เรื่องต่อไปนี้ เป็นเรื่องของชายผู้มีพันธนาการแห่งรัก เขาไปยังสถานที่ที่เคยพบหญิงคนรักเป็นครั้งแรก เพื่อจะปลดพันธนาการนั้น เพื่อเขาและเพื่อเธอ
เขาจะปลดพันธนาการนั้นอย่างไร ไปติดตามกัน...
อ่านจบแล้วมอบเกรดแก่ผู้แต่งตามอัธยาศัย แล้วสแกนหาตัวผู้เขียนดูเด้อ....


ร้านอาหารริมถนนแห่งนี้มีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ไม่ดูหรูหราจนไม่กล้าเข้ามาใช้บริการ แต่ก็ไม่ซอมซ่อเสียจนไม่อยากเข้ามานั่ง ภายในร้านมีโต๊ะไว้ให้บริการจำนวนไม่มากเพื่อไม่ให้ดูแน่นจนเกินไป อีกทั้งทางร้านยังสามารถบริการได้อย่างทั่วถึง
มีเคาน์เตอร์เล็กๆ ที่ส่วนหลังไว้คอยบริการเครื่องดื่มนานาชนิด ตุ๊กตาน่ารักหลายตัวและเครื่องประดับจำนวนหนึ่งถูกวางกระจายไว้อย่างหลวมๆ ทั่วร้านเพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นกันเอง ทางร้านเลือกใช้แสงสว่างภายในนี้เป็นสีส้ม อาจเพราะต้องการให้ลูกค้ารู้สึกถึงความอบอุ่น ให้รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังนั่งอยู่ในบ้านตนเอง หรือบ้านเพื่อนสนิท
ช่วงเวลาที่ล่วงเลยอาหารมื้อเที่ยงไปพอสมควรแล้ว ผู้คนที่เข้ามาใช้บริการจึงบางตาจนร้านทั้งร้านแทบจะร้างผู้คน
“ผมมาลาคุณ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาท่ามกลางบรรยากาศอึดอัดหนักหน่วงผิดกับสภาพแวดล้อมของร้าน สีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนล้า แววตาฉายแววเศร้าหมองออกมาอย่างไม่ปิดบัง
หญิงสาวซึ่งนั่งประจันหน้าอยู่อีกฝั่งฟากของโต๊ะอาหารฟังด้วยอาการสงบ ใบหน้าที่ขาวจนซีดเรียบเฉย ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาให้ได้รับรู้เลยสักนิด
อาหารเมนูโปรดที่เจ้าของร้านบรรจงปรุงอย่างสุดฝีมือเหมือนเคยถูกปล่อยทิ้งให้เย็นตัวลงที่เบื้องหน้าของทั้งคู่ ตั้งแต่ที่ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า ยังไม่มีใครได้แตะต้องมันเลยแม้สักคำเดียว
ชายหนุ่มวางสายตาจากใบหน้าคมคาย ก่อนจะมองทอดออกไปยังโลกภายนอกร้านอาหาร สภาพอากาศภายนอกกำลังร้อนระอุจากเปลวแดด ผู้คนเดินเท้าบางตา แต่รถรากลับอัดกันแน่นอยู่เต็มถนนจนขยับไม่ได้
นึกพลางดึงสายตากลับมาสำรวจสภาพภายในร้าน เขาเป็นแขกเพียงโต๊ะเดียวที่เหลืออยู่ในเวลานี้ ถอนหายใจออกมาหน่อยหนึ่ง ไม่ว่าเวลาจะเคลื่อนผ่านไปนานเพียงใด แต่ร้านนี้ก็แทบจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากภาพในอดีตเลย
แต่ไหนแต่ไรแขกของที่นี่มีไม่มาก ผู้ใช้บริการมักเป็นขาประจำที่ชอบใจบรรยากาศสบายๆ ของร้าน หรือไม่ก็ติดใจรสมือ อัธยาศัย ความเป็นกันเอง และความรู้ใจของเจ้าของร้าน อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง
เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคน สะอาดสะอ้าน และมีรอยยิ้มจริงใจเป็นมิตรกับผู้มาเยือนเสมอ หากว่างจากการจัดการออเดอร์แล้ว เขามักจะจัดโน่นเก็บนี่อยู่หลังเคาน์เตอร์เงียบๆ เพื่อให้ร้านดูเข้าที่เข้าทางเสมอ
