พระกษัตริย์จะเป็นที่สถิตแก่ยุติธรรม

๓๙๒. ราชา มุขํ มนุสฺสานํ.
พระราชา เป็นประมุขของประชาชน.
วิ. มหา. ๕๑๒๔. ม. ม. ๑๓๕๕๖. ขุ. ส. ๒๕๔๔๖.

“โกงวัด โกงวัง อะไรเมื่อเดี๋ยวนี้ ประการจะคิดไปอย่างอื่นนั้น “ว่าเบา!” หรือ ? หนักอย่างไร แล้วดำเนินการอย่างไรกันมา ผู้ที่มีความรู้ ที่จะได้แก้ปัญหา คงยังไม่มาทางนี้ เพราะข้าศึกในทางอื่น ๆ ทั่ว ไม่ให้ได้ว่าง ไม่ให้หยุดอยู่ ข้าศึกคนชั่วคงจะมีหนัก และมีมาก ทำให้ผู้รู้ คนที่จะแก้ปัญหาได้นั้น ยังมาอธิบายตรงนี้ไม่ได้ ที่ซึ่งมักมีพาดหัวข้อและประเด็นต่าง ๆ ทั่ว ๆ ไป ปนกันอยู่มาก ไม่ได้มีแค่เฉพาะแต่หัวข้อสำคัญ ๆ

การนำเสนอคดี “อุทลุม” มีเรื่องเล่า ที่จริง มีที่ทำกันมาอยู่ ว่าหนัก หรือว่าจริงอย่างไร ? ฉะนั้น คงจะต้องเบาใจอยู่ คงคิดว่าไม่หนัก เพราะพระอัยการเก่านั้น คดีอุทลุม ถึงหนักแล้วจะต้องทำอย่างไร, ซึ่งเดี๋ยวนี้ วัด หรือวัง ไม่มีคดีใดที่จะต้องสดับตรับฟ้อง เป็นตรงต่อผู้จะวินิจฉัยคดีคือองค์พระมหากษัตริย์ ฉะนั้นจะตระหนักว่า เป็นเรื่องหนักหนาร้ายแรงนั้น ประชาชน จะต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วยนั้น ก็ควรจะไม่ใช่ เพราะเรื่องวัด หรือวัง จะต้องเป็นที่ ๆ พระกษัตริย์ตรัสเอง จึงจะว่าคดีนั้นเป็นเรื่องหนัก! ดั่งตัวอย่างคดีอุทลุมแต่เก่ามานั้น  ดั่งที่มีอธิบายแล้วว่าฟ้องต้องตก เพราะเป็นพระอัยการแต่คดี อุทลุม! ไม่ให้เป็นความ แก่การตัดสินและวินิจฉัย ต้องตกเป็นไม่ต้องดำเนินการ แก่โทษ อันจะฟ้องนั้น

พูดเก่า ๆ ให้ฟัง เป็นบทพระอัยการ แต่สมัยใช้ตราสามดวง ๒๗ บทอัยการ ที่ว่าพระกษัตริย์จะเป็นที่สถิตแก่ยุติธรรม จะให้กำหนดฟ้อง ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นกฎหมายใหม่ ๆ เพิ่มให้คนเป็นไปตามสิ่งที่ดำเนินไป ก็อาจจะเกี่ยวอยู่ ว่ามีพากย์แก่คดีอุทลุม ซึ่งตกเป็นที่ยกแก่กรณีด้วยเหตุ-ผลทุกอย่าง ว่าให้อ้างดำเนินการอะไรไม่ได้ ยากทั้งนั้น “จึงควรจะทรงมีพระราชวินิจฉัยด้วยพระองค์เอง เพราะเป็นแต่คดีของวัด ของวัง”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่