
โลกออนไลน์แพร่คลิปการแจ้งเตือนให้พี่น้องชายไทยมุสลิม อย่าออกจากบ้านในวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 เพราะจะมีการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนรอมฏอน ประชาชนจำนวนมากจะต้องเดินทางออกนอกบ้านเพื่อประกอบศาสนกิจในค่ำคืนของเดือนถือศีลอด ประกอบกับในห่วงที่ผ่านมา ได้มีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม จำนวนหลายจุด ซึ่งสร้างความหวาดกลับให้กับประชาชนอย่างมาก
ล่าสุดพันเอกธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าชี้แจงว่า ภาพข่าวที่ปรากฏเป็นความพยายามปล่อยข่าวลือเพื่อสร้างความสับสนและหวาดกลัวกับพี่น้องประชาชน สร้างความกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม ในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ อย่าได้ตื่นตระหนกกับข่าวลือดังกล่าว
ทั้งนี้ จะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าดำเนินการกับผู้ก่อเหตุทุกราย เช่นเดียวกับการก่อเหตุป่วนเมือง, ลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมมาได้แล้วหลายราย ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติมการกระทำของกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่เคยได้แสดงความรับผิดชอบต่อความเดือดร้อนของประชาชนมุ่งแต่ก่อเหตุเพื่อประโยชน์ของกลุ่มตนเท่านั้น ซึ่งทางกองทัพภาค 4 ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าดูแลความความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อไม่กระทบต่อการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฏอน
ในขณะที่ด้านนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำศาสนารู้สึกว่า การเผยแพร่คลิปดังกล่าว เป็นสิ่งไม่ดี เพราะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอน ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าวัตถุประสงค์ของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
ซึ่งถ้าทุกคนเข้าใจก็จะไม่ก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนก ซึ่งถ้าเป็นข่าวลือแล้วก็อย่าไปฟังข่าวลือ เพราะข่าวลือเหล่านี้ไม่สามารถสร้างความแตกแยกและก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางการประกอบศาสนกิจได้ ซึ่งอยากจะฝากไปยังผู้นำศาสนาประจำมัสยิดต่างๆและประชาชนที่ถือศีลอดในเดือนรอมฏอน ขอให้ปฏิบัติศาสนกิจเหมือนเดิมไม่อยากให้ไปฟังข่าวลือมากเกินไป
ข่าวลือ ห้ามชาวมุสลิมออกจากบ้าน
โลกออนไลน์แพร่คลิปการแจ้งเตือนให้พี่น้องชายไทยมุสลิม อย่าออกจากบ้านในวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 เพราะจะมีการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนรอมฏอน ประชาชนจำนวนมากจะต้องเดินทางออกนอกบ้านเพื่อประกอบศาสนกิจในค่ำคืนของเดือนถือศีลอด ประกอบกับในห่วงที่ผ่านมา ได้มีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม จำนวนหลายจุด ซึ่งสร้างความหวาดกลับให้กับประชาชนอย่างมาก
ล่าสุดพันเอกธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าชี้แจงว่า ภาพข่าวที่ปรากฏเป็นความพยายามปล่อยข่าวลือเพื่อสร้างความสับสนและหวาดกลัวกับพี่น้องประชาชน สร้างความกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม ในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ อย่าได้ตื่นตระหนกกับข่าวลือดังกล่าว
ทั้งนี้ จะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าดำเนินการกับผู้ก่อเหตุทุกราย เช่นเดียวกับการก่อเหตุป่วนเมือง, ลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมมาได้แล้วหลายราย ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติมการกระทำของกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่เคยได้แสดงความรับผิดชอบต่อความเดือดร้อนของประชาชนมุ่งแต่ก่อเหตุเพื่อประโยชน์ของกลุ่มตนเท่านั้น ซึ่งทางกองทัพภาค 4 ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าดูแลความความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อไม่กระทบต่อการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฏอน
ในขณะที่ด้านนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำศาสนารู้สึกว่า การเผยแพร่คลิปดังกล่าว เป็นสิ่งไม่ดี เพราะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอน ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าวัตถุประสงค์ของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
ซึ่งถ้าทุกคนเข้าใจก็จะไม่ก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนก ซึ่งถ้าเป็นข่าวลือแล้วก็อย่าไปฟังข่าวลือ เพราะข่าวลือเหล่านี้ไม่สามารถสร้างความแตกแยกและก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางการประกอบศาสนกิจได้ ซึ่งอยากจะฝากไปยังผู้นำศาสนาประจำมัสยิดต่างๆและประชาชนที่ถือศีลอดในเดือนรอมฏอน ขอให้ปฏิบัติศาสนกิจเหมือนเดิมไม่อยากให้ไปฟังข่าวลือมากเกินไป