เราจะมาเล่าเรื่องหอในของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งค่ะ (edit บอกมหาลัยเลยละกันค่ะ) เป็นtopicที่ดราม่ากันทุกปีของมหาวิทยาลัยของเราเอง
หอใน ในมหาวิทยาลัยปกตินั้นเชื่อว่าของทุกๆมหาวิทยาลัยก็จะมีวิธีรับที่ต่างกัน บ้างก็ให้ปี1อยู่หอในทั้งหมด บ้างก็สมัครแล้วได้เลย
โดยจากโค้ตของหอนี้คือ
“ จุดประสงค์ของการสร้างหอพักสำหรับนิสิตนั้น นอกจากจะเป็นที่พักอาศัย ให้ความสะดวกสบายไม่ต้องเดินทางไกล ให้ความพร้อมทางด้านอุปกรณ์ในการศึกษาเล่าเรียนแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การเปิดโอกาสให้นิสิตได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคม ได้รับการอบรมส่งเสริมจริยธรรม เพื่อให้นิสิตสามารถบรรลุเป้าหมายแห่งการเป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ มหาวิทยาลัยจึงได้เล็งเห็นความสำคัญ โดยจัดหอพักในมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นสวัสดิการช่วยเหลือนิสิตที่มีความจำเป็น ในด้านที่พักรวมถึงต้องการให้หอพักเป็นสถานที่เพิ่มพูนความรู้และช่วยพัฒนาบุคคลให้มากที่สุด”
ค่ะมาถึงตรงนี้อาจจะงงๆว่าเราเขียนทำไม เรากล้าบอกเลยค่ะว่ามหาลัยเราเก็บเงินแทบจะทุกอย่าง ค่าที่โคตรแพง ชาวบ้านละแวกนั้นโดนไล่ หรือพอสร้างคอมมิวนิตี้มอลก็มีปัญหา เพราะอะไรหน้ะหรือคะ...คิดตามนะคะพื้นที่ ที่มีแต่คนซื้อค่ะ แต่ไม่มีคนอยู่ มันจะเหลือหรอคะ เพราะมอเราการจราจรติดขัดมากในช่วงโมงกลับบ้านเพราะฉะนั้นเรียนเสร็จก็ต้องรีบกลับสิคะ รออะไร
เราตัดภาพมาความเป็นจริงกันนะคะ
เริ่มจากตอนสมัครค่ะ : คุณต้องไปสมัคร มีการสัมภาษรับเข้าสมัคร โดยดูเกรด ดูการแต่งตัว(เพราะเพื่อนเราเพียงยืมย่ามขาวเพื่อนไปถือก็ได้เข้าหอถูกเลยค่ะทั้งๆที่มันสะพายหลุยส์) ดูกิจกรรมที่คุณเคยทำและเงินเดือนคุณพ่อคุณแม่ค่ะ (เงินเดือนดีหน่อยก็อยู่หอดี แต่ถ้าดีเกินก็หอนอกไปเลยค่ะ)ในใจก็คิดนะคะว่าลุ้นเข้ามายังต้องลุ้นว่าจะมีที่อยู่ไหมอีก
