JJNY : ปฏิรูปดี๊ดี...ซี้จุกสูญ เสวนาชี้ ‘ทีแคส’ ทฤษฎีดี ปฏิบัติจริงปัญหาเพียบ ทำเด็กเป็นหนูทดลอง

กระทู้คำถาม
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 มิถุนายน ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเวทีจุฬาฯเสวนา ครั้งที่ 13 เรื่อง “ทีแคส-ทีใคร มองอนาคตการศึกษาไทย” โดยมี ดร.เจษฎา ศาลาทอง ภาควิชาสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬา ดำเนินรายการ

ผศ.ดร.ประเสริฐ คันธมานนท์ เลขาธิการที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) กล่าวว่า วันนี้เราเตรียมการดำเนินการทีแคสรอบที่ 4 ซึ่งเป็นรอบแอดมิชชั่นเดิม สมัครวันที่ 12-16 มิ.ย. จำนวนรับที่ลงทะเบียนไว้รอบนี้มีราวแปดหมื่นกว่าคน นอกจากนี้ได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือเรียกว่า พี่ช่วยน้องสอบทีแคส ในต่างจังหวัดมี 4 แห่ง เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลานครินทร์ ศิลปากร และในกรุงเทพฯอีก 5 แห่ง โดยเตรียมช่วยเหลือปัญหาต่างๆ เพื่อประสานงานการช่วยเหลือ จะมีคนคอยรับโทรศัพท์ตอบคำถาม โดยให้มหาวิทยาลัยช่วยกันตอบคำถามประเด็นเดือดร้อนทั้งหลาย

“ที่เป็นประเด็นคือรอบ 3 ยืนยันว่าการกันที่ปีหน้าคงลดลง เนื่องจากปีนี้ไม่สามารถปรับเรื่องการจัดลำดับได้ จึงมี รอบ3/2 มาช่วย และก็มีประเด็นตามมาอีก ปีปัญหาว่า กสพท.มากันที่ และเรื่องการไม่จัดลำดับ เชื่อว่าปีหน้าเราจัดการปัญหานี้ได้แน่นอน เราเห็นวิธีแล้วแต่ต้องร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเยอะมาก เพราะเกณฑ์การตัดสินเป็นของมหาวิทยาลัย ซึ่งเรามี 3พันหลักสูตร ก็จะมี 3 พันเกณฑ์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องระยะเวลาขาดช่วงเกินไประหว่างรอบแรกกับรอบสุดท้าย เราพยายามให้โอกาส ปีหน้าก็จะทำเรื่องนี้ใหม่ให้กระชับขึ้น” ผศ.ดร.ประเสริฐกล่าว

ด้านนายมนัส อ่อนสังข์ บรรณาธิการข่าวการศึกษาและแอดมิชชั่น เว็บไซต์ DEK-D.COM กล่าวว่า สิบปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนระบบสามครั้ง อาจไม่แฟร์กับเด็กที่ต้องเตรียมตัว เพราะต้องมีการเตรียมตั้งแต่ม.4 ทีแคสเหมือนเป็นเทศกิจ มหาวิทยาลัยเหมือนพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ จัดระเบียบให้ขายเป็นเวลาพร้อมกัน รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายจากที่เด็กต้องเสียค่าเดินทางและที่พักไปสอบแต่ละมหาวิทยาลัย จึงเปลี่ยนมาให้ใช้ข้อสอบกลางและนำคะแนนไปยื่น และให้สอบหลังจบ ม.6 เพราะในระบบก่อน เมื่อขึ้นม.6แล้วต้องเริ่มสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลย จนต้องทิ้งการเรียน

“ทีแคสไม่ได้เอาไปทดลองใช้จริงก่อน เป็นทฤษฎีที่ดี แต่ปฏิบัติแล้วเกิดปัญหา ทปอ. เช่นที่ว่าลดค่าที่พักค่าเดินทางจากการสอบตรงได้ แต่พอเอามาใช้ กลับมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่แพงกว่า เช่น ทีแคสมี 5 รอบ รอบแรกยื่นพอร์ตโฟลิโอ ทุกมหาวิทยาลัยห้ามจัดสอบ แต่บางคณะเช่นคณะแพทย์ใช้พอร์ตโฟลิโอยื่นอย่างเดียวไม่ได้จึงเลี่ยงใช้คะแนนจากสถาบันที่จัดสอบ ทำให้ผู้สมัครมีค่าใช้จ่ายมาก บางที่เสียถึง 7 พันบาท มากกว่านั่งเครื่องบินไปสอบโดยตรงที่มหาวิทยาลัย

“รอบ 3 ที่ผ่านมามีปัญหาการกั๊กที่ แต่ทปอ.บอกว่าทีแคสลดการกั๊กที่ได้ เพราะสมัยก่อนเด็กติด 10 ที่ สมัยนี้ติดได้มากสุด 4 ที่ แต่น้องๆบอกว่า ระบบก่อนคนที่ติด 10 ที่คือคนเก่งมากมีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก แต่ระบบใหม่ให้ทุกคนสมัครได้มากสุด 4 ที่ เพิ่มการกั๊กมากขึ้น พอทุกคนเลือก 4 ที่ ก็เกิดปัญหาอย่างที่เห็น น้องๆ ตำหนิกันมากว่า ทปอ. ไม่ได้ทดสอบระบบก่อน จึงเรียกรุ่นตัวเองว่ารุ่นหนูทดลอง และหลายคนมองว่าทีแคสทฤษฎีสวย แต่การจัดการไม่ดี แม้เข้าใจว่าคนเก่งติดได้มากกว่าหนึ่งที่ แต่กลับไม่มีการเรียกตัวสำรองขึ้นมาจึงเกิดการกั๊กที่ ทปอ.ก็ทราบแต่ยืนยันว่าจะไม่มีระบบตัวสำรอง ให้ไปรอรอบ4


