ขอลงซีนที่ชอบเป็นพิเศษหน่อย


ไม่ต้องห่วงหรอกครับ จบแบบนี้ เรตติ้งดีขนาดนี้ ยังไงก็ต้องมีซีซั่นสองแน่นอน ไม่ต้องคิดมากครับ เรื่องนี้เรตติ้งสูงมากทั้งอันดับของเรื่องและอันดับตัวละคร แต่นี่เป็นการจบภาคตามสไตล์ทีมสร้าง CCS ชุดเดิมนี่ละครับ ผกก.โมริโอะ และทีมงาน Mad House สมัยนั้นก็จบภาคกันดื้อๆแบบนี้แหละ


คือถ้าใครจำได้ ตอนจบโคลวการ์ดภาคแรก 35 ตอน ฉากสุดท้ายก็จบแบบค้างคา แถมตอนแรกก็ไม่มีการบอกด้วยว่าจะทำภาคต่อ คือสมัยนั้นอนิเม CCS เป็นงานฟอร์มเล็กครับ ไม่ใช่งานดัง เพราะตอนแรกที่ Clamp เขียน CCS ฉบับมังงะ เรื่องนี้ไม่มีแววจะดังเลย เหมือนเป็นงานทดลองเล็กๆของ Clamp ที่จะเปลี่ยนแนวจากซีเรียสจริงจังและตัวเอกเป็นวัยรุ่น ลองเปลี่ยนมาเป็นเด็กประถมบ้าง เพราะตอนแรก CCS คืองานมังงะที่ทีมป้า Clamp ต้องการสานต่อความสำเร็จจาก Magic Knight Rayearth ซึ่งเป็นผลงานที่อนิเมะดัดแปลงจากมังงะแล้วดังระเบิด


แล้วนี่จากประสบการณ์ส่วนตัว ตอนเด็กผมเคยไปญี่ปุ่นสองช่วง ซึ่งบังเอิญว่าช่วงแรกตรงกับตอนฉาย MGR ภาคสองที่ดังมากๆ และช่วงสองไปตอนกำลังฉาย CCS ภาคซากุระการ์ด ผมเลยเข้าใจว่าพอจะมีการเริ่มทำ CCS เลยคิดว่าตอนแรกน่าจะมาแนวว่าพวกป้าๆจะวาดมังงะที่ไม่ยาวมากเพื่อออกมาเป็นโครงหลัก จากนั้นก็ให้ทีมสร้างไปดัดแปลงเป็นอนิเมเอาแบบที่ทำกันจนดังมาแล้วใน MGR


แต่พอ CCS ภาคแรกยิ่งฉายไปเรื่อยๆ อนิเมะกลับดังขึ้นเรื่อยๆ ตัวละครอย่างซากุระก็ค่อนข้างมาแนวใหม่จากงานเดิมๆของพวกป้าๆ และฉีกจากสาวน้อยเวทมนต์ยุคนั้น คือถ้าดูดีๆ ตัวละครนางเอกในอนิเมยุคนั้นมันจะมีคาแรคเตอร์หลักๆ 4-5 แบบ คือ

เน้นขายความเซ็กซี่แบบผู้หญิงสไตล์ มิเนะ ฟูจิโกะในลูแปง หรือแบบมาโดกะใน Orange Road

พวกสาวห้าวแกร่งที่ดูเหมือนเป็นทอมแบบ ฮิคารุใน MGR คาโอริใน City Hunter รีน่าใน Slayers

สาวแกร่งมากความสามารถ พร้อมความสวยแบบพวก เซร่าในกันดั้ม มิคามิ ใน Ghost Sweeper

สาวหวานเรียบร้อยไปเลยแบบเบลดันดี้

สาวเพื่อนสมัยเด็ก ให้กำลังใจตัวเอกแบบมินามิในทัช


ทีนี้พอกลางยุค 90 เกิดนางเอกแบบใหม่ถึงสองคนที่มาเขย่าวงการเลยคือ นางเอกสไตล์ติงต้องแต่เป็นศูนย์กลางของเพื่อนๆและมีพลังมากแบบอุซางิในเซลเลอร์มูน และ สาวคูลพูดน้อยหน้าตายแบบเรย์ในอีวา


