ไม่ขอพูดถึงเนื้อหาหนังละกัน เอาเป็นแค่พยายามพาไดโนเสาร์หนีจากเกาะที่ตั้งของจูราสสิค เวิร์ลด์ที่ภูเขาไฟจะระเบิด เลยเกิดคำถามทางมนุษยธรรมกับจริยธรรมว่า เราควรปล่อยให้มันตายมั้ย
นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก และเป็นประเด็นหนักด้วย แต่น่าเสียดายที่ผู้กำกับเลือกที่จะทิ้งทางแยกตรงนี้ ไปเล่าในมุมมองคนที่ผูกพันกับไดโนเสาร์อย่างพระเอกกับนางเอก มันเลยเหมือนฉาบสีดำให้กับคนที่คิดต่าง ฉากที่ท่าเรือที่ปล่อยตัวนึงตายแบบกลับไปช่วยไม่ได้เหมือนการเลือกฝั่งแบบชัดเจน หากแต่หนังเล่นประเด็นได้น่าสนใจตรง ถ้าคุณไม่อยากให้มันตาย เราจะทำยังไงกับมัน และคนที่จะทำยังไงกับมัน คุณไว้ใจ เชื่อใจเขาได้มั้ย และหนังเล่นตรงนี้แทน เมื่อคนธรรมดาเรียกร้องจะไปทำอะไรได้ คงต้องคนมีเงินถึงออกทุนไปช่วยไดโนเสาร์ แต่คนออกทุน เขาย่อมมองหากำไรแน่นอน
ประเด็นที่ว่าคือถ้าเราช่วยไดโนเสาร์ มันจะมีคำถามมากมายผุดขึ้นมา คุณจะเอาไดโนเสาร์ไปไว้ไหน มีที่แบบนั้นมั้ย วันนึงไดโนเสาร์จะไม่บุกรุกคนใช่มั้ย นั่นยังไม่น่าสนใจเท่า วันนึงคนจะไม่บุกรุกไดโนเสาร์ใช่มั้ย ตัวละครฝั่งพระนาง คือคนที่คิดแค่ไม่อยากให้มันตายแค่นั้น เพราะผูกพันกันมาแต่ต้น บังเกิดคุณธรรมกับสัตว์โลกล้านปีที่คนธรรมดาๆมองว่า มันเป็นสัตว์นะ จะปล่อยให้มันตายโดยที่เราไม่ช่วยอะไรเลยหรอ เราหาที่อยู่ให้มันสิ ง่ายจะตาย แต่คนที่จะมาขัดขา คือคนที่ลงมือจากนี้ต่างหาก
อีกทางรอดนึง ซึ่งทางเราเองเอนมาทางนี้มากกว่า เราพาลคิดถึงประโยคของ เคน วาตานาเบ้ในก็อดซิลล่าปี 2014 ว่าความโอหังของมนุษย์คือการคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงธรรมชาตินั้นสามารถควบคุมได้ และจูราสสิคภาคนี้ขยายคำพูดนี้ออกมา เราไม่ควรปลุกผีไดโนเสาร์แต่แรกรึเปล่า ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้วกี่ร้อยล้านปี เราเปลี่ยนข้อเท็จจริงตรงนี้ไม่ได้ อีกประการ คนปลุกไดโนเสาร์ขึ้นมาไม่ได้มีแต่คนที่หลงไหลมัน มันมีทั้งนายทุนที่พร้อมหากินกับการปลุกผีครั้งนี้ พวกบ้าวิทยาการที่อยากทดลองอะไรไร้สาระไปเรื่อยๆ หรือกระทั่งคนที่คิดว่าไดโนเสาร์สามารถควบคุมได้ ทั้งที่ความจริงแล้ว ไดโนเสาร์ในยุคปัจจุบันเกิดจากการปรุงแต่งทางพันธุกรรม และแน่นอน มันมีวิวัฒนาการของมัน วันนึงมันอาจฉลาดและรู้ทันคน ตัวอย่างมีให้เห็นอย่างไดโนเสาร์ตัวร้ายภาคนี้อย่างอินโดแรพเตอร์ที่มีมุขแกล้งตาย แกล้งสลบ และยังมีการไขลูกบิดประตูด้วย ตัวละครเจฟฟ์ โกลด์บลัมบอกไว้ว่า ไดโนเสาร์อาจจะครองโลกนี้ต่อจากมนุษย์ได้
ตอนจบของหนังเราว่ามันโอเคตรงเชิงของหนังที่เปิดประเด็นให้ภาคต่อได้ไม่ยาก แต่เชิงของจริยธรรมแล้ว การปล่อยให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ แม้ตัวเอกทุกตัวในหนังยังไม่กล้ารับปากเลยว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว คนตัดสินใจเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่พิสูจน์ตัวตนที่แท้จริงของตนเองด้วย เสมือนคนหนึ่งกลุ่มเอาทั้งโลกมาเสี่ยงภัยกับตนเองไปด้วย และห้ามลืมว่า ไดโนเสาร์อยู่ลำดับไหนของห่วงโซ่อาหารด้วย
