ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียงเพลง 10/6/2561 - มหกรรมเกมลูกหนังโลก-2

กระทู้คำถาม


ดอกไม้หัวใจสวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์ MC แอ๊ด (WANG JIE หรือ ชื่อดั้งเดิม "พฤษภเสารี" สมาชิกเก่าห้อง รดน.ช่วงปี 2546-2550) ประจำการต่อครับ ^^

เมื่อวานนี้ได้เริ่มความเป็นมาของฟุตบอลโลก เป็นการ "โหมโรง" ต้อนรับฟุตบอลโลกซึ่งจะเริ่มในวันที่ 14 ที่จะถึงนี้ก่อนแล้ว และเรื่องราวยังไม่จบ ก็ขอต่อเลยนะครับ และจะเลยไปถึงวันพรุ่งนี้อีกวันหนึ่งปิดท้าย


รูปแบบการแข่งขันฟุตบอลโลก

1.รอบคัดเลือก

ตั้งแต่การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ 1934 ก็เริ่มมีการจัดการแข่งขันคัดเลือกเพื่อจำกัดทีมในรอบสุดท้ายให้น้อยลง จัดในเขตการแข่งขันทั้ง 6 เขตของฟีฟ่า (แอฟริกา, เอเชีย, อเมริกาเหนือและกลางและแคริบเบียน, อเมริกาใต้, โอเชียเนีย, และยุโรป) ตรวจสอบโดยสมาพันธ์ที่เกี่ยวข้อง ในการแข่งขันในแต่ละครั้ง ฟีฟ่าจะกำหนดล่วงหน้าเรื่องจำนวน ว่าจะมีกี่ทีมในแต่ละเขตที่จะได้เข้าสู่รอบสุดท้าย โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของทีมของสมาพันธ์

กระบวนการคัดเลือก จะเริ่มในเกือบ 3 ปีก่อนที่จะแข่งรอบสุดท้ายและจะสิ้นสุดในช่วง 2 ปีก่อนการแข่งขัน รูปของการแข่งขันรอบคัดเลือกจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสมาพันธ์ โดยปกติแล้ว ที่ 1 หรือ 2 อันดับแรกที่ชนะเพลย์ออฟระหว่างทวีป ตัวอย่างเช่น ผู้ชนะของเขตโอเชียเนีย และที่ 5 ของทีมในโซนเอเชีย จะแข่งรอบเพลย์ออฟในฟุตบอลโลก 2010 และจากฟุตบอลโลก 1938 เป็นต้นมา ประเทศเจ้าภาพจะเข้าสู่รอบสุดท้ายโดยทันที และทีมแชมป์จะเข้ารอบสุดท้ายเพื่อป้องกันตำแหน่งในระหว่างปี 1938 และ 2002 แต่ในปี 2006 ได้งดไป ทีมบราซิลที่ชนะในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 จึงเป็นทีมแรกที่ต้องแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อป้องกันแชมป์ พวกเขาผ่านเข้ารอบสุดท้ายตีตั๋วไปเยอรมนีได้สำเร็จ แต่เส้นทางจบที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ฝรั่งเศสซึ่งมีตัวเก่งหลายคนอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน แพทริก เอฟร่า เทียรี่ อองรี เป็นต้น ไปอย่างฉิวเฉียด ด้วยฝีเท้าของอองรี 0-1




รอบสุดท้าย

การแข่งขันรอบสุดท้ายปัจจุบัน มีทีมเข้าแข่งขัน 32 ชาติ ที่จะแข่งขันนานร่วม 1 เดือน ในประเทศเจ้าภาพการแข่งขัน โดยแบ่งเป็น 2 รอบคือ รอบแรก (แบ่งกลุ่ม) และรอบแพ้คัดออก (น็อกเอาท์)