ชีวิตการเป็นอยู่ : เคยอยู่ทั้งพัดลมและแอร์ค่ะ มาที่แอร์ก่อนค่ะก็ธรรมดาเหมือนหอพักทั่วไป แต่ค่ะ ระบบคุณต้องลุกตื่นขึ้นมาจองเตียงและห้องที่คุณอยากได้หรือถ้ามีเมทคุณก็ต้องคุยกับเมทว่าจะห้องไหน(เหมือนจองตั๋วหนังเลยค่ะ) แต่ถ้าคุณไม่มีเมทก็randomค่ะ เป็นห้องละ2เตียงเลือกจิ้มโล้ด~ ส่วนความเป็นอยู่ถือว่าเป็นระเบียบแบะสงบค่ะ สงบมากไม่มีใครยุ่งกับใครเลย ดูเหมือนไม่มีข้อเสียนะคะแต่...สัญญาณไฟไหม้ค่ะ ดังเป็นนาฬิกาปลุกเลยค่ะ อันที่จริงปัญหานี้เป็นแทบทุกตึกค่ะจนเด็กไม่วิ่งแล้วค่ะ เดินหรือบางกรณีรอมันหายไปเองนั่นแหละค่ะ
มาค่ะเรามาต่อที่ห้องพัดลมห้องขนาดเท่ากับห้องแอร์เลยค่ะเพียงแต่นอนกัน4คนค่ะ เตียงไม่ค่อยแน่ใจค่ะว่าเรียกว่าไซส์อะไร ประมาณถุงนอนแหละค่ะแต่เป็นเบาะ เจอตุ้กแกทุกวัน ห้องน้ำรวมค่ะไม่ซีเรียสแต่! มีคนนึงเทก๋วยเตี๋ยวที่มีเส้นและกระดูกหมูลงไปในซิ้งค์รวมความแตกต่างที่มาจริงๆค่ะ แต่พอไปบอกพี่เจ้าหน้าที่ “อ๋อ คนนี้เค้าเป็น กนห” (กรรมการนิสิตหอพัก)
มาถึงการเก็บคะแนนค่ะ...ไม่ต้อง งง ค่ะเก็บคะแนนจริงจัง เมื่อก่อนว่าแรงแล้ว ปัจจุบันแรงกว่า
->กนห กรณีข้างบนไม่โดนอะไรทั้งสิ้นแค่โดนพี่แซวกับแซะนิดหน่อยคะแนนไม่ตัด
ต่อค่ะ ทางหอพักจะมีกิจกรรมให้เราเข้าร่วมเสมอๆ เริ่มจากการรับน้องหอพักที่จะเวียนฐาน 2อาทิตทุกเลิกเรียนเราก็ต้องมาเปลี่ยนเสื้อและเข้าไปเรียงเป็นแนวพี่ๆ กนห ก็จะมาร้องเพลงให้เราฟังและเราก็ร้องเพลงหอตามกันไป วนไปค่ะ บางฐานมีอาจารมาพูดจนดึกหน่ะค่ะ
กิจกรรมต่อมาจะเป็นงานเช้าที่แกมบังคับเด็กปี1เข้ากับเด็กหอเพราะได้คะแนนหอ ต้องตื่นตี5ค่ะ มารวมกันก่อนเพื่อเช็คชื่อและเดินไปลานกิจกรรมโดยพร้อมกัน อันที่จริงงานใหญ่ๆที่ต้องใช้นิสิตเยอะๆก็จะมาขอความร่วมมือจากทางหอพักนี่แหละค่ะ
ทั้งการเชียร์กีฬาระหว่างสถาบัน งานประเพณีที่สืบทอดกันมา พิธีรีตอง งานรับสมเด็จเจ้าฟ้า งานคืนสู่เหย้าที่มีฝ่ายสถานที่ เสิรฟ(แอบเห็นซุ้มเบียร์อยู่เนืองๆ) แม้แต่การไปฟังสัมมนาหรือปาถกฐาของบุคคลสำคัญ เก็บคะแนนหมดค่ะแม้แต่กิจกรรมตัดเทียน พับดอกไม้จันทร์วันพุทธช่วงไว้ทุกข์ก็ตาม
มาถึงตรงนี้อาจจะมองว่าก็มีมานานแล้วหนิแต่อาจจะไม่แรงเท่านี้ ใช่ค่ะแต่การเก็บคะแนนหอพักตอนปิดเทอมเป็นอะไรที่รับไม่ได้ที่สุดค่ะ เพราะปิดเทอมมันเป็นช่วงเวลาที่เด็กบางคนไม่ได้เจอพ่อแม่มา4เดือนได้เจอกันแต่กลับเอาคะแนนหอพักมาเพื่อให้เด็กอยู่ อันนี้เรารู้สึกแย่จริงๆค่ะ มันไม่ควรจะเกิดเลยจริงๆ