Jurassic World : Fallen Kingdom คุณธรรมกับสัตว์โลกล้านปี (มีสปอยล์)
นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก และเป็นประเด็นหนักด้วย แต่น่าเสียดายที่ผู้กำกับเลือกที่จะทิ้งทางแยกตรงนี้ ไปเล่าในมุมมองคนที่ผูกพันกับไดโนเสาร์อย่างพระเอกกับนางเอก มันเลยเหมือนฉาบสีดำให้กับคนที่คิดต่าง ฉากที่ท่าเรือที่ปล่อยตัวนึงตายแบบกลับไปช่วยไม่ได้เหมือนการเลือกฝั่งแบบชัดเจน หากแต่หนังเล่นประเด็นได้น่าสนใจตรง ถ้าคุณไม่อยากให้มันตาย เราจะทำยังไงกับมัน และคนที่จะทำยังไงกับมัน คุณไว้ใจ เชื่อใจเขาได้มั้ย และหนังเล่นตรงนี้แทน เมื่อคนธรรมดาเรียกร้องจะไปทำอะไรได้ คงต้องคนมีเงินถึงออกทุนไปช่วยไดโนเสาร์ แต่คนออกทุน เขาย่อมมองหากำไรแน่นอน
ประเด็นที่ว่าคือถ้าเราช่วยไดโนเสาร์ มันจะมีคำถามมากมายผุดขึ้นมา คุณจะเอาไดโนเสาร์ไปไว้ไหน มีที่แบบนั้นมั้ย วันนึงไดโนเสาร์จะไม่บุกรุกคนใช่มั้ย นั่นยังไม่น่าสนใจเท่า วันนึงคนจะไม่บุกรุกไดโนเสาร์ใช่มั้ย ตัวละครฝั่งพระนาง คือคนที่คิดแค่ไม่อยากให้มันตายแค่นั้น เพราะผูกพันกันมาแต่ต้น บังเกิดคุณธรรมกับสัตว์โลกล้านปีที่คนธรรมดาๆมองว่า มันเป็นสัตว์นะ จะปล่อยให้มันตายโดยที่เราไม่ช่วยอะไรเลยหรอ เราหาที่อยู่ให้มันสิ ง่ายจะตาย แต่คนที่จะมาขัดขา คือคนที่ลงมือจากนี้ต่างหาก
อีกทางรอดนึง ซึ่งทางเราเองเอนมาทางนี้มากกว่า เราพาลคิดถึงประโยคของ เคน วาตานาเบ้ในก็อดซิลล่าปี 2014 ว่าความโอหังของมนุษย์คือการคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงธรรมชาตินั้นสามารถควบคุมได้ และจูราสสิคภาคนี้ขยายคำพูดนี้ออกมา เราไม่ควรปลุกผีไดโนเสาร์แต่แรกรึเปล่า ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้วกี่ร้อยล้านปี เราเปลี่ยนข้อเท็จจริงตรงนี้ไม่ได้ อีกประการ คนปลุกไดโนเสาร์ขึ้นมาไม่ได้มีแต่คนที่หลงไหลมัน มันมีทั้งนายทุนที่พร้อมหากินกับการปลุกผีครั้งนี้ พวกบ้าวิทยาการที่อยากทดลองอะไรไร้สาระไปเรื่อยๆ หรือกระทั่งคนที่คิดว่าไดโนเสาร์สามารถควบคุมได้ ทั้งที่ความจริงแล้ว ไดโนเสาร์ในยุคปัจจุบันเกิดจากการปรุงแต่งทางพันธุกรรม และแน่นอน มันมีวิวัฒนาการของมัน วันนึงมันอาจฉลาดและรู้ทันคน ตัวอย่างมีให้เห็นอย่างไดโนเสาร์ตัวร้ายภาคนี้อย่างอินโดแรพเตอร์ที่มีมุขแกล้งตาย แกล้งสลบ และยังมีการไขลูกบิดประตูด้วย ตัวละครเจฟฟ์ โกลด์บลัมบอกไว้ว่า ไดโนเสาร์อาจจะครองโลกนี้ต่อจากมนุษย์ได้
ตอนจบของหนังเราว่ามันโอเคตรงเชิงของหนังที่เปิดประเด็นให้ภาคต่อได้ไม่ยาก แต่เชิงของจริยธรรมแล้ว การปล่อยให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ แม้ตัวเอกทุกตัวในหนังยังไม่กล้ารับปากเลยว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว คนตัดสินใจเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่พิสูจน์ตัวตนที่แท้จริงของตนเองด้วย เสมือนคนหนึ่งกลุ่มเอาทั้งโลกมาเสี่ยงภัยกับตนเองไปด้วย และห้ามลืมว่า ไดโนเสาร์อยู่ลำดับไหนของห่วงโซ่อาหารด้วย