ภาพในหัวพาให้ชายหนุ่มย้อนกลับไปยังวันแรกที่ได้พบกับหญิงสาว มันยังกระจ่างชัด สว่างไสว ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
ในวันที่สายฝนโปรยปราย อากาศขมุกขมัวคล้ายจะส่งผลให้จิตใจของผู้คนอ่อนไหวและหม่นหมองลงไปด้วย หญิงสาวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าในวันนั้น ดั่งอยู่ในเมฆหมอกฟุ้งมัว ราวฝันไป ชายหนุ่มที่กำลังนั่งใจลอยอ้อยอิ่งอยู่ลำพังกลับถูกฉุดวิญญาณที่หลุดลอยไปให้กลับมาอยู่กับภาพตรงหน้า
หยาดฝนหยดหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เงาสะท้อนกระเพื่อมไหวระริก ก่อนจะแตกกระจายเป็นประกายละอองฝอยเมื่อสัมผัสกับพื้นผิว เสียงตกกระทบไร้จังหวะ ไร้ท่วงทำนอง ดั่งกำลังบรรเลงดนตรีไร้รูปแบบแต่เต็มไปด้วยจินตนาการสร้างสรรค์
โลกเคลื่อนไหวไปอย่างเชื่องช้า เวลายืดยาวออกไปไม่รู้จบ เขารับรู้ได้ถึงทุกรายละเอียดในชั่วขณะนั้น
เธอคลี่ยิ้มบาง...
นั่นคือรักแรกพบ มันคือพรหมลิขิต คำเหล่านี้ผุดแทรกเข้ามาในวินาทีนั้นนั่นเอง
ความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่าพรหมลิขิตคงจะจบลงเพียงแค่นั้น หากตอนนั้นชายหนุ่มทำเพียงแค่มองหญิงสาว เพียงแค่รู้สึกประทับใจ เพียงแค่รู้สึกว่านั่นคือรักแรกพบ แล้วก็กลับปล่อยให้ทุกสิ่งผ่านเลยไป และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น
อาจเพราะหญิงสาวเองก็ชอบใจบรรยากาศของร้านนี้ เธอจึงกลายมาเป็นขาประจำอีกคนของที่นี่ และเช่นนั้นเอง โอกาสจึงเปิดออกเพื่อให้ชายหนุ่มได้สานความสัมพันธ์ต่อจากนั้น
เจ้าของร้านเองก็เข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น เขาจึงเปิดทางและเหมือนจะพยายามทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักที่ดีให้กับคนทั้งสอง เขารับรู้ถึงความสัมพันธ์และความเป็นไปทั้งหมดมาโดยตลอด
ทุกคืนที่หลับตาลง เขาจะยิ้มอย่างสุขใจ ภาพในฝันจะมีเขาและเธอยืนเคียงกัน อยู่ด้วยกันตลอดไป
ช่างเป็นวันคืนเปี่ยมสุขที่ติดตาตรึงใจไม่รู้คลาย...
“ผมเฝ้าฝันถึงวันที่เราจะได้แต่งงานกัน ได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า” ชายหนุ่มเริ่มต้นบทสนทนาอีกครั้ง
“คงจะมีความสุขมากเลยนะ คุณกับผมที่ตอนนั้นแก่จนต้องประคองกันเอง เป็นตากับยายกันแล้ว พวกเรานั่งอยู่ด้วยกันบนเก้าอี้โยก ลูกๆ นั่งคุยกับเราอยู่ข้างๆ กัน มองดูหลานชายวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างไม่รู้จักเหนื่อย ส่วนหลานสาวก็นั่งเล่นนั่งออเซาะพวกเราอยู่ไม่ห่าง” ริมฝีปากคลี่ยิ้มสั่นเครือ ก้อนสะอื้นจุกอยู่ในอกจนต้องแสร้งมองอย่างอื่น
“พวกเราไม่เพียงแต่...” พูดพลางสบตาหญิงตรงหน้า ความทุกข์ระทมในใจถูกปลดปล่อยออกมาผ่านดวงตาปวดร้าว
“รู้มั้ย คุณน่ะ ใจร้ายมาก...” เกินสะกดกลั้น หยาดน้ำแห่งความอาดูรรินไหล ความอดกลั้นก่อนหน้าถูกทำลายไป
“ทำไมคุณถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ทำไมคุณถึงด่วนจากผมไป คุณ...คุณไม่เหลือเวลาแค่จะให้ผมได้กอด ได้บอกรักเป็นครั้งสุดท้าย”
ใบหน้านิ่งของหญิงสาวหม่นวูบลงไป
“ผมโกรธคุณที่ทิ้งผมไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมโกรธตัวเองที่ปกป้องคุณไม่ได้ ผมโกรธทุกอย่างที่ทำให้เราต้องพลัดพราก” ชายหนุ่มปาดน้ำตาและเบือนหน้ามองไปรอบกายอีกครั้ง
“สำหรับผมแล้ว ร้านนี้เป็นสถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่ง มันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยในความรู้สึกและความทรงจำของผม ทุกบรรยากาศ ความรู้สึก คำพูด รอยยิ้ม ทุกความประทับใจของพวกเรายังอยู่ที่นี่เสมอ”
“ภาพของคุณจะกระจ่างชัดเสมอที่นี่ ทุกอย่างยังคงอบอวลอยู่เสมอ มันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณยังคงอยู่ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเลย”
หญิงสาวเผยรอยยิ้มเจือจาง ชายหนุ่มจ้องใบหน้าเนิ่นนาน ทอดถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ผมจะยังขืนทำอย่างนี้ต่อไป” แววตาหม่นวูบลง น้ำเสียงหวั่นไหวไม่มั่นคง
“การกระทำของผมคงทำให้คุณเป็นทุกข์มาตลอดสินะ เพราะผมทำให้คุณต้องเป็นห่วง พันธนาการที่ผมสร้างขึ้นทำให้คุณไปไหนไม่ได้”
“แต่ทุกอย่างจะยุติลงในวันนี้ ทั้งคุณและผม...” เขาเผยยิ้มออกมาภายใต้ม่านน้ำตาที่รินไหลอีกครั้ง
“ถึงแม้ผมจะเคยบอกคุณไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ครั้งนี้ขอให้ผมได้บอกคุณเป็นครั้งสุดท้าย แม้ต่อไปเราจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว แต่ขอให้คุณรู้ไว้ว่าผมรักคุณ รักมากจนไม่ว่าจะอีกนานขนาดไหน ความรู้สึกนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดไป”
ร่างกายขาวซีดของหญิงสาวค่อยๆ ถูกเติมเต็มจนกลับมาสดใสเป็นลำดับอีกครั้ง รอยยิ้มและดวงตาเจิดจ้าผุดขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่ทั้งหมดนั้นจะค่อยๆ โปร่งใสและจางลงไปตามลำดับ
“ขอบคุณค่ะ ฉันก็รักคุณมากเช่นกัน ต่อไปขอให้คุณดูแลตัวเองให้ดี ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองให้มีความสุขนะ ลาก่อนค่ะ” คำพูดแผ่วเบาก่อนภาพจะเลือนหายไป ก้องกังวานสะท้อนไปทั่วจิตใจ คล้ายดังมาจากที่ไกลแสนไกล ทว่ากลับชัดเจนราวกระซิบอยู่ข้างหู
สภาพบรรยากาศรอบกาย และแรงกดดันในใจคลายลง ร่างกายเบาหวิวปลอดโปร่งอย่างไม่เคยรู้สึกมานาน สายตาทอดยาวออกไปได้ไกลและชัดเจนกว่าที่ผ่านมา
สายลมเย็นพัดมาจากที่ใดสักแห่ง ลูบไล้ โอบคลุมรอบกาย ก่อนจะพัดผ่านไป พร้อมๆ กับพันธนาการในใจที่ถูกปลดเปลื้อง เมฆหมอกจางหายไป เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มบัดนี้ว่างเปล่า ไม่เหลือร่องรอยของใครคนที่ผ่านมา
