าให้ฟัง
ป.ล 4 พักเรื่องบอลโลกสัก 2 วัน ขอแทรกเรื่องการเมืองก่อน
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** 18/6/2561 ตำนานบะจ่าง....เติ้งลี่จวิน....นโยบายเปิดประเทศ cnck
ซึ่งถือเป็นวันเทศกาลไหว้บะจ่าง จึงถือโอกาสนี้เล่าเรื่องราวที่มาของเทศกาลนี้ให้เพื่อนๆอ่าน
ตำนานบะจ่างที่ฮิตๆมีอยู่ 3 เวอร์ชั่น
เวอร์ชั่นที่ 1 เป็นเรื่องของ ชวีหยวน ขุนนางที่ซื่อสัตย์แคว้นฉู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งต่อมาถูกขุนนางกังฉินใส่ร้ายโดนเนรเทศ ช้ำใจ เขียนกลอนอำลา โดดลงแม่น้ำฆ่าตัวตาย
ชาวบ้านที่รัก ชวีหยวน ต่างพากันจะงมหาศพ ชวีหยวน ขณะเดียวกันก็กลัวสัตว์น้ำแทะร่าง ชวีหยวน
ซึ่งโยนข้าวเหนียวลงในแม่น้ำ หวังให้สัตว์น้ำมากินข้าวเหนียว แทนที่จะไปแทะร่าง ชวีหยวน
มีเพลงๆหนึ่งของคุณหลินหลิน ในยูทูป เล่าตำนานนี้เป็นเพลง เนื้อหาก็ตรงดี ลองฟังกันดู
และเนื่องจาก ชวีหยวน ซึ่งเป็นนักกวี ได้แต่งกลอนก่อนตาย วันนี้จึงถือเป็น วันนักกวี อีกด้วย
เวอร์ชั่นที่ 2
ยังคงเป็นเรื่องของขุนนางที่ซื่อสัตย์ในสมัยชุนชิว คราวนี้เป็นเรื่องของ อู๋ จื่อ ซวี
คนร่วมสมัยเดียวกับ ซุนวู เจ้าตำรับพิชัยสงครามที่เลื่องชื่อที่สุด
อู๋ จื่อ ซี 伍子胥 เป็นอุปราชแคว้นหวู 吴国 จงรักภักดีต่อบ้านเมือง ตามหวูอ๋อง ไปปราบแคว้นเย่ว์ 越国
แต่แคว้นเย่ว์ตอนนั้นได้กุนซือที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์จีนคนหนึ่งคือ ฟ่านหลี 范蠡 มาบัญชาการรบ
แคว้นหวู่เลยพ่ายแพ้ หวูอ๋องตาย ฟูไช ผู้ลูกเป็นอ๋องแทน ยกทัพไปล้างแค้นแคว้นเย่ว์
คราวนี้ปราบแคว้นเย่ว์ได้ จับอ๋องเย่ว์พร้อมภรรยาและขุนนางไปเป็นทาส
อู๋ จื่อ ซวี แนะนำท่านอ๋องให้ถอนรากถอนโคน แต่ท่านอ๋องไม่เห็นด้วย
ต่อมาฝั่งเย่ว์ใช้ กลอุบายหญิงงาม ส่งตัว ไซซี 西施 มาทำให้ฟูไซลุ่มหลง
อู๋ จื่อ ซี มองกลนี้ออก เฝ้าทัดทาน หวูอ๋อง ๆ รำคาญมากเลยเอากระบี่ให้ อู๋ จื่อ ซวี ฆ่าตัวตาย
ก่อนตาย อู๋ จื่อ ซวี สั่งคนให้ควักดวงตาทั้งสองข้างของตน ไปไว้ในทิศทางที่แคว้นเย่ว์จะบุกเข้ามา
หวูอ๋องฟูไซ รู้ข่าวยิ่งโกรธ สั่งให้เอาศพ อู๋ จื่อ ซี ไปทิ้งแม่น้ำ ชาวเมืองรักในตัวขุนนางคนนี้
เลยโยนข้าวเหนียวไปในแม่น้ำ เจตนาเหมือนเวอร์ชั่นหนึ่ง
โปสเตอร์ภาพยนต์เรื่อง ไซซี (มีหลายเวอร์ชั่นมาก)
เวอร์ชั่นที่ 3
เรื่องนี้เกิดในช่วงเวลาสมัยตงฮั่น (สามก๊กก็อยู่ในสมัยนี้)
มีเด็กสาวอายุ 14 คนหนึ่งเป็นลูกชาวประมงชื่อ เฉาเอ๋อ 曹娥
วันหนึ่งเกิดพายุใหญ่ ชาวประมงผู้พ่อจมน้ำหายไป เฉาเอ๋อ ร้อนใจตั้งนานพ่อยังไม่โผล่ ตัดสินใจโดดลงน้ำ
เพื่อช่วยพ่อ ผ่านไปหลายวันพายุสงบลงแล้วแต่ทั้งสองพ่อลูกก็ยังไม่โผล่ เพื่อนบ้านจึงออกช่วยกันค้นหา
โดยโยนข้าวเหนียวลงน้ำ เจตนาเหมือนทุกเวอร์ชั่น ไม่ให้สัตว์น้ำมากินศพพ่อลูก
ผ่านไป 17 วัน ศพเด็กสาวโผล่ขึ้นมาในสภาพกอดบิดา ชาวเมืองสรรเสริญในความกตัญญู
จึงเกิดเป็นตำนานนี้ขึ้นมา ซึ่งต่อมาทางการตั้งชื่อแม่น้ำที่เป็นจุดเกิดตำนานนี้ว่า "แม่น้ำเฉาเอ๋อ 曹娥江"
ภาพแม่น้ำ เฉาเอ๋อ ในมณฑล เจ้อเจียง 浙江
มีนักร้องอมตะนิรันดร์กาลคนหนึ่งได้ร้องเพลงเกี่ยวกับ บะจ่าง เอาไว้ เพลงนี้ฮิตติดชาร์ทมาถึงทุกวันนี้
นักร้องคนนี้เกือบทุกคนอย่างน้อยต้องเคยได้ยินชื่อของเธอ เติ้ง ลี่ จวิน 邓丽君
เพลง ขายบะจ่าง เติ้งลี่จวิน ขับร้อง
