๒๒๔. เนสา สภา ยตฺถ น สนฺติ สนฺโต.
สัตบุรุษไม่มีในชุมนุมใด ชุมนุมนั้นไม่ชื่อว่าสภา.
สํ. ส. ๑๕๒๗๐. ขุ. ชา. อสีติ. ๒๘๑๕๑.
“ถ้าต้องใช้คำศัพท์ ต่อเรื่องที่กระเทือนมากมายในเช่นทุกวันนี้ เช่นนี้ ก็ต้องพูดกันเรื่อง “วล” หรือ “พล” ที่เป็นคำพูดไม่แตกต่างกัน โดยอรรถ เมื่อบัณฑิตเช่นพวกเราจะไม่ต้องการกำชัยชนะไว้ด้วยวิธีส่อเสียด ก็จึงควรจะเป็นไปตามเหตุ-ผล! แท้ ที่นิมิตอันต่างๆ นั้นจะพากระทำไว้ให้เป็น อยู่ด้วยอักขระภาวะ
ในสิ่งที่เป็นภายนอกทั้งหลาย อะไรจะเป็นประโยชน์อย่างไรก็ได้ เพราะถือที่การลงใจ ไปตรงกะที่จะหักล้างมิได้อีก ให้เชื่อเป็นอย่างอื่นไม่ได้, เช่นการทุจริตนั้น จะเชื่อถือเป็นสิ่งชั่ว ก็กลับเชื่อถือเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะถือว่า ตนและสังคมถือ และเป็นไปโดยลิขิต อันมิลงกัน, ไม่ลงกันก็เพราะว่า ไม่เชื่อ และไม่กำหนดเหตุ-ผล! ต่อสิ่งภายนอกที่จะเชื่อ เหนือยิ่งไปกว่าความดี และความเลว ว่า ๚ “มิได้เป็นหุ่นยนต์สรีระ แก่วัฏฏะสงสาร ยิ่งไปกว่าอักขระ จะกำหนดไว้ให้เป็นจารึก”
ที่แท้เรื่องนี้ คนที่อ้าง หวง หรือห่วง!ทุจริต ว่าไม่จริง! จึงคิดว่าไม่จริง จริงๆ ว่าตัวคล้องเวลา เพื่อที่จะผูกความเชื่อต่อ “วล” หรือ “พล” หาได้กล่าวต่อสุจริต หรือทุจริตจะเป็นได้ เพราะอย่างอื่นอีก ให้อวดกันแบบนี้ แต่แรกว่า ก็ตนถือว่าปลุกคนไว้ด้วยบทเพลง ซะด้วยก่อน จะต้องมีอำนาจ เพราะเชื่อมต่อกับคำว่า “วล” หรือ “พล” ด้วยคำว่าเพลง! และเชื่อว่า เป็นเพราะ เวลา! อันอื่นและตัวข้าพระองค์ หม่อมฉันเองจะเป็นคนคล้องเวลาอันเลวร้ายชนิดอันนี้ไว้อย่างนี้แหละ ไว้ให้เป็นสุจริตแก่ใจที่จะเสียสละ อันตกลงตรงที่มีคำศัพท์มีค่าสูงไปกว่า สมบัติใดในโลกที่คนจะหวงแหน
ดั่งนี้ ก็พูดต่อไม่ได้แล้ว เพราะไม่คิดว่าจะเป็นจริงในเพราะอย่างอื่นอีก คือไม่เชื่อว่า ในวาระที่ ๖ ความเชื่อถือนั้น ก็จะเป็นอันว่า ยึดถือเอาไว้ไม่ได้ เพราะวาระที่ ๖ คือใจ! มีใจเป็นใหญ่เข้าแก้ไขแล้ว ย่อมจะอยู่เหนือสรรพสิ่งออกไป ดุจเมฆฝนที่มาตามฤดูกาล เพราะนักษัตร ตกลงโดยที่ไม่ต้องอาศัยวาระ ให้เป็น “พล” หรือ “วล” ด้วยถือว่าจะต้องผูกศัพท์ หรือต้องคล้องเวลาไว้ ให้ต้องเป็นอะไร หรืออะไรไม่ได้”
เพราะ เวลา! อันอื่นและตัวข้าพระองค์
สัตบุรุษไม่มีในชุมนุมใด ชุมนุมนั้นไม่ชื่อว่าสภา.