“ทีแคสกะทันหันมาก บางมหาวิทยาลัยยังเตรียมตัวไม่ทัน มหาวิทยาลัยหนึ่งมีโควตาพื้นที่ แต่ปรากฏว่าสมัครได้ทั้งประเทศ ทำให้หลายคนเสียสิทธิเพราะไม่ทราบว่าสมัครได้ทั่วประเทศ บางมหาวิทยาลัยก็เปลี่ยนเกณฑ์ฉุกเฉิน เช่นธรรมศาสตร์ที่ต้องมีการเยียวยาคนที่เสียสิทธิ ล่าสุดลาดกระบังเปลี่ยนเกณฑ์กะทันหัน โดยกำหนดเพิ่มว่าคนจะสมัครได้ต้องมีคะแนนเกินครึ่ง โดยไม่มีการบอกว่าเปลี่ยนเกณฑ์ แต่เรื่องแดงเพราะเด็กงงว่าสมัครแล้วไม่ติดเลย จนรู้ว่าเขาเพิ่มเกณฑ์ขึ้นมาทีหลัง” นายมนัสกล่าว

รศ.ดร.วิชาญ ลิ่วกีรติยุคกุล ภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์จุฬาฯ กล่าวว่า ระบบนี้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการรับตรง แต่ในทางปฏิบัติแล้วมีปัญหา เด็กเก่งจะหลุดจากระบบไปตั้งแต่รอบแรกๆ เด็กปานกลางหรืออ่อนจะอยู่ในระบบไปเรื่อยๆ เครียดซ้ำแล้วซ้ำอีก จากที่สมัยก่อนเด็กทุกคนไม่ได้สมัครทุกรอบ อาจเลือกสอบแค่ไม่กี่ที่ แต่ตอนนี้ระบบออกแบบว่าทุกคนต้องผ่านท่อเดียวกัน อยู่ที่ว่าออกได้เร็วแค่ไหน ข้อเสียระบบนี้คือเด็กเก่งหลุดก่อน เด็กอ่อนหลุดทีหลัง การให้ทุกคนอยู่ท่อเดียว เหมือนการต่อหลอดไฟแบบอนุกรม ถ้าหลอดไหนดับก็กระทบหมดเลย เช่นเว็บล่ม ก็ต้องเลื่อนระบบถัดๆมา

ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล นักวิชาการด้านการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ตอนนี้มหาวิทยาลัยผลิตบัณฑิตตามความต้องการตลาด ทำให้ระบบออกแบบมาเป็นแบบคอขวด จนมีปัญหาว่ามหาวิทยาลัยมีไว้เพื่อป้อนตลาดเท่านั้นหรือ เมื่อมหาวิทยาลัยจะช้อนเด็กเก่งก่อน จึงเกิดความไม่ตรงไปตรงมาตามระบบ เช่นการรับรอบพอร์ตโฟลิโอให้ได้คนที่มีความสามารถเฉพาะ แต่มหาวิทยาลัยอยากได้เด็กเก่งจึงช้อนเด็กไว้ก่อน ตอนนี้สังคมไทยเหมือนเป็นกบต้มในน้ำร้อน ปัญหามีนานแล้ว แต่วันนี้แค่เอามาวางบนโต๊ะให้เห็น เกิดความน่าเห็นใจทุกฝ่าย ทปอ.จัดระบบให้แล้วผู้เล่นไม่เล่นตามกติกา เช่น มหาวิทยาลัยที่ลักไก่รับเด็กไม่เป็นไปตามกติกา เด็กเองก็แทงกั๊กเพราะพ่อแม่ปลูกฝังมาให้แข่งขัน

ผศ.ดร.พรรณระพี สุทธิวรรณ คณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาฯ กล่าวว่า ทีแคสเป็นเรื่องการแข่งขันและโอกาสที่เคยเกิดมาแล้ว แต่ครั้งนี้เครียดหนักกว่าเดิม เพราะเป็นระบบใหม่ มีความไม่แน่นอน ไม่มั่นใจ เกิดความสับสน ทำให้เด็กยิ่งเครียดและกังวล จนทำให้กลัว แล้วมีหลายรอบ เด็กที่ไม่ได้ ผิดหวังตั้งแต่ครั้งที่1 ผิดหวังซ้ำหลายรอบ เกิดวงจรที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าคุณค่าของเขาคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เมื่อสอบไม่ได้หลายรอบ ใจก็หด วิธีแก้ปัญหาความเครียดตอนนี้ เมื่อควบคุมไม่ได้ ให้คิดกรณีแย่ที่สุดว่าถ้าไม่ติดจะทำยังไง เราสอนลูกให้คิดแต่ว่าต้องสอบติด ต้องคิดว่าถ้าไม่ติดจะทำยังไง อย่าปล่อยให้ชีวิตลูกเหลือประตูเดียว ถ้าเตรียมไว้ความเครียดจะลดลงเยอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่