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน มองไปทั่วคล้ายไม่เคยเห็นสภาพความเป็นจริงของที่นี่มานาน ราวกับว่าที่ผ่านมาเขาเห็นเพียงภาพในอดีตเท่านั้น
“โชคดีนะครับ ครั้งหน้าที่คุณมา ผมจะเสิร์ฟเมนูใหม่ให้” เจ้าของร้านเอ่ย เขายิ้มและพยักหน้าให้ก่อนจะเคลื่อนกายออกจากร้าน
ถึงแม้จะไม่อาจสดใสได้ดั่งเก่าก่อน แต่อย่างน้อย ในรอยยิ้มนั้นก็แสดงถึงการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
และต่อจากนี้ เรื่องราวใหม่ๆ ก็จะผ่านเข้ามา พร้อมๆ กับเวลาที่เคยหยุดนิ่งเนิ่นนานก็จะเริ่มหมุนเดินอีกครั้ง
ถุงมือ "ทำไมเราไม่เรียกเสื้อว่าถุงตัวล่ะ"
รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. B-thirteen
2. Christian Trevelyan Grey
3. Chee River
4. GTW
5. kasareev
6. KTHc
7. ladylongleg (สมาชิกหมายเลข 2326325)
8. Lady Star 919
9. Luckard
10. Na(นะ)
11. peiNing
12. psycho_factory
13. Soul Master
14. Susisiri
15. Tantava
16. TOSHARE (สมาชิกหมายเลข 4563770)
17. turtle_cheesecake
18. WANG JIE
19. คีตมินทร์
20. จอมยุทธนักสืบ
21. ชายขอบคันนายาว
22. นลินมณี
23. ศรเขียว
24. ยัยตัวร้ายมุกอันดา
25. รัชต์สารินท์
26. สวนดอก
27. อิสิ
28. น้องโจอี้ (สมาชิกหมายเลข 817884)
29. พวงดารา
30. มัศยวีร์
***
รายชื่อ อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม หรือเอาออกได้ ตลอดเวลา ^^
*** จะเฉลยถุงมือนี้ใน วันที่ 15 มิถุนายน 2561 (ภาพปริศนาจะวาง วันที่ 14 ครับ) ***
สโลแกนของเราคือ "เขียนเมื่ออยากเขียน แต่งเมื่ออยากแต่ง เล่นซ่อนหากันเมื่ออยากเล่น"
จัดไป ในแต่ละสัปดาห์ และสรุปผลคะแนนทุกครั้งที่เฉลย
ผู้ชนะที่ 1 และ/หรือ ผู้ที่ไม่มีใครทายถูก จะเข้ารอบรายการ THE GLOVES FINAL 2018 ตอนปลายปี ครับผม
🐱👔 THE WEEKLY GLOVES วีคที่ 25 เรื่องสั้น#50 "พันธนาการ" โดย ถุงมือ "ทำไมเราไม่เรียกเสื้อว่าถุงตัวล่ะ" 👔🐱
เรื่องต่อไปนี้ เป็นเรื่องของชายผู้มีพันธนาการแห่งรัก เขาไปยังสถานที่ที่เคยพบหญิงคนรักเป็นครั้งแรก เพื่อจะปลดพันธนาการนั้น เพื่อเขาและเพื่อเธอ
เขาจะปลดพันธนาการนั้นอย่างไร ไปติดตามกัน...
อ่านจบแล้วมอบเกรดแก่ผู้แต่งตามอัธยาศัย แล้วสแกนหาตัวผู้เขียนดูเด้อ....
ร้านอาหารริมถนนแห่งนี้มีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ไม่ดูหรูหราจนไม่กล้าเข้ามาใช้บริการ แต่ก็ไม่ซอมซ่อเสียจนไม่อยากเข้ามานั่ง ภายในร้านมีโต๊ะไว้ให้บริการจำนวนไม่มากเพื่อไม่ให้ดูแน่นจนเกินไป อีกทั้งทางร้านยังสามารถบริการได้อย่างทั่วถึง
มีเคาน์เตอร์เล็กๆ ที่ส่วนหลังไว้คอยบริการเครื่องดื่มนานาชนิด ตุ๊กตาน่ารักหลายตัวและเครื่องประดับจำนวนหนึ่งถูกวางกระจายไว้อย่างหลวมๆ ทั่วร้านเพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นกันเอง ทางร้านเลือกใช้แสงสว่างภายในนี้เป็นสีส้ม อาจเพราะต้องการให้ลูกค้ารู้สึกถึงความอบอุ่น ให้รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังนั่งอยู่ในบ้านตนเอง หรือบ้านเพื่อนสนิท
