ในวันนี้ผมได้เข้าใจว่าทำไมบริษัทจำนวนมาก ถึงอยากได้แค่เด็กจากมหาลัยดัง

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทของผม คงไม่เกิดขึ้นกับทุกคนและไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไป

สวัสดีครับผมเป็นเจ้าของบริษัทเล็ก ๆ บริษัทหนึ่งในกรุงเทพฯ
และช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทของผมได้รับ นิสิต/นักศึกษา เข้ามาฝึกงานในบริษัทจำนวน 5 คน และเป็นครั้งแรกที่รับนักศึกษาจากมหาลัย
มีเด็กจาก ม.ดัง 1 คน มาจาก ม.ค่อนข้างมีชื่อเสียง 2 คน และเป็นครั้งแรกที่รับนักศึกษาจากม.ที่คนชอบพูดถึงในเชิงดูถูก 2 คน(ซึ่งเป็นประเด็นในวันนี้)ครับ

เริ่มงานวันแรกวันจันทร์ที่ 11 มิ.ย. ครับ มีเด็กมาแค่ 3 คน อีกสองคนที่ว่านี้ไม่ได้มา ผมก็นึกว่าเขาเลือกไปทำที่อื่น ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน
วันถัดมาเด็ก 2 คนที่พูดถึงเข้ามาที่บริษัท ผมก็เลยถามว่าทำไมเมื่อวานไม่มา น้องเขาก็บอกว่าในใบฝึกงานแจ้งว่าให้มาวันนี้ (12 มิ.ย.)
อ่าวโอเค ไม่เป็นไรคนเราผิดพลาดกันได้ อาจจะผิดพลาดที่ตัวผมเองที่ส่งไปผิดผมก็คิดแบบนั้น แต่จริงๆในแบบฟอร์มที่ทำคือเป็นชุดเดียวกัน
กับเด็กฝึกงานคนที่มาตรงวัน อาจจะผิดพลาดที่มหาลัยพิมพ์หรือผิดพลาดที่ตัวเด็กอันนี้ผมไม่รู้ ถือว่ายังอยู่ในขั้นที่รับไหว

ก็เลยให้น้องๆไปนั่งรวมกันกับเพื่อนที่มาก่อน แล้วผมก็พูดว่า "ที่นี่ไม่ซีเรียสมากนะ อยากรู้อะไรเป็นพิเศษถามได้ ห้องอีกห้องนึงเป็นห้องไว้หาข้อมูลใช้กันได้ตามสบายเลยนะ" แล้วก็แจกแจงงานที่ต้องทำไปให้ น้องสองคนนั้นก็ขอใช้ห้องหาข้อมูล ผมก็ตกลง แล้วก็หายยย ไปเลยทั้งวันจนถึงเวลาเลิกงาน
น้องก็ออกมาแล้วขอตัวกลับบ้านแบบตรงเวลาเป๊ะ

วันที่สอง ผมก็ให้ทำงานที่สั่งกันต่อไม่มีอะไรมากมาย งานที่ว่าเนี่ยคือ ให้วางแผนการทำงานของตัวเองมาว่าต้องการเรียนรู้อะไร
ฝึกงานกับที่นี่แล้วจะได้อะไรกลับไป .... ตกบ่าย น้องทั้งสองคนหลับคาโต๊ะ เพื่อนๆทำงานอยู่ พนักงานออฟฟิสคนอื่นๆก็ทำงานกันอยู่
ผมงงว่า เห้ยแบบนี้ได้ด้วยหรอ? นี่วันที่สองนะ ทำกันขนาดนี้แล้วมันไม่ใช่แล้วมั้ง ผมก็ฝากลูกน้องตักเตือนน้องๆเขา แล้วหวังว่าวันถัดไปจะไม่เกิดขึ้นอีก

และวันนี้เป็นวันที่ 3 ของการทำงาน งานที่ให้ไป (แผนการทำงานของตัวเองที่ว่าเนี่ยแหละ) น้องทำไม่เสร็จไม่มีอะไรให้ดู
ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีอะไรเลย ผมตักเตือนอีกครั้ง ซึ่งผมไม่ใช่คนที่ดุ น้องก็ดูเหมือนไม่สำนึก.... แล้วตกบ่ายก็หลับอีกครั้ง
ทำไมเด็กที่มาฝึกงานคนอื่นๆจากมหาลัยอื่นๆไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมไม่ทราบว่ามีใครสอนมั้ยว่าไม่ควรทำแบบนี้ แต่เอาจริงๆ
เรื่องมารยาทในที่ทำงาน หรือในห้องเรียนมันก็เป็นสิ่งที่ควรมีโดยที่ไม่ต้องสอนหรือเปล่า

