....รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม "สายแลนที่ดี ต้องพันกัน"..../วชรน

กระทู้คำถาม
รับจ๊อบจากข้างนอกมาทำ  เกี่ยวกับพวกเน็ตเวิร์ก  สายแลน  สายใยแก้ว  ทำให้นึกถึงกระทู้ไม่นานมานี้เกี่ยวกับสายแลน   สำหรับท่านบางท่านอาจจะยังไม่รู้   ที่เรียก "สายแลน" กันจนติดปากนั้นอาจจะไม่ถูกต้อง    โดยทั่วๆ ไปหรือสากลเขาจะเรียกว่า "เน็ตเวิร์กเคเบิ้ล"   หรือในหมู่เน็ตเวิร์กเอ็นจิเนียร์สากลเขาจะเรียกสั้นๆ ว่า "ค้อปเปอร์เคเบิ้ล" (copper cable) เพราะทำมาจากลวดทองแดง  เพื่อให้เห็นความแตกต่างกับเคเบิ้ล(สายแลน) อีกประเภทหนึ่งคือ "สายใยแก้ว"


ภายในสายแลนจะสายทองแดงขนาดเล็กอยู่ 4 คู่ หรือ 8 สาย ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับส่งคลื่นไฟฟ้า (สัญญาดิจิตอล) ระหว่างคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ที่เรียกว่าเน็ตเวิร์กสวิช   สายทองแดงขนาดเล็กเหล่านี้จะถูก "พันกัน" เอาไว้เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการรับส่ง    อันนี้นำไอเดียของเกรแฮม เบลล์ ผู้ผลิตโทรศัพท์คนแรกของโลก    การ "พันกัน" ของสายจะช่วยลดหรือสะท้อนกลับสัญญารอบๆ ข้างที่จะอาจจะเข้ามารบกวนได้ดีกว่าการทำให้สายเหล่านั้นเดินเป็นเส้นตรง  เพราะ "เส้นตรง" จะดูดซับสัญญาณได้ดีกว่าสายที่ "พันกัน"   รูปข้างล่าง   ผมลงทุนตัดสายแลนให้ดูเป็นตัวอย่าง
การรับส่งสัญญาณดิจิตอลบนสายแลนจะเป็นในรูปแบบของการส่งกระแสไฟฟ้าระหว่าง 3.5 ถึง 5 โวลต์  กระแสไฟฟ้าตรงนี้จะถูกแปลงค่าเป็นเลข0 หรือเลข1 แล้วส่งให้ CPU ของคอมพิวเตอร์คำนวนค่า 0 กับ 1 จากนั้นก็จะแสดงผลออกมาบนหน้าจอหรือลำโพง  หนังโป๊  คลิปเสียง รูปภาพ ฯลฯ ที่ปรากฏบนหน้าจอหรือเสียงบนลำโพงถูกลำเลียงผ่านสายลวดทองในลักษณะนี้เอง (อธิบายแบบสั้นที่สุดนะครับ  ส่วนขั้นตอนโดยละเอียดนั้นลึกมว๊ากก อิ อิ)    ระยะทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุด   สายแลนควรจะยาวจากตัวเน็ตเวิร์กสวิชไปเครื่องคอมคือ100 เมตร


ไหนๆ พูดถึงสายแลนแล้ว   ก็แถมด้วยสายใยแก้วด้วยละกัน    เพราะงานจ๊อบข้างนอกที่ผมรับมาทำนั้นเป็นการติดตั้งและเซ็ทค่าบนเน็ตเวิร์กสวิชให้กับสายแลนและสายใยแก้วไฟเบอร์ด้วย

