สวัสดีค่ะ มีเพื่อนๆหลายคนใช่มั้ยคะที่มีการฟุ้งซ่าน ควบคุมความคิดตัวเองไม่ได้ ชอบคิดเรื่องลบให้ตนเองปวดหัว คิดแล้วคิดอีกคิดซำ้ไปมา
วันนี้เราจะมาช่วยบอกวิธีการแก้ปัญหากันค่ะซึ่งเราเองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกันแต่ของเรามันรุนแรงจนคิดว่าตัวเองเป็นโรคประสาทแล้วด้วยซ้ำ เราเลยอยากจะมาบอกต่อวิธีการด้วยตัวเองค่ะ
สาเหตุของการเกินความคิดฟุ้งซ่านคือ การที่เราเป็นคนคิดมาก วิตกกังวลอยู่บ่อยๆ จึงทำให้เราเป็นคนขี้ระแวง กลัวว่าจะเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ขึ้นกับเรา การคิดฟุ้งซ่านแบ่งออกเป็นหลายแบบ ยกตัวอย่างในชีวิตประจำวันเราคือ
1. ความคิดฟุ้งซ่านเรื่องที่เป็นความจริง
2. ความคิดฟุ้งซ่านเรื่องที่เป็นความเท็จ
3. ความคิดฟุ้งซ่านเพราะวิตกกังวล
4. ความคิดฟุ้งซ่านเพราะได้ยินคนอื่นพูดอะไรบางอย่างเราก็เลยเก็บมาคิด
อันนี้แค่ยกตัวอย่างนะคะ หลายคนอาจจะคิดเรื่องที่นอกเหนือไปจากนี้แต่จะคิดเรื่องไหนเราก็สามารถควบคุมและหยุดมันได้เหมือนกันค่ะ เราไปดูวิธีการควบคุมมันกันเลย
วิธีการหยุดความคิดฟุ้งซ่าน คือ
1. การหาต้นเหตุของความคิด เมื่อเราเจอต้นเหตุแล้วให้เราทางดับความคิดนั้น เช่น นั่งสมาธิทบทวนความคิด และ คิดถึงแง่บวกของความคิดนั้น
2. การออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ง่ายมากค่ะ เพราะเป็นวิธีที่ทำให้เลือดสูบชีดไปทั่วร่างกายและสมอง และยังเป็นการคลายเครียด ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย
3. ลองระบายเรื่องที่ไม่สบายใจให้คนที่ไว้ใจฟังและคิดว่าเขาจะเข้าใจเรา เช่น คุณพ่อและคุณแม่
4. อย่าทำตัวว่าง เพราะ เราจะคิดฟุ้งซ่านส่วนมากคือเวลาที่เราว่าง เพราะสมองเราไม่รู้ว่าจะคิดอะไรจึงผุดความคิดมันขึ้นมา
5. การพึ่งธรรมะ เป็นวิธีที่ได้ผลจริง การฟังธรรมะ นั่งสมาธิ เข้าวัด ทำให้เรารู้สึก ปลอดโปร่ง และ สบายใจ
6. เป็นคนคิดแง่บวก ให้เราเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นคนคิดแง่บวก คิดดี ทำดี จะเป็นการทำให้ความคิดเราจำแต่เรื่องดีๆ คิดแต่เรื่องดีๆ
7. หากิจกรรมทำยามว่าง เช่น อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย ฟังเพลง
ทริคในการควบคุมความคิด อ่านแล้วความคิดเปลี่ยน
ให้เราจำไว้ว่า ในชีวิตเราต้องผ่านอะไรยากๆมาตั้งเยอะแยะ แค่ความคิดที่ไม่ดีแค่นี้มันทำอะไรเราไม่ได้ บางทียิ่งเราลืมมันยิ่งคิดเพราะสมองส่วนความคิดขยะ มันจะคิดว่า เราจะลืมได้มันก็จะยิ่งโถมความคิดเข้ามาอีกทำให้เราคิดหนักขึ้นๆๆจนฝังแน่นและครอบงำ แต่มันทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเราเก่งกว่ามัน และเราสามารถเอาความคิดดีครอบงำความคิดขยะได้ ให้เราคิดว่า ความคิดนี้มันให้ประโยชน์อะไรแก่แต่ให้คิดแต่ข้อดี แล้วขอบคุณมันว่ามันสอนอะไรแก่เรา ทำให้เรามีความคิดที่เปลี่ยนไป มีความคิดดีขึ้น และความคิดแย่ๆเหล่านั้นสุดท้ายก็จะกลายเป็นอดีตไป เป็นแค่บทเรียนในอดีต และให้เราคิดแต่สิ่งดีๆที่จะมาถึงในอนาคต แต่สิ่งสำคัญอย่าลืมคิดถึงปัจจุบันนะคะ