แล้วซากุระเป็นนางเอกแบบไหน คือช่วงที่ CCS เริ่มฉาย นางเอกในอนิเมหลายเรื่องช่วงนั้นกำลัง "ขายเซอร์วิส" ทีนี้ซากุระเหมือนเป็นนางเอกสวนกระแสที่ต้องการดึงแนวคลาสสิกกลับมา คือดูเผินๆเหมือนเป็นนางเอกสไตล์ทั่วไปหาไม่ยาก แต่ถ้าเอาจริงๆ นี่เป็นนางเอกสไตล์ที่แม้จะดูเหมือนมีเยอะ แต่ที่โด่งดังระดับนี้แทบจะไม่มีเลย ก็คือเป็นนางเอกแนวที่ขายความน่ารักสดใสและรอยยิ้ม ซึ่งผมเคยอ่านเจอสมัยนั้นว่า ความดีความชอบในการออกแบบและดีไซน์ซากุระให้ออกมาดังขนาดนี้น นอกจากผลงานป้า Clamp แล้ว ยังต้องให้เครดิตทีมสร้างอนิเมยุคนั้นครับ ที่ดัดแปลงลายเส้นป้าๆมาลงอนิเมแล้วโดนใจคนดู แล้วตอนหลังมันมีปัจจัยเกินคาดอีกอันคือตัวละครพระเอกแบบเชารันครับ ได้รับความนิยมสูงเกินคาดมาก อาจเพราะสมัยก่อนหรือมาจนถึงสมัยนี้มันยังไม่เคยมีอนิเมที่ใช้เด็กประถมเป็นตัวเอกเรื่องไหนมีพระเอกสไตล์นี้ออกมาครับ แถมทำออกมาชวนให้คนลุ้นที่จะคู่กันอีก เพราะเปิดตัวมาทีแรกนี่เหมือนจะเป็นแค่คู่แข่งมากกว่า


ย้อนอดีตยาวไปแล้ว ทีนี้ขอพูดถึงตอนจบ (ครึ่งทาง) ของอนิเม CCS Clear Card คือมันเป็นสไตล์ของทีมสร้างชุดนี้ครับ ถ้าใครจำได้ว่า ตอนสุดท้ายของอนิเมซีซั่นแรกในโคลวการ์ดคือตอนจับการ์ดดิน ตอนที่ 35 แล้วจู่ๆก็จบมันดื้อๆไปเลยทั้งที่ปริศนาเหลือเพียบ ฉากสุดท้ายคือซากุระยิ้มให้ (เหมือนยิ้มให้คนดูด้วย) แล้วจากนั้นหลายเดือนถึงได้มีอนิเมซีซั่นสองออกมาฉายต่อ ซึ่งเข้าใจว่าช่วงนั้นเขาชะลอการฉายเพื่อให้ป้า Clamp เขียนมังงะให้แซงหน้าอนิเมไปเยอะๆก่อนครับ ซึ่งก็คงเหมือนกับตอนนี้แหละ เพราะเวลานี้อนิเมะทำชนมังงะแล้ว แถมเผลอๆเขาวางแผนกันมาแล้วด้วยว่าจะให้ชนมังงะถึงตรงนี้ แล้วทิ้งช่วงเพื่อไปต่อซีซั่นสองหลังจากมังงะเขียนเพิ่มพอแล้ว


ส่วนประเด็นของจขกท ผมมองแบบนี้

1.เชารัน เป็นญาติโคลวรีด จะใช้ได้ก็ไม่แปลก เพราะว่าภาคเก่าก็มีใช้โชว์อยู่ เพียงแต่ปริศนาจริงๆก็คือ ซากุระการ์ดทั้งหมดไปอยู่กับเชารันได้ยังไง ซึ่งอนิเมซ่อนประเด็นนี้ดีมาก ในขณะที่มังงะแย้มออกมาเยอะเลย

