มีรถไม่ค่อยได้ใช้ จะขายดีมั้ยคะ

กระทู้คำถาม
คือตอนนี้กำลังสองจิต สองใจค่ะ ยังตัดสินใจไม่ได้ และไม่รู้จะปรึกษาใคร เลยจะรบกวนถามความคิดเห็น ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง???

คือเราเป็น Single mom อยู่กับลูกแค่สองคน ซื้อคอนโดอยู่ใกล้ที่ทำงาน ประมาณ 3 กิโล คอนโดกับโรงเรียนลูกก็ห่างกันประมาณ 3 กิโล (คอนโดอยู่ตรงกลางระหว่างที่ทำงานกับโรงเรียน) เมื่อก่อนขับรถไปรับส่งลูกทุกวัน แล้วขับมาทำงาน แต่ปัญหาคือรถติดมาก จากบ้านไปโรงเรียนลูก ถ้าขับรถใช้เวลา 20 นาที จนมาเมื่อต้นปีมีปัญหาที่จอดรถอีก ที่บริษัทไม่มีที่ให้จอดรถแล้ว เพราะเอาที่ไปสร้างเป็นโกดังเก็บของ ให้พนักงานไปจอดตามข้างถนนในซอย เราเคยไปจอด ก็หาที่จอดยาก ไปขวางหน้าร้านเขา บางทีเขาก็ออกมาไล่ กลับมาบางครั้งรถก็มีรอยขีด ข่วน จนสุดท้ายเราตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซต์มาขับ ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ ผ่านมา 5 เดือนแล้ว รถยนต์จอดไว้เฉยๆ แทบไม่ได้ใช้เลย บางทีก็ต้องหาเหตุผลเอารถออกไปใช้บ้าง เพื่อให้รถได้ใช้ ตกเดือนละครั้ง

ทำให้เรากลับมาคิดว่า เราจะขายรถดีไหม เอาตังมาเก็บไว้ เพราะตอนนี้คือไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถเลย แถมยังต้องเสียค่าดูแล เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กันยานี้ต้องต่อภาษีกับประกันอีก (เพิ่งเปลี่ยนยางไป 4 เส้นด้วย) เก็บไว้ราคาก็ยิ่งตก ชีวิตในกรุงเทพเราก็ไม่ได้ขับรถไปไหน คอนโดใกล้ห้าง เราก็ขับมอไซต์ไปซื้อของได้ เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ปกติแล้ว เรานั่งเครื่องแล้วไปเช่ารถขับเอา ตอนแรกไม่คิดอะไรก็ว่าจะขาย แต่พอไปบอกแม่ว่าจะขาย แม่กลับบอกว่าไม่ให้ขาย โดนดุมาว่ามีสมบัติแต่ไม่รักษา ไม่อายเขารึไง เคยมีรถขับ โน้นนี่ (รถเราผ่อนหมดแล้วคะ รถ 5 ปี ไมล์แค่ 7 หมื่นโล สภาพดีมาก ไม่เคยเฉี่ยวชน) ใจนึงก็เสียดายแต่ใจนึงก็คิดว่าจะได้ไม่เป็นภาระ

และอย่างที่บอกค่ะ เราเป็น single mom ปกติก็คิดเอง ตัดสินใจเองตลอด เพราะเราไม่รู้จะปรึกษาใคร ครั้งนี้คิดหนัก อยากได้ความคิดเห็นคะ ถ้าเราเป็นเพื่อนหรือญาติพี่น้องคุณ คุณจะแนะนำเรายังไงดีคะ รบกวนด้วยคะ

เพิ่มเติมค่ะ -- หลายท่านบอกว่าเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน คือที่คอนโดก็มีปัญหาเรื่องที่จอดรถ จอดรถซ้อนคันตลอด หลายๆ ครั้งที่เอารถออกมาใช้ไม่ได้ ฝนตกตอนเช้า, ลูกไม่สบายกลางดึก เอารถออกไม่ได้ สุดท้ายโทรเรียก Grab ตลอดเลยคะ เราเดินทางบ่อย เที่ยวต่างจังหวัดกับลูกเกือบทุกเดือน ก็ไม่ได้เอารถไป ใกล้ๆ เที่ยวหมดแล้ว ไกลๆ ก็นั่งเครื่องแล้วไปเช่ารถเอา ไปสนามบินก็แท็กซี่ เพราะเสียค่าจอดไม่คุ้มคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 23
รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพย์สินที่เคลื่อนที่ได้ แต่จะมีการเสื่อมสภาพลงไปอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่มีการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่จอดทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานถึง 5 เดือน โดยแทบจะไม่ได้ใช้รถเลยนั้น จะยิ่งทำให้ยางรถยนต์ มีการเสื่อมสภาพลงไปอย่างรวดเร็ว และการเสียรูปทรงของยาง ทั้งอาจจะทำให้ เกิดการรั่วซึมได้อีกด้วย เพราะยางจะรับภาระจากน้ำหนักของตัวรถ ที่จุดจุดเดียวซ้ำๆกันตลอดเวลา ไม่มีการกระจายถ่ายเท ไปยังจุดอื่นๆ

