ทำไมปรัสเซียถึงพ่ายแพ้นโปเลียนในระยะเวลาอันรวดเร็วนัก

นี้อาจเป็นคำถามที่ใครๆหลายคนใคร่สงสัย ทั้งที่ปรัสเซียขึ้นชื่อว่า มีกองทัพที่มีระเบียบที่สุดในโลก ภายใต้การนำของพระเจ้าเฟรเดอริกมหาราช ทำให้กองทัพของรัฐๆเล็กๆนี้มีชัยเหนือทั้ง ฝรั่งเศส รัสเซีย ออสเตรีย แต่ไฉนถึงพ่ายแพ้นโปเลียนในเวลาไม่ถึงเดือน ซึ่งปัจจัยมันกอปรด้วยหลายปัจจัยด้วยกันครับ แต่ขอเล่าย้อนไปก่อนช่วงก่อนเกิดสงครามนโปเลียน

ในปี ค.ศ.1786 พระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชสิ้นพระชนม์ได้ทิ้งบัลลังก์ให้หลานนั้นคือ พระเจ้า Frederick William II พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ไม่ใส่ใจในการทหารสักเท่าไหร่ ทรงทิ้งให้ท่าน Duke of Brunswick เป็นผู้ดูแลกิจการด้านการทหาร โครงสร้างกองทัพปรัสเซีย ในตอนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นทหารผ่านศึกจากสงคราม 7 ปี ที่มีประสบการณ์ในการรบสูง แต่เริ่มล้าหลังในยุทธวิธี ทั้งด้านการฝึก อาวุธ กลยุทธ์ในการรบก็เหมือนกับสมัยพระเจ้า เฟรเดอริกมหาราช เป๊ะๆ ไม่มีการพัฒนาแต่อย่างใด จนในที่สุด สงครามปฎิวัติฝรั่งเศสก็ระเบิดขึ้นในปี ค.ศ.1792 ปรัสเซียได้เข้าร่วมกับฝ่าย Coalition หรือ สัมพันธมิตร เพื่อโค้นล่มสาธารณรัฐฝรั่งเศส กองทัพของท่าน Duke of Brunswick อันมีระเบียบวินัยและมากด้วยประสบการณ์ได้เดินทัพไปยัง กรุงปารีส หมายปิดฉากสงคราม แต่เขากลับพ่ายแพ้ ให้กับกองทัพประชาชนฝรั่งเศสผู้รักชาติ และ ไร้ระเบียบในการยุทธที่ Valmy .... ความพ่ายแพ่ครั้งนี้สร้างความอับอายให้เขายิ่งนัก

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามปรัสเซียถอนตัวออกจากสงครามในปี ค.ศ.1795 และคงสถานภาพเป็นกลางตลอด (กว่าจะจบอีกครั้งก็ยุคของ นโปเลียน) ในปี ค.ศ.1797 พระเจ้า Frederick William II สิ้นพระชนม์ โอรสของเขา พระเจ้า Frederick William III ขึ้นครองราชย์แทน ในต้นรัชสมัยของพระองค์ ได้พยายามดำเนินนโยบายเป็นกลาง และพัฒนาการปกครอง เศรษฐกิจภายใน แต่ก็ยังไม่วายต้องมีข้อพิพาทกับฝรั่งเศส จนนำไปสู่สงครามกับฝรั่งเศส ด้วยกรณีแรกเลยนั้นคือ ข้อพิพาทเมือง Hanover ....ใน ปี ค.ศ.1803 ฝรั่งเศสยกทัพเข้าโจมตีเมือง Hanover ในเยอรมันที่เป็นเขตอิทธิพลของอังกฤษ แต่การยึดเมือง Hanover ในครั้งนี้นั้นก็สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของปรัสเซียไปโดยปริยาย เพราะมันตั้งอยู่ใกล้ชายแดนปรัสเซียเหลือเกิน และเมื่อ สงครามสัมพันธมิตรครั้งที่ 3 ระเบิดขึ้นในปลายปี ค.ศ.1804 กองทัพอันเกรียงไกรของนโปเลียนเคลื่อนเข้ามาในเยอรมันเพื่อตีวงล้อมเมือง Ulm..... แต่ จอมพล Bernadotte ของฝรั่งเศสก็ "เนียน" ยึดเมือง Ansbach ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการยุทธครั้งนี้ แต่มันอยู่ในเขตของปรัสเซีย!! เรื่องนี้ทำให้ปรัสเซียไม่พอใจ ฝรั่งเศสยิ่งขึ้น แต่หลังจากสงครามจบลงด้วยชัยชนะของฝรั่งเศส นโปเลียนสัญญาว่าจะมอบเมือง Hanover ให้ปรัสเซียแลกกับ Ansbach ที่ยึดไปถือว่าเจ๊าๆกัน