เราเชื่อว่าทุกคนจะสามารถผ่านบทเรียนนี้ไปได้ค่ะ สู้ๆนะคะ
การควบคุมความคิดฟุ้งซ่าน
วันนี้เราจะมาช่วยบอกวิธีการแก้ปัญหากันค่ะซึ่งเราเองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกันแต่ของเรามันรุนแรงจนคิดว่าตัวเองเป็นโรคประสาทแล้วด้วยซ้ำ เราเลยอยากจะมาบอกต่อวิธีการด้วยตัวเองค่ะ
สาเหตุของการเกินความคิดฟุ้งซ่านคือ การที่เราเป็นคนคิดมาก วิตกกังวลอยู่บ่อยๆ จึงทำให้เราเป็นคนขี้ระแวง กลัวว่าจะเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ขึ้นกับเรา การคิดฟุ้งซ่านแบ่งออกเป็นหลายแบบ ยกตัวอย่างในชีวิตประจำวันเราคือ
1. ความคิดฟุ้งซ่านเรื่องที่เป็นความจริง
2. ความคิดฟุ้งซ่านเรื่องที่เป็นความเท็จ
3. ความคิดฟุ้งซ่านเพราะวิตกกังวล
4. ความคิดฟุ้งซ่านเพราะได้ยินคนอื่นพูดอะไรบางอย่างเราก็เลยเก็บมาคิด
อันนี้แค่ยกตัวอย่างนะคะ หลายคนอาจจะคิดเรื่องที่นอกเหนือไปจากนี้แต่จะคิดเรื่องไหนเราก็สามารถควบคุมและหยุดมันได้เหมือนกันค่ะ เราไปดูวิธีการควบคุมมันกันเลย
วิธีการหยุดความคิดฟุ้งซ่าน คือ
1. การหาต้นเหตุของความคิด เมื่อเราเจอต้นเหตุแล้วให้เราทางดับความคิดนั้น เช่น นั่งสมาธิทบทวนความคิด และ คิดถึงแง่บวกของความคิดนั้น
2. การออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ง่ายมากค่ะ เพราะเป็นวิธีที่ทำให้เลือดสูบชีดไปทั่วร่างกายและสมอง และยังเป็นการคลายเครียด ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย
3. ลองระบายเรื่องที่ไม่สบายใจให้คนที่ไว้ใจฟังและคิดว่าเขาจะเข้าใจเรา เช่น คุณพ่อและคุณแม่
4. อย่าทำตัวว่าง เพราะ เราจะคิดฟุ้งซ่านส่วนมากคือเวลาที่เราว่าง เพราะสมองเราไม่รู้ว่าจะคิดอะไรจึงผุดความคิดมันขึ้นมา
5. การพึ่งธรรมะ เป็นวิธีที่ได้ผลจริง การฟังธรรมะ นั่งสมาธิ เข้าวัด ทำให้เรารู้สึก ปลอดโปร่ง และ สบายใจ
6. เป็นคนคิดแง่บวก ให้เราเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นคนคิดแง่บวก คิดดี ทำดี จะเป็นการทำให้ความคิดเราจำแต่เรื่องดีๆ คิดแต่เรื่องดีๆ
7. หากิจกรรมทำยามว่าง เช่น อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย ฟังเพลง
ทริคในการควบคุมความคิด อ่านแล้วความคิดเปลี่ยน
ให้เราจำไว้ว่า ในชีวิตเราต้องผ่านอะไรยากๆมาตั้งเยอะแยะ แค่ความคิดที่ไม่ดีแค่นี้มันทำอะไรเราไม่ได้ บางทียิ่งเราลืมมันยิ่งคิดเพราะสมองส่วนความคิดขยะ มันจะคิดว่า เราจะลืมได้มันก็จะยิ่งโถมความคิดเข้ามาอีกทำให้เราคิดหนักขึ้นๆๆจนฝังแน่นและครอบงำ แต่มันทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเราเก่งกว่ามัน และเราสามารถเอาความคิดดีครอบงำความคิดขยะได้ ให้เราคิดว่า ความคิดนี้มันให้ประโยชน์อะไรแก่แต่ให้คิดแต่ข้อดี แล้วขอบคุณมันว่ามันสอนอะไรแก่เรา ทำให้เรามีความคิดที่เปลี่ยนไป มีความคิดดีขึ้น และความคิดแย่ๆเหล่านั้นสุดท้ายก็จะกลายเป็นอดีตไป เป็นแค่บทเรียนในอดีต และให้เราคิดแต่สิ่งดีๆที่จะมาถึงในอนาคต แต่สิ่งสำคัญอย่าลืมคิดถึงปัจจุบันนะคะ
เราเชื่อว่าทุกคนจะสามารถผ่านบทเรียนนี้ไปได้ค่ะ สู้ๆนะคะ