นอกจากยางรถยนต์  ก็จะมีแบตเตอรี่ ที่จะเสื่อมสภาพลงไป ตามระยะเวลาเรื่อยๆ อีกทั้งฟิล์มติดรถยนต์ ที่มีอายุการใช้งานประมาณไม่เกิน 6-8 ปี ก็จะมีการเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆ อีกด้วย เช่น มีการเริ่มหลุดลอก ฟิล์มแตกร่อนออก มีการขุ่นมัว หรือซีดจางลงไป ซึ่งจะส่งผลเสีย ต่อทัศนวิสัยในการขับขี่อย่างมาก และจะทำให้ ต้องทำการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

เรื่องที่จะขายให้พี่ชาย ซึ่งยังขับรถไม่เป็น และจ่ายค่างวดกันเอง แบบไม่ผ่านธนาคาร โดยที่คุณ จะยังมีชื่อเป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ ตามคู่มือจดทะเบียนรถยนต์อยู่นั้น

ดูจะไม่เข้าทีนัก เพราะหากผู้ใดนำไปขับ ซึ่งอาจจะเป็นพี่ชายคุณ เพื่อนพี่ชาย หรือคนอื่นๆ หากเกิดอุบัติเหตุ หรือหากรุนแรงถึงขั้นมีคนตาย คุณจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย โดยที่ไม่จำเป็นเลย

ถ้าหากต้องการที่จะขายรถยนต์ แนะนำให้ประกาศลงขายตามช่องทางออนไลน์  เช่น kaidee หรือ ตลาดรถ.com เป็นต้น ซึ่งจะได้ราคาที่สูงกว่าไปขายตามเต๊นท์รถยนต์ ไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท

หากมีการนัดดูรถ ให้นัดที่ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า หรือที่ที่มีคนพลุกพล่าน ไม่ควรเปิดเผยที่อยู่ของตัวเอง และควรพาคนสนิทไปด้วยอีก 1-2 คน เพราะป้องกันการเจอพวกมิจฉาชีพ ที่อาจจะแฝงตัวมา โดยเฉพาะห้ามให้ลองขับเพียงลำพัง ซึ่งจะเสี่ยงต่อการถูกเชิดรถหลบหนีได้

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
แวะเข้ามาตอบอีกรอบ ถ้าจะขายให้พี่ชายต้องเอาเข้าไฟแนนซ์นะคะ อย่าให้ผ่อนกันเอง เพราะสุดท้ายคุณคงจะไม่เหลือทรัพย์สินอะไรจริงๆอย่างที่แม่คุณพูด ผ่อนเดือนละ 5,000 กี่ปีจะผ่อนหมด ดอกก็ไม่เสีย พี่ชายคุณมีแต่ได้กับได้ ถ้าไม่จ่ายคุณยังไม่มีปัญญาไปทำอะไรเค้าเลย เพราะพี่น้องมันค้ำคออยู่ แนะนำขายให้คนนอกดีกว่าค่ะ ถ้าจะต้องขายให้พี่ชายแบบผ่อนกันเอง สู้เก็บไว้กับคุณเองยังดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 41
ผมให้ 50 วันเลยต่อ 1 ปีที่ฝนตก
ค่าแท๊กชี่ให้ไปกลับ 300 ล่ะกัน
เที่ยวล่ะ 150 บาท
ยังแค่ 1,5000 บาทเอง
นี่คือเทียบกับประกันชั้น 1
คงพอๆ กันมั่ง เป็นสิ่งที่เสียเปล่าไปฟรีๆ
อยู่แล้ว ใน 1 ปี ถ้ารถไม่ได้ขับก็เสีย
ความคิดเห็นที่ 2
รถไม่เหมือนบ้าน ที่จะมองว่าเป็นทรัพย์สินเก็บไว้ไม่เสียหาย เรามองว่ารถมันมีค่าเสื่อมตลอดเวลา ยิ่งขายช้าก็ยิ่งไม่ได้ราคา รถมีแต่ราคาตก ไม่ได้ราคาขึ้นหรือคงที่เหมือนบ้าน เราไม่มองว่ารถเป็นทรัพย์สินนะคะ สู้เอาไปขายแล้วเปลี่ยนไปเก็บเป็นทอง หรือ ฝากธนาคาร ดีกว่า

แม่คุณเค้ามองแบบคนสมัยก่อนที่มองว่ารถเป็นทรัพย์สินประดับบารมีโก้หรู แต่หารู้ไม่ว่า มีรถ  = มีแต่รายจ่ายทั้งนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่