(อยากให้ดูคลิปนี้จนจบ เดี๋ยวตอนอ่านเนื้อเรื่องต่อไปจะได้ซาบซึ้งพฤติกรรมเธอมากขึ้น)
ประวัติของ เติ้งลี่จวิน หาอ่านได้มากมายทุกแง่ทุกมุม แต่ในเมื่อ จขกท เป็นคนห้องราชดำเนิน เลยอยากเล่า
วีรกรรมของเธอเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
เติ้งลี่จวิน คนนี้มีความรักชาติมาก ช่วงที่จีนแผ่นดินใหญ่ ปีนเกลียวกับ ไต้หวัน
ลี่จวิน เชียร์ไต้หวัน ที่ไหนมีการกล่อมขวัญทหาร เธอมีเวลาว่างจะไปแสดงสดกล่อมขวัญทหาร
อย่างในคลิปข้างบนก็เป็นการแสดงสดท่ามกลางทหารในประเทศไต้หวัน
ภาพที่เธอไปกล่อมขวัญทหารตามหน่วยต่างๆมีมากมาย
เมื่อใดที่เธอร้องเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับประเทศของเธอ feeling ที่เธอร้อง
เธอใส่สุดตัว ปลุกอารมณ์คนที่ฟังอยู่ฮึกเหิมมีพลังมากขึ้น ดังเช่นเพลงนี้
ที่บทเพลงกล่าวถึงที่มาของประเทศจีน และจะอยู่ยั้งยืนยงตราบชั่วฟ้าดินสลาย
中华民国颂
เมื่อคราวมีเรื่องปราบนักศึกษาที่ จัตุรัสเทียนอันเหมิน 天安门 เติ้งลี่จวิน จัดคอนเสิร์ตช่วยนักศึกษา
ที่ฮ่องกง ท่ามกลางคนดูหลายแสนคน เธอประกาศจุดยืนว่า "บ้านฉันอยู่คนละฝั่งกับภูผาใหญ่"
แปลว่า "ขอยืนตรงข้ามกับรัฐบาลจีน"
จากพฤติกรรมดังกล่าว ในความทรงจำที่ จขกท มีต่อ เติ้งลี่จวิน ก็คือ
ซุปเปอร์สตาร์ที่มีความรักชาติ ยากที่จะมีคนที่สองเยี่ยงเธอ
ในช่วงเดือนมิถุนายน ค.ศ 1989 (พ.ศ 2532)
นักศึกษาชุมนุมประท้วงรัฐบาลจีน จ้าวจื่อหยาง ผู้นำหุ่นเชิดของจีน ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง
ของนักศึกษา แต่ เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำตัวจริงสั่งปราบรุนแรง พร้อมกับปลด จ้าวจื่อหยาง
แล้วตั้ง เจียงเจ๋อหมิง มาแทน เจียงเจ๋อหมิง มีแนวคิดจะปิดประเทศคล้ายช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม
รวมไปถึงปิดกั้นความเจริญที่เริ่มเข้ามาที่จีน ช่วงนั้นแม้แต่เสียงเพลงของ เติ้งลี่จวิน
ก็เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย ต้องหาซื้อในตลาดมืดแอบฟังกัน
เติ้งเสี่ยวผิง ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ แต่ช่วงนั้นเกษียรแล้ว
เดินทางไปกว่างโจวกับอีกหลายเมือง ประกาศจุดยืนว่า
"จีนต้องเดินตามแนวสมัยใหม่ ใครไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ให้กลับบ้านไป"
เจียงเจ๋อหมิง ที่อยู่ปักกิ่ง ฟังแล้วหนาวขึ้นมาทันที รีบยกเลิกความคิดที่จะปิดประเทศเปลี่ยนเป็น
เปิดเสรีทางด้านเศรษฐกิจ แต่ด้านการปกครองยังยึดแนว 1 ประเทศ 2 ระบบ ต่อไป
ป.ล เรื่องตำนาน บะจ่าง เป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมา แต่งเติมไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยเหมือนในรายละเอียด ฟังเพลินๆก็พอ
ป.ล 2 เนื่องจากเติ้งเสี่ยวผิง มีแซ่เดียวกับ เติ้งลี่จวิน ในช่วงราวทศวรรษ 80 มีวลีหนึ่งว่า
"กลางวันผู้เฒ่าเติ้งคุมประเทศ แต่กลางคืนเติ้งน้อยเป็นผู้คุม"
ความหมายก็คือ กลางวันเติ้งเสี่ยวผิงบริหารประเทศ
แต่ตกกลางคืนทุกคนจะฟังแต่ (เพลงของ) เติ้งลี่จวิน
ป.ล 3 เชื่อไหมว่า ? หนึ่งนิ้วที่เติ้งชูในรูป สามารถลดกำลังพลของจีนได้ 1 ล้านคนใน 1 ปี !!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ป.ล 4 พักเรื่องบอลโลกสัก 2 วัน ขอแทรกเรื่องการเมืองก่อน