คะแนนที่คุณได้มายากเย็นก็สามารถลบได้นะคะถ้าคุณทำผิดกฏ(ยกเว้นกนหมั้งคะ) ผู้หญิงห้ามเข้าหอเกิน4ทุ่มค่ะการแก้ปัญหาเราเลยคือ “กลับเช้า” แต่เค้าก็จะมีกฏมาอีกข้อคือต้องอยู่ให้ถึง80% ของเดือนหรือตรวจ5ส ไม่ผ่านเคยมีค่ะห้องเรียบร้อยแต่เอาเสื้อพาดไว้ที่เก้าอี้ ออกเลยค่ะ
ถามว่า คะแนนหอน้อยเกิดอะไรขึ้น
“ เด้งหอค่ะ “ หรือคุณไม่สามารถอยู่หอได้ในเทอมถัดไปและในทุกเทอมก็จะมีคนมาสมัครใหม่อีกมากมายค่ะ สัมภาษก็แบบเดิมค่ะยื่น resume ติดรูป หรือบางทีคนรู้จักเราซิ่วอยุที่เดิมค่ะมาจากเชียงใหม่ ผลการสัมภาษคือ ไม่ติดค่ะ และอาจารก็บอกเลยค่ะ เคยอยู่แถวนี้แล้วน่าจะหาหอเองได้ แต่เราอยู่แค่นนท์ได้ค่ะ(ที่จริงก็อยากให้แต่ถ้าสละสิทเค้าก็ไม่ล็อคคนให้ค่ะ)
และก็จะมีการประชุมหอค่ะเทอมละครั้ง ขาดนี่คือเด้งเลยนะคะ มีอยู่ไม่กี่ประเด็นที่เค้าพูดค่ะ “คิดดูสิคะ กลางใจเมืองเราจะหาที่พักที่ไหนที่ราคาแบบนี้ สถานที่แห่งนี้ >มีบุญคุณกับเรามาก< อยากให้นิสิตทำความดีเพื่อตอบแทนหอพักด้วยนะคะ” และ “การเรียนไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ expereince (เอ๊กส์-พี-เหรียน) มันก็สำคัญนะคะ ที่ทางหอพักมีกิจกรรมให้นิสิตทำก็เพื่อให้พวกเราใช้ชีวิตเเละเก็บประสบการณ์เพื่อตัวนิสิตเอง
.
..
... นี่แหละค่ะ เราทำงานทั้งกับทางคณะและส่วนกลางของมหาวิทยาลัยโดยเราก็เอากิจกรรมพวกนั้นไปยื่น สิ่งที่ได้คือต้องทำกิจกรรมหอพักเท่านั้น... ค่ะ
เราจึงถามค่ะ ว่า ในเมื่อexperienceมันสำคัญ กิจกรรมข้างนอกหอพักก็ได้ประสบการณ์เหมือนกันนะคะทั้งกับส่วนกลางเองคณะเอง ทำไมไม่คิดว่าส่วนนั้นควรจะเป็นคะแนนด้วยหล่ะหรือกิจกรรมหอพักสำคัญกว่า- ยอมรับเลยค่ะกลางที่ประชุม+อารมเพราะตอนนั้นคือเด็กมาก ตอนนี้ก็ยังไม่โตหรอกค่ะแต่ก็รู้ค่ะว่าตอนนั้นมันแรงเกินไป
ตอนนี้แทนที่จะทุบตึก4ชั้นให้สูงขึ้นเป็น20ชั้นเพื่อให้เด็กอยู่เยอะขึ้น กลับไปรีโนเวทอีกตึกก่อนทำให้พื้นที่ ที่เด็กสามารถพักได้น้อยลงไปอีก (คัดเด็กออกอีก)
เลยอยากถามความเห็นจากมุมคนข้างนอกค่ะว่ามันดีอยู่แล้วจริงหรือคะ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนตัวเข้าใจค่ะว่าพื้นที่มันน้อยต้ งมีเกณฑ์ที่บ่งชี้ว่าใครสามารถอยู่หรือไป