ช่วงเวลาที่ล่วงเลยอาหารมื้อเที่ยงไปพอสมควรแล้ว ผู้คนที่เข้ามาใช้บริการจึงบางตาจนร้านทั้งร้านแทบจะร้างผู้คน
“ผมมาลาคุณ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาท่ามกลางบรรยากาศอึดอัดหนักหน่วงผิดกับสภาพแวดล้อมของร้าน สีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนล้า แววตาฉายแววเศร้าหมองออกมาอย่างไม่ปิดบัง
หญิงสาวซึ่งนั่งประจันหน้าอยู่อีกฝั่งฟากของโต๊ะอาหารฟังด้วยอาการสงบ ใบหน้าที่ขาวจนซีดเรียบเฉย ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาให้ได้รับรู้เลยสักนิด
อาหารเมนูโปรดที่เจ้าของร้านบรรจงปรุงอย่างสุดฝีมือเหมือนเคยถูกปล่อยทิ้งให้เย็นตัวลงที่เบื้องหน้าของทั้งคู่ ตั้งแต่ที่ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า ยังไม่มีใครได้แตะต้องมันเลยแม้สักคำเดียว
ชายหนุ่มวางสายตาจากใบหน้าคมคาย ก่อนจะมองทอดออกไปยังโลกภายนอกร้านอาหาร สภาพอากาศภายนอกกำลังร้อนระอุจากเปลวแดด ผู้คนเดินเท้าบางตา แต่รถรากลับอัดกันแน่นอยู่เต็มถนนจนขยับไม่ได้
นึกพลางดึงสายตากลับมาสำรวจสภาพภายในร้าน เขาเป็นแขกเพียงโต๊ะเดียวที่เหลืออยู่ในเวลานี้ ถอนหายใจออกมาหน่อยหนึ่ง ไม่ว่าเวลาจะเคลื่อนผ่านไปนานเพียงใด แต่ร้านนี้ก็แทบจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากภาพในอดีตเลย
แต่ไหนแต่ไรแขกของที่นี่มีไม่มาก ผู้ใช้บริการมักเป็นขาประจำที่ชอบใจบรรยากาศสบายๆ ของร้าน หรือไม่ก็ติดใจรสมือ อัธยาศัย ความเป็นกันเอง และความรู้ใจของเจ้าของร้าน อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง
เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคน สะอาดสะอ้าน และมีรอยยิ้มจริงใจเป็นมิตรกับผู้มาเยือนเสมอ หากว่างจากการจัดการออเดอร์แล้ว เขามักจะจัดโน่นเก็บนี่อยู่หลังเคาน์เตอร์เงียบๆ เพื่อให้ร้านดูเข้าที่เข้าทางเสมอ
ภาพในหัวพาให้ชายหนุ่มย้อนกลับไปยังวันแรกที่ได้พบกับหญิงสาว มันยังกระจ่างชัด สว่างไสว ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
ในวันที่สายฝนโปรยปราย อากาศขมุกขมัวคล้ายจะส่งผลให้จิตใจของผู้คนอ่อนไหวและหม่นหมองลงไปด้วย หญิงสาวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าในวันนั้น ดั่งอยู่ในเมฆหมอกฟุ้งมัว ราวฝันไป ชายหนุ่มที่กำลังนั่งใจลอยอ้อยอิ่งอยู่ลำพังกลับถูกฉุดวิญญาณที่หลุดลอยไปให้กลับมาอยู่กับภาพตรงหน้า
หยาดฝนหยดหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เงาสะท้อนกระเพื่อมไหวระริก ก่อนจะแตกกระจายเป็นประกายละอองฝอยเมื่อสัมผัสกับพื้นผิว เสียงตกกระทบไร้จังหวะ ไร้ท่วงทำนอง ดั่งกำลังบรรเลงดนตรีไร้รูปแบบแต่เต็มไปด้วยจินตนาการสร้างสรรค์
โลกเคลื่อนไหวไปอย่างเชื่องช้า เวลายืดยาวออกไปไม่รู้จบ เขารับรู้ได้ถึงทุกรายละเอียดในชั่วขณะนั้น
เธอคลี่ยิ้มบาง...