ผมควรทำยังไงต่อไป ผมมีสิทธิ์ที่จะไล่เด็กฝึกงานออกได้ไหม? หรือผมควรจะแจ้งเข้าไปที่มหาลัยหรือผู้ดูแลการฝึกงานของเด็กก่อน
ผมคิดว่าจะรอให้ฝึกให้จบๆไปทำไรก็ทำแล้วรอให้ผลการประเมินไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ผมก็รู้สึกว่า
มันเสียเวลาของผม เสียทรัพยากร เสียหลายๆอย่าง ความรู้สึกและอื่นๆ

ผมรู้ว่าจริงๆแล้วคนที่จบจากมหาลัยนี้เนี่ย ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคน ทีดีก็มีที่แย่ก็มีปนกันไป
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รับเข้ามา แล้วก็เจอแบบนี้เลยผมไม่โอเค แล้วถ้าผมเขียนไปในใบรับสมัครเด็กฝึกงานในปีหน้า
ผมเขียนว่า"ไม่รับเด็กจากมหาลัยนี้" เด็กที่อยู่ที่มหาลัยนี้ก็คงจะออกมาด่ากันเหมือนที่เคยมีข่าว

ผมว่าหลายๆบริษัทที่ไม่รับเด็กจากมหาลัยบางที่ หรือ Require เด็กที่จบจากมหาลัยดังเค้าก็อาจจะมีเหตุผลเดียวกัน
เหมือนที่ผมได้พบในครั้งนี้ มันน่าเสียดายนะครับ ที่แค่คนสองคนทำให้ผมรู้สึกไม่อยากได้เด็กที่มาจากมหาลัยนี้อีกเลย

Edit เพิ่มเติม : เหมือนหลายๆคนจะหลงประเด็นนิดนึงนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าน้องๆที่มาจากม.ไม่ดังไม่เก่งสักครั้ง ตอนมาทำต้องมี Portfolio อยู่แล้วครับ ต้องผ่านมาตรฐานที่ทางบริษัทกำหนดแล้วในระดับหนึ่ง ในกรณีผมคือสไตล์งานของน้องสามารถต่อยอดในบริษัทผมได้จึงรับเข้ามาครับ แต่ที่พูดถึงในประเด็นนี้คือเรื่องความรับผิดชอบในหน้าที่การงานครับ

ล่าสุดน้องๆสองคนที่มีปัญหาพฤติกรรมดีขึ้นมากมีงานทำโปรเจคแล้ว เหตุผลที่ตอนแรกพฤติกรรมแย่น้องได้บอกมาแล้ว ผมมองว่ามันไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีแต่ว่าก็พอฟังขึ้นในระดับนึง จะขอไม่เปิดเผยเพราะว่าจะทำให้เสียชื่อเสียงมหาลัยมากกว่าเดิมเพราะเกี่ยวข้องกับบุคลากรของมหาลัยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
ขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในฐานะที่ก็เจอคน มาสมควรระดับหนึ่งครับ

1. ผมเชื่อตามที่เจ้าของกระทู้บอกครึ่งหนึ่ง เพราะ
ผมยกตัวอย่างง่ายๆ เด็กมหาลัยดังอันดับหนึ่งในประเทศ มีเด็กอยู่100คน  อาจจะมีเด็กเกเรไม่เรียนซัก10คน แต่10คนนั้นก็มีความสามารถพอที่จะเรียนจบ
เด็กมหาลัยเล็กๆเล็กๆที่หนึ่ง มีเด็ก100 คน อาจจะมีเด็กเรียนเก่งจริงๆแต่ขาดโอกาสด้วยหลายๆเหตุผลแล้วแต่ครอบครัวอยู่10คน  ที่เหลือ90คนอาจจะเละเทะไม่ได้ความ

นี่คือ1 เหตุผลที่ทำไมเราถึงรับเด็กมหาลัยดังๆ เพราะโอก่าเจอของดีๆมันมากกว่า มันหาง่ายกว่าครับ

ผมไม่รู้หรอกว่าเด็กจบจากมหาลัยเล็กๆที่ได้เกรด4.00 จะสู้กับเด็กมหาลัยดังๆที่ได้เกรด2.00 ได้หรือเปล่า  เพราะผมไม่เคยเจอกับตัวจริงๆ