ปล. Tagห้องผิดขออภยด้วยค่ะมือใหม่
ปล2. ถ้าข้อมูลผิดพลาดขออภัยด้วยค่ะ
หอในของมหาวิทยาลัยไหนเป็นแบบนี้ไหมคะ
หอใน ในมหาวิทยาลัยปกตินั้นเชื่อว่าของทุกๆมหาวิทยาลัยก็จะมีวิธีรับที่ต่างกัน บ้างก็ให้ปี1อยู่หอในทั้งหมด บ้างก็สมัครแล้วได้เลย
โดยจากโค้ตของหอนี้คือ
“ จุดประสงค์ของการสร้างหอพักสำหรับนิสิตนั้น นอกจากจะเป็นที่พักอาศัย ให้ความสะดวกสบายไม่ต้องเดินทางไกล ให้ความพร้อมทางด้านอุปกรณ์ในการศึกษาเล่าเรียนแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การเปิดโอกาสให้นิสิตได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคม ได้รับการอบรมส่งเสริมจริยธรรม เพื่อให้นิสิตสามารถบรรลุเป้าหมายแห่งการเป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ มหาวิทยาลัยจึงได้เล็งเห็นความสำคัญ โดยจัดหอพักในมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นสวัสดิการช่วยเหลือนิสิตที่มีความจำเป็น ในด้านที่พักรวมถึงต้องการให้หอพักเป็นสถานที่เพิ่มพูนความรู้และช่วยพัฒนาบุคคลให้มากที่สุด”
ค่ะมาถึงตรงนี้อาจจะงงๆว่าเราเขียนทำไม เรากล้าบอกเลยค่ะว่ามหาลัยเราเก็บเงินแทบจะทุกอย่าง ค่าที่โคตรแพง ชาวบ้านละแวกนั้นโดนไล่ หรือพอสร้างคอมมิวนิตี้มอลก็มีปัญหา เพราะอะไรหน้ะหรือคะ...คิดตามนะคะพื้นที่ ที่มีแต่คนซื้อค่ะ แต่ไม่มีคนอยู่ มันจะเหลือหรอคะ เพราะมอเราการจราจรติดขัดมากในช่วงโมงกลับบ้านเพราะฉะนั้นเรียนเสร็จก็ต้องรีบกลับสิคะ รออะไร
เราตัดภาพมาความเป็นจริงกันนะคะ
เริ่มจากตอนสมัครค่ะ : คุณต้องไปสมัคร มีการสัมภาษรับเข้าสมัคร โดยดูเกรด ดูการแต่งตัว(เพราะเพื่อนเราเพียงยืมย่ามขาวเพื่อนไปถือก็ได้เข้าหอถูกเลยค่ะทั้งๆที่มันสะพายหลุยส์) ดูกิจกรรมที่คุณเคยทำและเงินเดือนคุณพ่อคุณแม่ค่ะ (เงินเดือนดีหน่อยก็อยู่หอดี แต่ถ้าดีเกินก็หอนอกไปเลยค่ะ)ในใจก็คิดนะคะว่าลุ้นเข้ามายังต้องลุ้นว่าจะมีที่อยู่ไหมอีก