สํ. ส. ๑๕๒๗๐. ขุ. ชา. อสีติ. ๒๘๑๕๑.
“ถ้าต้องใช้คำศัพท์ ต่อเรื่องที่กระเทือนมากมายในเช่นทุกวันนี้ เช่นนี้ ก็ต้องพูดกันเรื่อง “วล” หรือ “พล” ที่เป็นคำพูดไม่แตกต่างกัน โดยอรรถ เมื่อบัณฑิตเช่นพวกเราจะไม่ต้องการกำชัยชนะไว้ด้วยวิธีส่อเสียด ก็จึงควรจะเป็นไปตามเหตุ-ผล! แท้ ที่นิมิตอันต่างๆ นั้นจะพากระทำไว้ให้เป็น อยู่ด้วยอักขระภาวะ
ในสิ่งที่เป็นภายนอกทั้งหลาย อะไรจะเป็นประโยชน์อย่างไรก็ได้ เพราะถือที่การลงใจ ไปตรงกะที่จะหักล้างมิได้อีก ให้เชื่อเป็นอย่างอื่นไม่ได้, เช่นการทุจริตนั้น จะเชื่อถือเป็นสิ่งชั่ว ก็กลับเชื่อถือเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะถือว่า ตนและสังคมถือ และเป็นไปโดยลิขิต อันมิลงกัน, ไม่ลงกันก็เพราะว่า ไม่เชื่อ และไม่กำหนดเหตุ-ผล! ต่อสิ่งภายนอกที่จะเชื่อ เหนือยิ่งไปกว่าความดี และความเลว ว่า ๚ “มิได้เป็นหุ่นยนต์สรีระ แก่วัฏฏะสงสาร ยิ่งไปกว่าอักขระ จะกำหนดไว้ให้เป็นจารึก”
ที่แท้เรื่องนี้ คนที่อ้าง หวง หรือห่วง!ทุจริต ว่าไม่จริง! จึงคิดว่าไม่จริง จริงๆ ว่าตัวคล้องเวลา เพื่อที่จะผูกความเชื่อต่อ “วล” หรือ “พล” หาได้กล่าวต่อสุจริต หรือทุจริตจะเป็นได้ เพราะอย่างอื่นอีก ให้อวดกันแบบนี้ แต่แรกว่า ก็ตนถือว่าปลุกคนไว้ด้วยบทเพลง ซะด้วยก่อน จะต้องมีอำนาจ เพราะเชื่อมต่อกับคำว่า “วล” หรือ “พล” ด้วยคำว่าเพลง! และเชื่อว่า เป็นเพราะ เวลา! อันอื่นและตัวข้าพระองค์ หม่อมฉันเองจะเป็นคนคล้องเวลาอันเลวร้ายชนิดอันนี้ไว้อย่างนี้แหละ ไว้ให้เป็นสุจริตแก่ใจที่จะเสียสละ อันตกลงตรงที่มีคำศัพท์มีค่าสูงไปกว่า สมบัติใดในโลกที่คนจะหวงแหน
ดั่งนี้ ก็พูดต่อไม่ได้แล้ว เพราะไม่คิดว่าจะเป็นจริงในเพราะอย่างอื่นอีก คือไม่เชื่อว่า ในวาระที่ ๖ ความเชื่อถือนั้น ก็จะเป็นอันว่า ยึดถือเอาไว้ไม่ได้ เพราะวาระที่ ๖ คือใจ! มีใจเป็นใหญ่เข้าแก้ไขแล้ว ย่อมจะอยู่เหนือสรรพสิ่งออกไป ดุจเมฆฝนที่มาตามฤดูกาล เพราะนักษัตร ตกลงโดยที่ไม่ต้องอาศัยวาระ ให้เป็น “พล” หรือ “วล” ด้วยถือว่าจะต้องผูกศัพท์ หรือต้องคล้องเวลาไว้ ให้ต้องเป็นอะไร หรืออะไรไม่ได้”