การส่วงสัญญาณดิจิตอลผ่าน "สายใยแก้ว" นั้นแตกต่างจากสาย "ค้อปเปอร์" หรือลวดทองแดง   สายใยแก้วจะใช้ "แสง" เป็นสื่อ   ดังนั้นความเร็วนั้นก็คงจะเร็วระดับความเร็วแสงเลยล่ะ    เป็นการยืมไอเดียโบราณที่ใช้ตะเกียงปิดและเปิดไฟส่งสัญญาณมาใช้    คือจะมีการ "กระพริบ" ของแสงผ่านเส้นใยแก้วในอัตราที่เร็วมากๆ   เร็วชนิดที่เรามองไม่ทันว่าแสงมันกระพริบ  ในอัตราแบบโครตเวอร์ประมาณหลายแสนล้านครั้งต่อเสี้ยววินาที !!   ที่ปลายทางและต้นทางจะมีตัวทำหน้าที่กระพริบไฟ และรับไฟกระพริบแล้วแปลงสัญญากระพริบนั้นเป็นเลข 0 หรือ 1   จากนั้นก็จะส่งต่อไปยัง ซีพียูของคอมพิวเตอร์แล้วแสดงผลบนหน้าจอ   ตัวทำหน้าที่ส่งและรับการกระพริบของแสงนั้นเขาเรียก Gbic (จีบิก)  มีราคาแพงตามสมรรถภาพ    คือไล่ตั้งแต่รับและส่งในความเร็วที่ 10 กิ๊ก และความเร็วล่าสุดคือ40 กิ๊ก     (หมายเหตุ สายแลน(หรือสายลวดทองแดง)รับและส่งในอัตราแค่ 1 กิ๊ก)  


ในรูปข้างล่างจะเห็นจีบิกตัวเล็กๆ อยู่ตรงกลางราคาของที่มียี่ห้อต่ำสุดก็สองหมื่นถึงห้าหมื่น   ส่วนเน็ตเวิร์กสวิชตัวที่เห็นในรูปเป็นสวิชที่สามรถเสียบสายแลนได้ 24 สาย   ราคาก็ตกเกือบแสน!   เป็นสวิชที่ฉลาดมากๆ  ระบบการรับส่งสัญญาณดิจิตอลได้ทั้งสายลวดทองแดง และสายใยแก้ว   กลั่นกรองไอพีที่แปลกปลอมเข้ามาในระบบเน็ตเวิร์กได้   กล้องCCTV  ไวไฟ  โทรศัพท์  เสียบเข้ากล่องนี้ได้เลย  และมันสามารถปั๊มกระแสไฟให้กับอุปกรณ์เหล่านั้นได้อีกด้วยหรือที่เรียกว่าระบบ ส่งกระแสไฟผ่านสายแลน (POE)  แต่การตั้งค่าให้อุปกรณ์เหล่านั้นไม่ใช่เรื่องหมูๆ
ผมลองเปลือยสายใยแก้วมาให้ดูนะครับว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร   จริงๆ แล้วเป็นสายขนาดเล็กมากๆ เท่ากับเส้นผมของคนบางคนเลย   การส่งสัญญาโดยสายใยแก้วนี้นอกจากจะเร็วแล้ว  ระยะทางการเดินทาง (ของสัญญาณดิจิตอลโดยมีแสงเป็นสื่อ)นั้นเดินทางได้สิบกิโลเป็นอย่างต่ำ  ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสายแลน(ลวดทองแดง)แล้ว ยังห่างกันมาก....

อย่างที่บอกสายใยแก้ววนั้นเล็ก  และเปราะบางมาก  การห่อหุ้มจึงต้องแข็งแรงและยืดหยุ่นป้องกันการกระแทก   สายหุ้มนั้นจึงใหญ่มาก มีการป้องกันการกระแทกหลายชั้น      ภายในสายอาจจะมีสายใยแก้ว 4คู่  6คู่ 8คู่ 12คู่  แล้วแต่จะเลือกซื้อให้ตามความต้องการของสำนักงาน   ถ้าคู่เยอะก็แพงขึ้นตามลำดับ

เล่าสู่กันฟังเฉยๆ.....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่