ชีวิตการเป็นอยู่ : เคยอยู่ทั้งพัดลมและแอร์ค่ะ มาที่แอร์ก่อนค่ะก็ธรรมดาเหมือนหอพักทั่วไป แต่ค่ะ ระบบคุณต้องลุกตื่นขึ้นมาจองเตียงและห้องที่คุณอยากได้หรือถ้ามีเมทคุณก็ต้องคุยกับเมทว่าจะห้องไหน(เหมือนจองตั๋วหนังเลยค่ะ) แต่ถ้าคุณไม่มีเมทก็randomค่ะ เป็นห้องละ2เตียงเลือกจิ้มโล้ด~ ส่วนความเป็นอยู่ถือว่าเป็นระเบียบแบะสงบค่ะ สงบมากไม่มีใครยุ่งกับใครเลย ดูเหมือนไม่มีข้อเสียนะคะแต่...สัญญาณไฟไหม้ค่ะ ดังเป็นนาฬิกาปลุกเลยค่ะ อันที่จริงปัญหานี้เป็นแทบทุกตึกค่ะจนเด็กไม่วิ่งแล้วค่ะ เดินหรือบางกรณีรอมันหายไปเองนั่นแหละค่ะ
มาค่ะเรามาต่อที่ห้องพัดลมห้องขนาดเท่ากับห้องแอร์เลยค่ะเพียงแต่นอนกัน4คนค่ะ เตียงไม่ค่อยแน่ใจค่ะว่าเรียกว่าไซส์อะไร ประมาณถุงนอนแหละค่ะแต่เป็นเบาะ เจอตุ้กแกทุกวัน ห้องน้ำรวมค่ะไม่ซีเรียสแต่! มีคนนึงเทก๋วยเตี๋ยวที่มีเส้นและกระดูกหมูลงไปในซิ้งค์รวมความแตกต่างที่มาจริงๆค่ะ แต่พอไปบอกพี่เจ้าหน้าที่ “อ๋อ คนนี้เค้าเป็น กนห” (กรรมการนิสิตหอพัก)
มาถึงการเก็บคะแนนค่ะ...ไม่ต้อง งง ค่ะเก็บคะแนนจริงจัง เมื่อก่อนว่าแรงแล้ว ปัจจุบันแรงกว่า
->กนห กรณีข้างบนไม่โดนอะไรทั้งสิ้นแค่โดนพี่แซวกับแซะนิดหน่อยคะแนนไม่ตัด
ต่อค่ะ ทางหอพักจะมีกิจกรรมให้เราเข้าร่วมเสมอๆ เริ่มจากการรับน้องหอพักที่จะเวียนฐาน 2อาทิตทุกเลิกเรียนเราก็ต้องมาเปลี่ยนเสื้อและเข้าไปเรียงเป็นแนวพี่ๆ กนห ก็จะมาร้องเพลงให้เราฟังและเราก็ร้องเพลงหอตามกันไป วนไปค่ะ บางฐานมีอาจารมาพูดจนดึกหน่ะค่ะ
กิจกรรมต่อมาจะเป็นงานเช้าที่แกมบังคับเด็กปี1เข้ากับเด็กหอเพราะได้คะแนนหอ ต้องตื่นตี5ค่ะ มารวมกันก่อนเพื่อเช็คชื่อและเดินไปลานกิจกรรมโดยพร้อมกัน อันที่จริงงานใหญ่ๆที่ต้องใช้นิสิตเยอะๆก็จะมาขอความร่วมมือจากทางหอพักนี่แหละค่ะ
ทั้งการเชียร์กีฬาระหว่างสถาบัน งานประเพณีที่สืบทอดกันมา พิธีรีตอง งานรับสมเด็จเจ้าฟ้า งานคืนสู่เหย้าที่มีฝ่ายสถานที่ เสิรฟ(แอบเห็นซุ้มเบียร์อยู่เนืองๆ) แม้แต่การไปฟังสัมมนาหรือปาถกฐาของบุคคลสำคัญ เก็บคะแนนหมดค่ะแม้แต่กิจกรรมตัดเทียน พับดอกไม้จันทร์วันพุทธช่วงไว้ทุกข์ก็ตาม
มาถึงตรงนี้อาจจะมองว่าก็มีมานานแล้วหนิแต่อาจจะไม่แรงเท่านี้ ใช่ค่ะแต่การเก็บคะแนนหอพักตอนปิดเทอมเป็นอะไรที่รับไม่ได้ที่สุดค่ะ เพราะปิดเทอมมันเป็นช่วงเวลาที่เด็กบางคนไม่ได้เจอพ่อแม่มา4เดือนได้เจอกันแต่กลับเอาคะแนนหอพักมาเพื่อให้เด็กอยู่ อันนี้เรารู้สึกแย่จริงๆค่ะ มันไม่ควรจะเกิดเลยจริงๆ