แต่เรื่องมันยิ่งเลวร้ายลงเมื่อนโปเลียนแต่งตั้งน้องเขย จอมพลเจ้าชาย Joachim Murat เป็นท่าน Grand Duchy แห่ง Berg และ Cleves ซึ่งเป็นดินแดนในเยอรมันและตั้งใกล้พรมแดนปรัสเซีย น้องเขยตัวแสบของนโปเลียนก็ไปไล่ทหารปรัสเซียที่อยู่แถบนั้นให้ไปให้พ้นจากเขตของเขา ยิ่งเป็นการสุมไฟใส่ชนวนที่กำลังจะประทุเต็มทน แต่ชนวนระเบิดสงครามที่รุนแรงจริงๆนั้นเห็นที่จะเป็นการก่อตั้ง "สหพันธรัฐแห่งลุ่มแม่น้ำไรน์" (Confederation of the Rhine) ในเดือน กรกฎาคม ค.ศ.1806 ซึ่งเป็นการรวบรวมรัฐยิบๆย่อยๆในเยอรมันทางตะวันตกและใต้เข้ามาเป็นอาณาจักรต่างๆภายใต้การพิทักษ์ของ นโปเลียน เป็นการเพิ่มพูนอิทธิพลในเยอรมันของนโปเลียนให้แข็งแกร่งขึ้น แต่มันก็เป็นภัยอย่างมหันต่อปรัสเซียซึ่งมีพรมแดนอยู่ในเยอรมันเช่นกัน ในตอนนี้สงครามใกล้จะระเบิดเต็มทนเหลือเพียงชนวนเล็กๆเท่านั้นที่จะมาติดมันซึ่งเกิดขึ้นใน สิงหาคม ค.ศ.1806 เมื่อ นักชาตินิยมชาวเยอรมัน Johann Philipp Palm ถูกประหารชีวิต เนื่องจากตีพิมพ์ข่าวที่ให้ร้ายนโปเลียน นั้นเป็นเหตุให้ปรัสเซียประกาศสงครามกับฝรั่งเศส....

ภายใต้แรงกดดันจากสภาและภรรยาสุดที่รักของพระเจ้า Frederick William III พระราชินี Louise แห่ง Mecklenburg-Strelitz ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1806 ปรัสเซียประกาศสงครามกับฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุผลที่ว่า "ปลดปล่อยชาวเยอรมันจากการกดขี่ของต่างชาติ" ถึงแม้สโลแกนจะดูสวยหรูมีความชาตินิยมเขากับกระแสโลกในตอนนั้น แต่นี่กำลังจะกลายเป็นความผิดพลาดครั้งร้ายแรงที่กษัตริย์ปรัสเซียจะต้องจำไปจนวันตาย ถามว่าผิดพลาดเรื่องอะไรผมจะมาซอยย่อยให้ทีละประเด็น

1.อย่างที่ผมบอกไปข้างต้น กองทัพปรัสเซียนั้นไม่ได้รับพัฒนาอะไรเพิ่มเติมเลยนับจากยุคของพระเจ้าเฟรเดอริกมหาราช ทั้งด้านการยุทธ์ การฝึก แม้กระทั่งอาวุธเรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกันเป๊ะๆในขณะที่ กองทัพฝรั่งเศสนั้นได้รับการปฎิรูปเป็นที่เรียบร้อย

2. ในแง่ยุทธศาสตร์นั้นนับว่าผิดพลาดอย่างร้ายแรง จริงอยู่ที่ปรัสเซียมีพันธมิตร เป็น ชาติมหาอำนาจคือ อังกฤษ และ รัสเซีย ซึ่งหากสนธิกำลังทั้งสิ้นจะมีทหารเกือบ 400,000 นาย แต่ตอนประกาศสงครามนั้นรัสเซียยังไม่พร้อมรบเลยแม้แต่น้อย เพราะยังเจ็บหนักจากสงครามครั้งก่อน (กว่าจะพร้อมก็หลังจากปรัสเซียเละตุ้มเป๊ะแล้ว) อังกฤษและสวีเดนก็อยู่ไกลเกินกว่าจะสนับสนุนได้อย่างทันถ่วงทีทำให้ปรัสเซียมีกำลังรบจริงๆเพียง 200,000 นาย เท่านั้น ตรงข้ามกับฝรั่งเศสที่มีกำลังพลกว่า 300,000 แสนนาย เรียงรายอยู่ตามชายแดนของปรัสเซีย เมื่อประกาศสงคราม กองทัพดังกล่าวก็เคลื่อนพลเข้าสู่ปรัสเซียอย่างพร้อมเพรียง

3. ในโครงสร้างการบัญชาการก็นับว่ากำกวมเพราะปรัสเซียมีเสนาธิการทหารทั้ง 3 คน และก็ไม่มีคำสั่งมาว่าใครจะมีอำนาจสูงสุดดังนั้นจึงเกิดการถกเถียงกันในด้านแผนการณ์ยุทธวิธีต่างๆ ก่อให้เกิดความยุ่งยากและสับสน ในตอนแรกว่ากันว่ามีแผนการรบถึง 5 แผนเลยทีเดียว!!! กว่าจะตัดสินกันได้ นโปเลียนก็ยกทัพข้ามแดนมาเรียบร้อย

ด้วย 3 ปัจจัยหลักนี้ทำให้ปรัสเซียพ่ายแพ้อย่างยับเยินในการยุทธที่ Jena-Auerstedt เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1806 กองทัพของพระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชอันเคยเกรียงไกรถูกทำลายลงในวันเดียว ส่วนที่เหลือแตกกระจายและสู้รบพลางถอยพลาง ในวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ.1806 นโปเลียนก็เคลื่อนทัพเข้าเบอร์ลินอย่างง่ายดาย นับเป็นเวลาเพียง 3 สัปดาห์เศษๆเท่านั้นที่ประกาศสงครามออกไป!! แม้เศษเสี้ยวกองทัพปรัสเซียที่เหลือจะไปรวมกับกองทัพรัสเซียที่เพิ่งเดินทางมาถึงแต่ก็ช้าเกินการณ์ กองทัพรัสเซียก็ถูกทำลายเช่นกัน และชัยชนะก็ตกเป็นของฝรั่งเศสอีกครั้ง หลังจากความพ่ายแพ้อันอดสูนี้ ปรัสเซียก็ทำการปฎิรูปกองทัพขนานใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทำสงครามอีกครั้งและเพื่อชำระแค้นนโปเลียน




นโปเลียนเคลื่อนทัพเข้ากรุงเบอร์ลิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่