ในรอบแบ่งกลุ่ม จะแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมี 4 ทีม โดยมี 8 ทีม (รวมถึงประเทศเจ้าภาพด้วย) ที่จะถูกเลือกออกมาจากอันดับโลกฟีฟ่า และ/หรือ ผลการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา ทั้ง 8 ทีมจะถูกแยกออกไปในแต่ละกลุ่ม ส่วนทีมที่เหลือจะใส่ลงโถ โดยมากเป็นแบ่งจากเขตทางภูมิศาสตร์ แต่ละทีมในโถจะจับสลากกลุ่มที่อยู่ และตั้งแต่ปี 1998 มีข้อบังคับว่า ในแต่ละกลุ่มจะไม่มีทีมจากยุโรปมากกว่า 2 ทีม และมากกว่า 1 ทีม จากสมาพันธ์ฟุตบอลของแต่ละทวีปอื่น

แต่ละทีมในกลุ่มจะแข่งแบบพบกันหมด กล่าวคือแต่ละทีมจะแข่ง 3 นัด กับทีมอื่นในกลุ่มจนครบ ส่วนนัดสุดท้ายของการแข่งขันแบ่งกลุ่มจะแข่งเวลาเดียวกัน เพื่อให้ความยุติธรรมกับทั้ง 4 ทีม ทีมที่มีคะแนนสูงสุด 2 อันดับแรกในกลุ่มจะเข้าสู่รอบแพ้คัดออก โดยคะแนนมาจากการทำคะแนนในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม โดยตั้งแต่ปี 1994 กำหนดให้ทีมผู้ชนะได้ 3 คะแนน ทีมที่เสมอได้ 1 คะแนน และทีมที่แพ้ไม่ได้คะแนน (เมื่อก่อนนี้ ทีมที่ชนะได้ 2 คะแนน)

อันดับของแต่ละทีมในกลุ่ม พิจารณาจาก
1. จำนวนคะแนนในกลุ่ม
2. จำนวนความแตกต่างในการทำประตูในกลุ่ม
3. จำนวนการทำประตูในกลุ่ม
4.ถ้าหากยังอยู่ในระดับเท่ากัน จะพิจารณาเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
4.1. จำนวนคะแนนในนัดที่ทีมเหล่านั้นเจอกัน
4.2. จำนวนความแตกต่างในนัดที่ทีมเหล่านั้นเจอกัน
4.3 จำนวนประตูในนัดที่ทีมเหล่านั้นเจอกัน
5. หากทีมยังอยู่ในระดับเท่ากันอีก หลังจากพิจารณาเกณฑ์ด้านบน จะใช้อันดับโลกฟีฟ่าในการพิจารณา

รอบแพ้คัดออก แต่ละรอบจะแข่งกันเพียงครั้งเดียว โดยจะต่อเวลาพิเศษและยิงลูกโทษหากไม่สามารถทำประตูได้ โดยเริ่มที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย (หรือรอบที่ 2) ผู้ชนะจะเข้าแข่งต่อในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และนำไปสู่รอบรองชนะเลิศ นัดชิงอันดับที่สาม (แข่งจากผู้แพ้ในรอบรองชนะเลิศ) และนัดชิงชนะเลิศ

ขั้นตอนการคัดเลือกเจ้าภาพ

การคัดเลือกเจ้าภาพในครั้งแรก ๆ จัดขึ้นในการประชุมของสภาฟีฟ่า สถานที่การจัดการแข่งขันมักเกิดความขัดแย้ง เนื่องจากทวีปอเมริกาใต้และยุโรป ไกลเกินกว่าจะเป็นศูนย์กลางของทีมที่แข็งแกร่งและต้องใช้เวลาในการเดินทางนานถึง 3 สัปดาห์โดยเรือ การตัดสินใจเลือกประเทศอุรุกวัยเป็นประเทศเจ้าภาพครั้งแรกนั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน มีทีมจากประเทศยุโรปเพียง 4 ทีมที่เข้าแข่งขัน ส่วนเจ้าภาพในอีก 2 ครั้งถัดมา จัดขึ้นในยุโรป ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งก็เกิดข้อขัดแย้งขึ้นมา เพราะจัดในฝั่งยุโรปเพื่อให้เข้าใจว่า สถานที่จัดนั้นจะสลับกันไปมาระหว่าง 2 ทวีป ซึ่งทั้งอาร์เจนตินาและอุรุกวัย คว่ำบาตรฟุตบอลโลก 1938


ตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1958 เป็นต้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรและข้อขัดแย้งในอนาคต ฟีฟ่าจึงได้เริ่มรูปแบบที่ชัดเจน โดยเลือกประเทศเจ้าภาพสลับกัน 2 ทวีป ระหว่างทวีปอเมริกาและยุโรป ดำเนินมาถึงฟุตบอลโลก 1998 จนฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศเจ้าภาพคือเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในทวีปเอเชีย และเป็นครั้งเดียวของการแข่งขันที่จัดขึ้นโดยมีเจ้าภาพร่วมกัน และในฟุตบอลโลก 2010 แอฟริกาใต้ ก็เป็นชาติแรกในทวีปแอฟริกาที่ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ส่วนการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดคือปี 2014 ซึ่งบราซิลเป็นเจ้าภาพครั้งแรกในทวีปอเมริกาใต้ตั้งแต่ปี 1978 ถือเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกจัด 2 ครั้งติดต่อกัน นอกยุโรป


การคัดเลือกประเทศเจ้าภาพ จะผ่านการลงคะแนนจากคณะผู้บริหารระดับสูงของฟีฟ่า โดยการทำบัตรลงคะแนนที่รัดกุม สมาคมฟุตบอลแห่งชาติของแต่ละประเทศที่ต้องการเสนอตนเป็นเจ้าภาพ จะได้รับหนังสือ "ข้อตกลงการเป็นประเทศเจ้าภาพ" จากฟีฟ่า ที่อธิบายถึงขั้นตอนและสิ่งที่ต้องการและคาดหวังจากการประมูล สมาคมที่ประมูลก็ได้รับแบบฟอร์ม เรื่องการยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆ ในการยืนยันอย่างเป็นทางการในการเป็นผู้เสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพ หลังจากนั้นฟีฟ่าจะแต่งตั้งคณะผู้ตรวจสอบเดินทางไปประเทศที่เสนอตัว เพื่อตรวจสอบสิ่งที่ต้องการต่าง ๆ ในการจัดการแข่งขันและรายงานที่ประเทศนั้นอำนวยการสร้าง โดยการตัดสินใจคัดเลือกว่าประเทศใดเป็นประเทศเจ้าภาพนั้น โดยมากจะตัดสินใจล่วงหน้า 6-7 ปีก่อนปีที่จัด อย่างไรก็ตาม มีบางครั้งที่มีการประกาศประเทศเจ้าภาพหลายเจ้าภาพในเวลาเดียวกัน เช่นในกรณี ฟุตบอลโลก 2018 และ 2022

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 และ 2014 เจ้าภาพที่เลือกจำกัดขึ้นเฉพาะประเทศที่เลือกจากเขตสมาพันธ์ (แอฟริกา ในฟุตบอลโลก 2010 และอเมริกาใต้ ในฟุตบอลโลก 2014) ที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ นโยบายการหมุนเวียนนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อพิพาท ที่เจ้าภาพเยอรมนีชนะการลงคะแนนเสียงเหนือแอฟริกาใต้ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 อย่างไรก็ตามนโยบายการหมุนเวียนทวีป จะไม่มีอีกต่อไป หลังปี 2014 ดังนั้นไม่ว่าจะประเทศใด (ยกเว้นประเทศที่เป็นเจ้าภาพ 2 ครั้งก่อน) ก็สามารถเสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลกได้ ตั้งแต่ปี 2018 คือปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งปีนี้เจ้าภาพคือ รัสเซีย