คะแนนที่คุณได้มายากเย็นก็สามารถลบได้นะคะถ้าคุณทำผิดกฏ(ยกเว้นกนหมั้งคะ) ผู้หญิงห้ามเข้าหอเกิน4ทุ่มค่ะการแก้ปัญหาเราเลยคือ “กลับเช้า” แต่เค้าก็จะมีกฏมาอีกข้อคือต้องอยู่ให้ถึง80% ของเดือนหรือตรวจ5ส ไม่ผ่านเคยมีค่ะห้องเรียบร้อยแต่เอาเสื้อพาดไว้ที่เก้าอี้ ออกเลยค่ะ
ถามว่า คะแนนหอน้อยเกิดอะไรขึ้น
“ เด้งหอค่ะ “ หรือคุณไม่สามารถอยู่หอได้ในเทอมถัดไปและในทุกเทอมก็จะมีคนมาสมัครใหม่อีกมากมายค่ะ สัมภาษก็แบบเดิมค่ะยื่น resume ติดรูป หรือบางทีคนรู้จักเราซิ่วอยุที่เดิมค่ะมาจากเชียงใหม่ ผลการสัมภาษคือ ไม่ติดค่ะ และอาจารก็บอกเลยค่ะ เคยอยู่แถวนี้แล้วน่าจะหาหอเองได้ แต่เราอยู่แค่นนท์ได้ค่ะ(ที่จริงก็อยากให้แต่ถ้าสละสิทเค้าก็ไม่ล็อคคนให้ค่ะ)
และก็จะมีการประชุมหอค่ะเทอมละครั้ง ขาดนี่คือเด้งเลยนะคะ มีอยู่ไม่กี่ประเด็นที่เค้าพูดค่ะ “คิดดูสิคะ กลางใจเมืองเราจะหาที่พักที่ไหนที่ราคาแบบนี้ สถานที่แห่งนี้ >มีบุญคุณกับเรามาก< อยากให้นิสิตทำความดีเพื่อตอบแทนหอพักด้วยนะคะ” และ “การเรียนไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ expereince (เอ๊กส์-พี-เหรียน) มันก็สำคัญนะคะ ที่ทางหอพักมีกิจกรรมให้นิสิตทำก็เพื่อให้พวกเราใช้ชีวิตเเละเก็บประสบการณ์เพื่อตัวนิสิตเอง
.
..
... นี่แหละค่ะ เราทำงานทั้งกับทางคณะและส่วนกลางของมหาวิทยาลัยโดยเราก็เอากิจกรรมพวกนั้นไปยื่น สิ่งที่ได้คือต้องทำกิจกรรมหอพักเท่านั้น... ค่ะ
เราจึงถามค่ะ ว่า ในเมื่อexperienceมันสำคัญ กิจกรรมข้างนอกหอพักก็ได้ประสบการณ์เหมือนกันนะคะทั้งกับส่วนกลางเองคณะเอง ทำไมไม่คิดว่าส่วนนั้นควรจะเป็นคะแนนด้วยหล่ะหรือกิจกรรมหอพักสำคัญกว่า- ยอมรับเลยค่ะกลางที่ประชุม+อารมเพราะตอนนั้นคือเด็กมาก ตอนนี้ก็ยังไม่โตหรอกค่ะแต่ก็รู้ค่ะว่าตอนนั้นมันแรงเกินไป
ตอนนี้แทนที่จะทุบตึก4ชั้นให้สูงขึ้นเป็น20ชั้นเพื่อให้เด็กอยู่เยอะขึ้น กลับไปรีโนเวทอีกตึกก่อนทำให้พื้นที่ ที่เด็กสามารถพักได้น้อยลงไปอีก (คัดเด็กออกอีก)
เลยอยากถามความเห็นจากมุมคนข้างนอกค่ะว่ามันดีอยู่แล้วจริงหรือคะ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. Tagห้องผิดขออภยด้วยค่ะมือใหม่
ปล2. ถ้าข้อมูลผิดพลาดขออภัยด้วยค่ะ