2.ผมเชื่อสิ่งที่ผมเคยเจอมา
ผมสัมภาษณ์เด็กทุกคน ไม่ว่าจะจบจากไหน เกรดเท่าไหร่ ผมเคยทะเลาะกับHR เพราะบริษัทไม่รับเด็กที่เกรดต่ำกว่า2.5
ผมก็ทะเลาะกับHRเพราะ มันไม่ได้หมายความว่าเด็กต่ำกว่า2.5 ทุกคนจะไม่ดี แต่เราอาจจะเหนื่อยหาเพราะมันอาจจะหายากเท่านั้น

ผมเชื่อในคำว่า "put the right man on the right job"

ผมเคยรับเด็กจบอันดับ1,2,3ของมหาลัยในประเทศไทยมาทำงาน[กลุ่มแรก]
ข้อดีที่ผมเห็นชัดๆเลยและชัดมาก
1. หัวไว เรียนรู้ไว
2.พัฒนาเร็ว
3.ปฎิสัมพันธ์ดี มีมารยาท

ข้อเสียที่ผมเจอมาอย่างชัดเจนเช่นกัน
1.เหนื่อยไม่เอา งานถึกไม่ชอบ
2.ทำงานต้องแรกผลประโยชน์เสมอ เจรจาต่อรองยาก
3.จะมี egoมากกว่าปกติเสมอ


และผมก็เคยรับเด็กจบมหาลัยเล็กๆเกรดแย่ๆ[กลุ่ม2]
ข้อดีที่ผมเห็นชัดๆเลยคือ
1.ถึก ทน ยากไม่บ่น เหนื่อยไม่บ่น
2.ขอให้สอนให้รู้ว่าทำยังไง อย่างละเอียด เดี๋ยวที่เหลือไปทำเอง
3.บางครั้งก็ทำสิ่งที่เหลือเชื่อได้ เช่น ผมสั่งงาน ซึ่งมันเป็นงานที่ถึกมาก และมันไม่มีทางลัดอื่นๆใดๆ แล้วเขาสามารถทำมันเสร็จด้วยเวลาเพียงครึ่งเดียวที่ผมให้ (ผมเคยทำมันมาก่อน)
ความชำนาญที่เกิดจากการทำซ้ำๆ พวกนี้จะเรียนรู้เร็วมาก
4.egoไม่มี เพราะเขารู้ตัวเองว่าเขาไม่ได้มาprofile ดีเด่นโด่งดัง ซึ่งสอนง่าย

ข้อเสียที่ผมเจอ
1.เรียนรู้ไม่เร็วเท่ากลุ่มแรก  แต่ถ้ามีคู่มี แบบแผนอะไรพร้อม เขาทำได้หมด ขอแค่อย่าคิดเยอะ เอาแบบsimple เข้าใจง่ายๆ
2.อาจมีเกเรบ้าง แต่ก็เป็นเกเรตามประสาเด็กๆที่ไม่ได้มีประเด็นสำคัญ ดุหน่อยเตือนหน่อยก็เข้าใจ


ที่ผมยกตัวอย่างมา คือคนที่ผมชอบ
ถามว่าเป็นแบบนี้ทุกคนไหม ก็บอกเต็มปากเลยว่าไม่
เพราะ มนุษย์ทุกคนมีความแตกต่างกันออกไป ไม่มีใครเหมือนกัน
พวกดีเลิศประเสริฐแบบกลุ่มแรกก็มีแบบที่ไม่มีข้อเสีย แต่มันก็หายากหน่อย
พวกดีเลิศประเสริฐแบบกลุ่มสองก็มี แบบที่ไม่มีข้อเสีย แต่มันก็หายากหน่อย

และคำถามยอดฮิตก็ตามมา แล้วเสียดายไหม ที่คนที่เราอุส่าเข้าใจ สอนงาน เรียนรู้อยุ่ด้วยกันมาแล้วเขาลาออก เราจะทำยังไง
1.ผมก็เสียใจนะ อยู่ด้วยกันมานาน แต่ผมก็ไม่รั้งไว้หรอก เพราะทุกๆคนก็มีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีกว่าให้ตัวเอง จะมากั๊ก หวงกันไว้ทำไม
2.ถ้าทำงานเป็นระบบ เป็นprocessจริงๆ ไม่ต้องห่วงหรอก คนออกกี่คน ก็เอามาแทนได้ ไม่ยากหรอก

พวกบุคคลปาฏิหาริย์ที่ถ้าไม่มีแล้วบริษัทจะเจ๊งมันมีไม่เยอะหรอกในบริษัทบริษัทหนึ่งที่มีคนเป็นหมื่นๆ อาจจะมีไม่เกิน10คนหรอกครับ และไม่ต้องหวังว่าจะเป็นเรา


