สิ่งดีๆในอีกด้านหนึ่ง ของกับตันทีมชาติอังกฤษ

จากกรณี แฮรี่ เคลม ที่ทำให้ทั้งบ้านทั้งเมืองพากันเกลียด เคนกันหมด
พอได้ดูข่าวนี้ ทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆกับ เคนขึ้นเหมือนกัน



เปิดภาพคลาสสิค ดีต่อใจกัปตันเคนทั้งเรื่องฟุตบอลและชีวิตรัก


นี่คือรูปที่อาจดูเผินๆ เป็นแค่ เด็กสองคน ถ่ายภาพคู่กับซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอังกฤษ แต่สำหรับ แฮร์รี่ เคน แล้ว มันมีความหมายกว่านั้นมากมายหลายเท่านัก
     เมื่อปี 2005 เคน ในวัย 11 ปี กับเพื่อนสาวร่วมโรงเรียน ได้มีโอกาสชักภาพร่วมกับ เดวิด เบ็คแฮม ในงานเปิดโรงเรียนลูกหนังของกัปตันทีมชาติอังกฤษในเวลานั้น


     จำเนียรกาลผ่านไป 13 ปี ใครจะไปคิดว่า หนุ่มน้อยร่างอวบในวันนั้น กำลังเดินรอยตาม "เบ็คส์" ในการนำทีมชาติอังกฤษ ตะลุยฟุตบอลโลก แถมเด็กหญิงคนข้างๆ กัน คือคู่หมั้นของเขา และมีโซ่ทองคลองใจด้วยกันเรียบร้อนเป็นทารกหญิงน่ารักน่าชัง!

     เคน ในวันนี้ อายุ 24 แล้ว ส่วน เคท กู๊ดแลนด์ อายุ 25 โดยทั้งสองคน เรียนระดับประถมด้วยกันที่โรงเรียน ชิงฟอร์ด ที่เดียวกับ เบ็คแฮม

     เคน กับ เคท เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะความสัมพันธ์จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นคู่เดท และคู่หมั้นในที่สุด โดยดาวยิงจาก ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เพิ่งประกาศต่อหน้าสาธารณชนเมื่อปี 2015

เปิดภาพคลาสสิค ดีต่อใจกัปตันเคนทั้งเรื่องฟุตบอลและชีวิตรัก
    ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยตัวน้อยด้วยกันหนึ่งคนชื่อ ไอวี่ และกำลังจะมีสาวน้อยคนที่สองตามมาในเร็วๆ นี้


    แต่ ณ ตอนนี้ สิ่งที่อยู่ในหัวของ เคน น่าจะเป็นเรื่องของการนำทีมชาติอังกฤษ ลุยศึก เวิลด์ คัพ 2018 ที่ รัสเซีย เหมือนฮีโร่ของเขาที่เคยชักภาพด้วยอย่าง เบ็คแฮม

    เคน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษชุดปัจจุบัน ซึ่งหากไปถาม มาร์ค ลีดอน อดีตครูพละของเขา จะไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเลยกับความสำเร็จของยอดดาวยิงตีนระเบิดในวันนี้

     เขาฉายแววตั้งแต่สมัยเรียน และเข้าฝึกวิชาที่โรงเรียนลูกหนัง เดวิด เบ็คแฮม โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ดไวท์ เกย์ล


"แฮร์รี่ ทุ่มเทเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายเสมอ ตอนเขาเล่นให้ทีมโรงเรียน เขามุ่งมั่นเกินร้อย ยิงประตูมากมาย และโดดเด่นเหนือใคร"


    อาจารย์ลีดอน ชี้ว่า เคน เป็นมากกว่าดาวถล่มประตู เขายังเป็นนักเตะที่พร้อมสละทุกอย่างเพื่อทีม และจะเป็นผู้นำที่ดีของ "สิงโตคำราม" ที่รัสเซียอย่างแน่นอน

เครดิต http://www.siamsport.co.th/worldcup2018/news/view/74407





พออ่านข่าวแล้วมองอีกมุม การที่จะก้าวมาเป็นกองหน้าอันดับ 1 ของประเทศที่เป็นอันดับต้นๆของฟุตบอล (ลีคนะ ทีมชาติอาจจะไม่ต้น อิอิ)
ตัวเองต้องมีแพสชั่นมากขนาดไหน อาจจะไม่ถึงกับเปลี่ยนความคิดแต่ก็พอจะเห็นว่าทำไมต้องอยากได้ประตูขนาดนั้น

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่