ประโยชน์ที่ได้รับจากมหาธีร์


การขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯในวัย 92 ปี ของ มหาธีร์ นายกฯมาเลเซีย นอกจากการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันที่ รัฐบาลนาจิบ รวมทั้งตัว นาจิบ อดีตนายกฯถูกตั้งข้อกล่าวหาและขออภัยโทษให้กับ อันวาร์ อดีตผู้นำฝ่ายค้านแล้ว บทบาทในการโชว์วิสัยทัศน์ของ มหาธีร์ คือการลดรายจ่ายของประเทศ เศรษฐกิจมาเลเซียจะแย่ขนาดไหนไม่รู้ รู้แต่ว่า มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งออกมารณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนมาเลเซียช่วยกันบริจาคคนละเหรียญ เพื่อนำเงินมาช่วยประเทศ

การขึ้นมาเป็นนายกฯของ มหาธีร์ ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน การตัดสินใจของ มหาธีร์ มีอิสระมากที่สุด เพราะถือว่าชาวบ้านเลือกเข้ามาเป็นนายกฯและพรรคฝ่ายค้านที่เคยเป็นรัฐบาล ก็อยู่ในสภาพอ่อนแอ ไม่มีผู้นำ มหาธีร์ เลยได้เปรียบ ตัดสินใจที่จะยกเลิกโครงการใหญ่ๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง ที่เชื่อมระหว่าง มาเลเซียกับสิงคโปร์ เดิมทีคาดว่าจะมีการยกเลิกทุกโครงการตามที่ มหาธีร์ ประกาศเอาไว้ รวมถึง โครงการรถไฟฟ้าที่ลงทุนร่วมกับจีน ด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางที่เชื่อมต่อ โครงการรถไฟสายไหม ไปสิ้นสุดที่ สิงคโปร์ พอดี

เป็นที่ทราบกันอยู่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่าง มาเลเซียและสิงคโปร์ ไม่ค่อยดีนัก ความคิดและวิสัยทัศน์ของ มหาธีร์ ยังปักหลักอยู่กับความคิดเดิมๆเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งถ้ามีการยกเลิกโครงการรถไฟความเร็วสูงในช่วงที่เชื่อมต่อระหว่าง มาเลเซียและสิงคโปร์ จริงๆ ประเทศที่มีผลกระทบมากที่สุดก็คือ สิงคโปร์

และประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือ ประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยจะกลายเป็น ฮับ ของการขนส่งภายใต้โครงการ รถไฟสายไหม ที่จะเชื่อมไปถึงยุโรปและแอฟริกา ซึ่งไม่ใช่การขนส่งระบบรางเท่านั้น แต่หมายถึง ศูนย์อุตสาหกรรมและการขนส่งทั้งหมด รวมทั้งการขนส่งทางน้ำ ท่าเรือขนาดใหญ่ โดยภูมิศาสตร์แล้ว ประเทศไทย จะเป็นจุดศูนย์กลางของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ทันที ไม่ใช่ สิงคโปร์ อีกต่อไป

โดยเฉพาะถ้า ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เดินหน้าได้ตามเป้าหมาย อีอีซี ที่มี อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรมเป็นประธาน จะเป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคนี้ เม็ดเงินลงทุนจะไหลมาเทมา

โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟสที่ 3 ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน รองรับการขนส่งตู้สินค้าผ่านทางรถไฟและเพิ่มระบบจัดการขนตู้สินค้าแบบอัตโนมัติมูลค่าการลงทุน 95,000-105,000 ล้านบาท ที่จะประกาศทีโออาร์ในเดือน ส.ค.นี้ กระบวนการต่างๆจะเรียบร้อยภายในสิ้นปี เพิ่มศักยภาพด้านการขนส่งและลดต้นทุนค่าขนส่งได้อย่างมหาศาล เป็นอินโดไชน่าเกตเวย์ เชื่อมการส่งออกนำเข้าระหว่างไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา และจีนตอนใต้ จะมีท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน นึกเห็นภาพประเทศไทยกำลังโชติช่วงชัชวาลขึ้นมาทันที

ขออย่างเดียว คนไทยต้องไม่ทะเลาะกัน.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th

ที่มา https://www.thairath.co.th/content/1300609
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่