นั่นคือรักแรกพบ มันคือพรหมลิขิต คำเหล่านี้ผุดแทรกเข้ามาในวินาทีนั้นนั่นเอง
ความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่าพรหมลิขิตคงจะจบลงเพียงแค่นั้น หากตอนนั้นชายหนุ่มทำเพียงแค่มองหญิงสาว เพียงแค่รู้สึกประทับใจ เพียงแค่รู้สึกว่านั่นคือรักแรกพบ แล้วก็กลับปล่อยให้ทุกสิ่งผ่านเลยไป และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น
อาจเพราะหญิงสาวเองก็ชอบใจบรรยากาศของร้านนี้ เธอจึงกลายมาเป็นขาประจำอีกคนของที่นี่ และเช่นนั้นเอง โอกาสจึงเปิดออกเพื่อให้ชายหนุ่มได้สานความสัมพันธ์ต่อจากนั้น
เจ้าของร้านเองก็เข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น เขาจึงเปิดทางและเหมือนจะพยายามทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักที่ดีให้กับคนทั้งสอง เขารับรู้ถึงความสัมพันธ์และความเป็นไปทั้งหมดมาโดยตลอด
ทุกคืนที่หลับตาลง เขาจะยิ้มอย่างสุขใจ ภาพในฝันจะมีเขาและเธอยืนเคียงกัน อยู่ด้วยกันตลอดไป
ช่างเป็นวันคืนเปี่ยมสุขที่ติดตาตรึงใจไม่รู้คลาย...
“ผมเฝ้าฝันถึงวันที่เราจะได้แต่งงานกัน ได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า” ชายหนุ่มเริ่มต้นบทสนทนาอีกครั้ง
“คงจะมีความสุขมากเลยนะ คุณกับผมที่ตอนนั้นแก่จนต้องประคองกันเอง เป็นตากับยายกันแล้ว พวกเรานั่งอยู่ด้วยกันบนเก้าอี้โยก ลูกๆ นั่งคุยกับเราอยู่ข้างๆ กัน มองดูหลานชายวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างไม่รู้จักเหนื่อย ส่วนหลานสาวก็นั่งเล่นนั่งออเซาะพวกเราอยู่ไม่ห่าง” ริมฝีปากคลี่ยิ้มสั่นเครือ ก้อนสะอื้นจุกอยู่ในอกจนต้องแสร้งมองอย่างอื่น
“พวกเราไม่เพียงแต่...” พูดพลางสบตาหญิงตรงหน้า ความทุกข์ระทมในใจถูกปลดปล่อยออกมาผ่านดวงตาปวดร้าว
“รู้มั้ย คุณน่ะ ใจร้ายมาก...” เกินสะกดกลั้น หยาดน้ำแห่งความอาดูรรินไหล ความอดกลั้นก่อนหน้าถูกทำลายไป
“ทำไมคุณถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ทำไมคุณถึงด่วนจากผมไป คุณ...คุณไม่เหลือเวลาแค่จะให้ผมได้กอด ได้บอกรักเป็นครั้งสุดท้าย”
ใบหน้านิ่งของหญิงสาวหม่นวูบลงไป
“ผมโกรธคุณที่ทิ้งผมไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมโกรธตัวเองที่ปกป้องคุณไม่ได้ ผมโกรธทุกอย่างที่ทำให้เราต้องพลัดพราก” ชายหนุ่มปาดน้ำตาและเบือนหน้ามองไปรอบกายอีกครั้ง
“สำหรับผมแล้ว ร้านนี้เป็นสถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่ง มันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยในความรู้สึกและความทรงจำของผม ทุกบรรยากาศ ความรู้สึก คำพูด รอยยิ้ม ทุกความประทับใจของพวกเรายังอยู่ที่นี่เสมอ”
“ภาพของคุณจะกระจ่างชัดเสมอที่นี่ ทุกอย่างยังคงอบอวลอยู่เสมอ มันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณยังคงอยู่ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเลย”
หญิงสาวเผยรอยยิ้มเจือจาง ชายหนุ่มจ้องใบหน้าเนิ่นนาน ทอดถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ผมจะยังขืนทำอย่างนี้ต่อไป” แววตาหม่นวูบลง น้ำเสียงหวั่นไหวไม่มั่นคง
“การกระทำของผมคงทำให้คุณเป็นทุกข์มาตลอดสินะ เพราะผมทำให้คุณต้องเป็นห่วง พันธนาการที่ผมสร้างขึ้นทำให้คุณไปไหนไม่ได้”