2.ผมมองว่าเรื่องนี้มีเป้าหมายหลักสองเรื่องใหญ่ แต่อนิเมเหมือนกำลังสับขาหลอกคนดูอยู่ หนึ่งคือเป้าหมายของไคโตะ แต่ผมกลับมองว่าสุดท้ายแล้วนี่จะเป็นปริศนารองในเรื่อง กับสองที่จะเป็นปริศนาใหญ่สุดคือ ผลกระทบจากพลังของซากุระที่พัฒนาขึ้นมา ผมว่านี่แหละ ปมใหญ่สุดท้ายของจริง เพราะดูๆไปแล้วเป้าหมายของไคโตะอาจจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรด้วย เพียงแต่พวกเอเรียลต้องสงสัยเอาไว้ก่อน เพราะยังไม่รู้จักอีกฝ่าย

3.ผมว่ามังกรมีการสับขาหลอกอีก แล้วก็เรื่องแพ้ขาดนี่ก็ไม่นะครับ เพราะอย่างน้อยก็เข้าถึงตัวแล้วเปิดหน้าอีกฝ่ายได้เลยนะ ซึ่งถ้าไม่มีไคโตะมาหยุดเวลา ตอนนั้นซากุระก็เหมือนหยุดการแย่งกุญแจสำเร็จแล้วด้วย

4.เขาก็รู้กันแหละ แต่ผมสังเกตว่าตัวละครหลักในเรื่องนี้ค่อนข้างจะมีมารยาททางสังคมกันสูงมาก คือจะไม่ค่อยรุ่มร่ามเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายกันเท่าไร ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดหรือขอคำแนะนำ เป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กๆเหมือนกันนะ


ส่วนจุดน่าสนใจในตอนนี้ที่ผมลองคิดคือ อาจจะสปอยหน่อย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1.ตอนแรกเคยคิดว่า นาฬิกาเวทย์ที่ไคโตะใช้ย้อนเวลาได้นั่นคือไอเท็มที่เขาขโมยจากสมาคมเวทย์ที่เอเรียลได้ข้อมูลมา แต่อาจจะมีการสับขาหลอกอีก เป็นไปได้ไหมว่า ไอเท็มเวทย์ที่ว่านั่นอาจจะเป็นตัวอากิโฮะเองหรือเปล่า

2.จากข้อแรก ถ้าไม่มีการหลอกตรงเรื่องไอเท็มเวทย์ เป็นนาฬิกานั่นแหละ ถ้าอย่างนั้นอากิโฮะเป็นใคร เลยยังคงเก็งไว้ว่าเป็นคนที่เกิดขึ้นมาเพราะพลังของซากุระ  

3.กุญแจของนาเดชิโกะ จริงๆแล้วอาจจะเป็นคทาเวทย์

4.เหตุการณ์ในมูวี่ 2 เหมือนว่าตัวละครจะลืมกันไป แต่การมี Card Hope โผล่มาแวบนึง แสดงว่าอาจจะได้ใช้เป็นตัวพลิกสถานการณ์ตอนท้าย

5.ลองย้อนกลับไปดูตั้งแต่ตอนที่ 1 มีจุดน่าสังเกตที่ซากุระพูดเรื่องที่ว่าช่วงหลังไม่ได้ใช้ซากุระการ์ดหรือคทาเลย แล้วก็พูดต่อว่า ก็คงดีแล้วมั้ง กับมีฉากที่พูดตอนกลับมาเจอเชารันครั้งแรกว่า ถ้าอยู่แบบนี้ตลอดไปก็คงจะดี เลยคิดว่าเพราะความปรารถนาของซากุระตรงนี้เลยทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมดนี้ตามมารึเปล่า ถึงได้มีเสียงในฝันตอนสุดท้ายที่บอกว่า ไม่สามารถย้อนกลับได้แล้วนะ เพราะทุกอย่างมันต้องเดินหน้าต่อ แบบที่เรียกว่า Life must go on



สรุปแล้ว ก็เป็นอนิเมภาคต่อดีที่สุดอีกเรื่องครับ แล้วก็รอชมซีซั่น 2 ต่อไป เรตติ้งที่ญี่ปุ่นทั้งอนิเมและตัวละครสูงมากขนาดนี้ ยังไงก็มาต่อแน่นอน