ผลการแข่งขันของเจ้าภาพ

ผู้ชนะในการแข่งขันฟุตบอลโลก 6 ทีม จาก 8 ทีมที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศในการเป็นเจ้าภาพ ยกเว้นทีมบราซิล ที่แพ้ในนัดชิงชนะเลิศในนัดที่บ้านเกิดในปี 1950 และสเปน ที่ได้ที่ 2 ในบ้านเกิดในปี 1982 ส่วนอังกฤษ (1966) และฝรั่งเศส (1998) ได้รับตำแหน่งชนะเลิศเพียงครั้งเดียวในครั้งที่ประเทศของตนเป็นประเทศเจ้าภาพ ในขณะที่อุรุกวัย (1930), อิตาลี (1934) และอาร์เจนตินา (1978) ชนะครั้งแรกในการเป็นประเทศเจ้าภาพ และในครั้งถัดมาก็สามารถป้องกันแชมป์ได้ ขณะที่เยอรมนี (1974) ชนะเลิศครั้งที่ 2 ในครั้งที่เป็นประเทศเจ้าภาพ

ส่วนชาติอื่นที่ประสบความสำเร็จในครั้งที่เป็นประเทศเจ้าภาพ เช่น สวีเดน (ที่ 2 ในปี 1958), ชิลี (ที่ 3 ในปี 1962), เกาหลีใต้ (ที่ 4 ในปี 2002) และเม็กซิโก (รอบ 8 ทีมสุดท้ายทั้งในปี 1970 และ 1986) ทุกทีมที่เป็นเจ้าภาพ มีผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการแข่งขัน เว้นแต่ แอฟริกาใต้ (ปี 2010) เป็นประเทศเจ้าภาพประเทศเดียวที่ตกรอบตั้งแต่รอบแรกอย่างน่าเสียดายทั้งๆที่แต้มมี 4 แต้มเท่ากับเม็กซิโก แต่เม็กซิโกมีลูกได้เสียดีกว่า


การจัดการและสื่อครอบคลุม

ฟุตบอลโลก เผยแพร่ภาพทางโทรทัศน์ครั้งแรกในปี 1954 และปัจจุบันถือเป็นรายการถ่ายทอดสดกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก มากกว่าโอลิมปิกเสียอีก โดยมีผู้ชมรวมในทุกนัดการแข่งขันของฟุตบอลโลก 2006 มีราว 26.29 พันล้านคน มีผู้ชม 715.1 ล้านคนเฉพาะในนัดตัดสิน (1 ใน 9 ของประชากรโลก) ส่วนในรอบคัดเลือกในรอบแบ่งกลุ่ม มีผู้ชม 300 ล้านคน

MASCOT ตัวนำโชค

ฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 1966 เป็นต้นมา จะมีตัวนำโชค (มาสคอต) หรือโลโก้ประจำของการแข่งขัน มาสคอตตัวแรกคือ วิลลี อังกฤษ 1966  

และหลังจากนั้น บอลโลกทุกครั้งก็จะมี "มาสค็อต" แตกต่างกันไป ดังต่อไปนี้
"ฮวนนิโต้" เม็กซิโก 1970

"ทิปแอนด์แท็ป" เยอรมันตะวันตก 1974

"เกาชิโต้" อาร์เจนติน่า 1978

"นารานจิโต้" สเปน 1982

"ปีเก้" เม็กซิโก 1986

"เชา" อิตาลี 1990

"สไตรเกอร์" U.S.A. 1994

"ฟูติซ" ฝรั่งเศส 1998

"คาส,อาโตะ และ นิค" เกาหลีใต้+ญี่ปุ่น 2002

"โกเลโอ อิฟ อุนด์ ปิลเล่" เยอรมนี 2006

"ซาคุมิ" แอฟริกาใต้ 2010

"ฟูเลโก้" บราซิล 2014

และ "ซาบิวาก้า" รัสเซีย 2018

ขอบคุณ ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย และภาพประกอบจากกูเกิ้ล&ยูทูป

ต่อพรุ่งนี้อีกวันหนึ่งนะครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่