สุดท้าย ยืดยาวมาตั้งนาน
สำหรับผม  เมื่อก่อนผมก็เคยคิดแบบ จขกท คิดครับ และสิ่งที่ จขกท คิดมันไม่ได้ผิดนะ
แต่พอเวลาผ่านไปซักพัก ผมคิดของผมเองว่า
1.คนทุกคนมีค่า และมีความหมาย ถ้าเขาอยู่ในจุดที่ใช่ จุดที่ถูกต้อง และคนที่จะทำให้เขาอยู่ในจุดที่ถูกต้อง คือหัวหน้าของเขา
2.ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง หรือ เก่งตามที่เราอยากให้เป็นเสมอ เพราะแม้แต่ตัวเราเอง ยังไม่ได้เก่งทุกอย่างเลย
3.ถ้างานมีปัญหา อย่าโทษลูกน้อง อย่าโบ้ยความผิดให้ลูกน้องในทีม เพราะเราเป็นหัวหน้าทีม หน้าที่เราคือรับผิดชอบ ดูแลทีม  การที่มีคนในทีม ที่คุณไม่ไว้ใจ มันเป็นความผิดของคุณเองที่ทำให้เป็นแบบนั้น
4.ทุกคนมีเวลาหมดพลัง  เวลาที่ทำงานจนแบตหมดแล้ว ต้องการพัก ผมเคยเจอเด็กคนหนึ่ง
เขาขยันมากมาตั้งแต่เช้า6.30 ถึงoffice กลับตอน19.30  ผมก็งงว่าทำไมเขาถึงมาเช้ากลับดึก เขาบอกว่าบ้านเขาอยู่ไกล เดินทางลำบาก กลัวมาไม่ทัน รถก็ติด
ผมก็เข้าใจ และแน่นอนการมาแต่เช้า กลับมืด สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตอนบ่ายๆ เขาจะหลับ เพราะพลังงานมันหมด  ผมไม่เคยว่าเด็กคนนั้นเลย และพี่ๆในทีมคนอื่นก็ไม่เคยว่าเด็กคนนั้น เพราะสิ่งที่เขาทำ มันชัดเจนอยู่แล้ว เขาทำงานมากกว่าพี่ๆเขาด้วยซ้ำ
5.มาสาย เมาค้าง อกหัก รักคุด  ถ้ามันไม่ใช้งานที่ serious เรื่องเวลาเช่น งานบริการลูกค้า งานหน้า front office  ผมไม่ถือเลยนะ ทุกคนมีจังหวะตกต่ำ ย่ำแย่ บัดซบในชีวิตได้ มันไม่ผิด  แต่อย่านาน ผมให้สุดๆ2สัปดาห์ ถ้าไม่มีเหตุผลอะไร
มากกว่านี้ผมก็ดำเนินการตามโทษบริษัทจริงๆ  แต่ก็ไม่ใช่มาสายจนน่าเกลียดนะ ก็ต้องมีความเคารพ เกรงใจกันอยู่  ถึงจะอยู่ด้วยกันได้


ปล.แค่นี้แหละครับ คนแก่ เล่านิทาน
ความคิดเห็นที่ 4
ผมเคยเรียนวิชา quality control
อาจารย์บอกว่า คุณภาพต้องคุมตั้งแต่ต้นขบวนการ
ถ้าวัตถุดิบที่เข้ามาเป็นขยะ เราไม่สามารถทำให้มันเป็นทองได้
ความคิดเห็นที่ 5
เป็นผม
จะเรียก น้อง เค้ามา ไต่ถามสอบสวนว่า เหตุใด ถึงปฏิบัติตัว ผิดระเบียบ การทำงาน  
ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ในการทำงานในองค์กร เพราะถือได้ว่า น้องเค้าเสมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง
และ ทำการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ว่ากระทำผิดระเบียบ ข้อใดขององค์กร

โดยว่าไปตามระเบียบ

คาดโทษด้วยว่า หากเกินเหตุการณ์ขึ้นอีก มีความจำเป็นต้องแจ้งไปยังต้นสังกัด เพื่อขอส่งตัวกลับ
ทำตาม Step เหมือนพนักงานครับ

แต่ การปฏิเสธ คนมาฝึกงานเป็นสิทธิ์ ของบริษัทฯ ไม่จำเป็นต้องสำแดงผ่านสื่อ ก็ได้ นะครับ
คุณจะ Block ใบสมัคร เป็นสิทธิ์โดยชอบ ของคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่