“แต่ทุกอย่างจะยุติลงในวันนี้ ทั้งคุณและผม...” เขาเผยยิ้มออกมาภายใต้ม่านน้ำตาที่รินไหลอีกครั้ง
“ถึงแม้ผมจะเคยบอกคุณไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ครั้งนี้ขอให้ผมได้บอกคุณเป็นครั้งสุดท้าย แม้ต่อไปเราจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว แต่ขอให้คุณรู้ไว้ว่าผมรักคุณ รักมากจนไม่ว่าจะอีกนานขนาดไหน ความรู้สึกนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดไป”
ร่างกายขาวซีดของหญิงสาวค่อยๆ ถูกเติมเต็มจนกลับมาสดใสเป็นลำดับอีกครั้ง รอยยิ้มและดวงตาเจิดจ้าผุดขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่ทั้งหมดนั้นจะค่อยๆ โปร่งใสและจางลงไปตามลำดับ
“ขอบคุณค่ะ ฉันก็รักคุณมากเช่นกัน ต่อไปขอให้คุณดูแลตัวเองให้ดี ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองให้มีความสุขนะ ลาก่อนค่ะ” คำพูดแผ่วเบาก่อนภาพจะเลือนหายไป ก้องกังวานสะท้อนไปทั่วจิตใจ คล้ายดังมาจากที่ไกลแสนไกล ทว่ากลับชัดเจนราวกระซิบอยู่ข้างหู
สภาพบรรยากาศรอบกาย และแรงกดดันในใจคลายลง ร่างกายเบาหวิวปลอดโปร่งอย่างไม่เคยรู้สึกมานาน สายตาทอดยาวออกไปได้ไกลและชัดเจนกว่าที่ผ่านมา
สายลมเย็นพัดมาจากที่ใดสักแห่ง ลูบไล้ โอบคลุมรอบกาย ก่อนจะพัดผ่านไป พร้อมๆ กับพันธนาการในใจที่ถูกปลดเปลื้อง เมฆหมอกจางหายไป เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มบัดนี้ว่างเปล่า ไม่เหลือร่องรอยของใครคนที่ผ่านมา
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน มองไปทั่วคล้ายไม่เคยเห็นสภาพความเป็นจริงของที่นี่มานาน ราวกับว่าที่ผ่านมาเขาเห็นเพียงภาพในอดีตเท่านั้น
“โชคดีนะครับ ครั้งหน้าที่คุณมา ผมจะเสิร์ฟเมนูใหม่ให้” เจ้าของร้านเอ่ย เขายิ้มและพยักหน้าให้ก่อนจะเคลื่อนกายออกจากร้าน
ถึงแม้จะไม่อาจสดใสได้ดั่งเก่าก่อน แต่อย่างน้อย ในรอยยิ้มนั้นก็แสดงถึงการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
และต่อจากนี้ เรื่องราวใหม่ๆ ก็จะผ่านเข้ามา พร้อมๆ กับเวลาที่เคยหยุดนิ่งเนิ่นนานก็จะเริ่มหมุนเดินอีกครั้ง
รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. B-thirteen
2. Christian Trevelyan Grey
3. Chee River
4. GTW
5. kasareev
6. KTHc
7. ladylongleg (สมาชิกหมายเลข 2326325)
8. Lady Star 919
9. Luckard
10. Na(นะ)
11. peiNing
12. psycho_factory
13. Soul Master
14. Susisiri
15. Tantava
16. TOSHARE (สมาชิกหมายเลข 4563770)
17. turtle_cheesecake
18. WANG JIE
19. คีตมินทร์
20. จอมยุทธนักสืบ
21. ชายขอบคันนายาว
22. นลินมณี
23. ศรเขียว
24. ยัยตัวร้ายมุกอันดา
25. รัชต์สารินท์
26. สวนดอก
27. อิสิ
28. น้องโจอี้ (สมาชิกหมายเลข 817884)
29. พวงดารา
30. มัศยวีร์
*** รายชื่อ อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม หรือเอาออกได้ ตลอดเวลา ^^
*** จะเฉลยถุงมือนี้ใน วันที่ 15 มิถุนายน 2561 (ภาพปริศนาจะวาง วันที่ 14 ครับ) ***
สโลแกนของเราคือ "เขียนเมื่ออยากเขียน แต่งเมื่ออยากแต่ง เล่นซ่อนหากันเมื่ออยากเล่น"
จัดไป ในแต่ละสัปดาห์ และสรุปผลคะแนนทุกครั้งที่เฉลย
ผู้ชนะที่ 1 และ/หรือ ผู้ที่ไม่มีใครทายถูก จะเข้ารอบรายการ THE GLOVES FINAL 2018 ตอนปลายปี ครับผม