นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2561 ปรับตัวลดลงทุกรายการ และลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ผลมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. ราคาน้ำมันในเดือนพฤษภาคมปรับตังสูงขึ้นมากและดีเซลจะเกิน 30 บาทต่อลิตร เชื้อเพลิงทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งคนไทยใช้น้ำมันราคาถูกมานานเริ่มวิตกกังวลผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายหากน้ำมันทะลุ 30 บาท/ลิตร ทำให้ประชาชนต้องปรับตัว ประกอบกับทิศทางราคาน้ำมันโลกยังมองว่าคงสูงอาจถึงหลุด 80 -100 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้ประชาชนช็อก ซึ่งจากทำสำรวจมา 20 ปีเมื่อภาวะน้ำมันแพงประชาชนจะเกิดภาวะช็อกและชะลอการใช้จ่าย จนปลายเดือนพฤษภาคมเริ่มคลี่คลายเมื่อรัฐบาลประกาศตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และกลุ่มประเทศผลิตน้ำมันโลก(โอเปค)ประกาศเพิ่มกำลังผลิต แต่ภาพรวมก็ยังวิตกอยู่
ปัจจัยที่ 2 เป็นครั้งแรกในรอบ 48 เดือนหรือ 4 ปี ที่ผลสำรวจประชาชน 51% ระบุว่าค่าครองชีพจะแย่ ทำให้ดัชนีอยู่ในระดับต่ำสุดรอบ 47 เดือนนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากวิตกราคาน้ำมันสูงขึ้นจะดึงราคาสินค้าปรับสูงขึ้น และรู้สึกว่ารายได้เพิ่มน้อยกว่ารายจ่ายเพิ่ม
อีกปัจจัยที่ 3 คือ ความไม่นิ่งทางการเมืองและไม่รู้ทิศทางที่แน่นอนว่าเป็นอย่างไร ประกอบกับปัจจัยเดิมทั้งความวิตกต่อราคาพืชผลเกษตรยังต่ำ และวิตกปัญหาสงครามการค้าโลก โดยเฉพาะการออกมาตรการต่างๆ ของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากจีนและอียู
จึงมีผลทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 66.9 75.2 และ 98.3 ตามลำดับ ลดลงทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีเดือนเมษายน 2561 ที่ 67.8 75.8 และ 99.1 ตามลำดับ จึงส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ( CCI) ลดลงจากระดับ 80.9 อยู่ที่ระดับ 80.1 ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน ลดลจาก 55.3 อยู่ที่ 54.4 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต (ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า) ลดลงจาก 91.9 อยู่ที่ 91.3
ทั้งนี้ ทางศูนย์ฯจะทบทวนตัวเลขการคาดการณ์ใหม่ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งขณะนี้ยังคงคาดการณ์จีดีพีปีนี้โต 4.4-4.7% และมีโอกาสสูงสุดโต 4.4% ซึ่งหากไม่มีอะไรรุนแรงมีโอกาสปรับเศรษฐกิจดีขึ้น เนื่องจากการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้ 8-10%
JJNY : ชีวิตเสดตะกิดดี๊ดี...ซี้จุกสูญ 3 ปัจจัยกดดันหนัก!! ฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภคฮวบ 51% บ่นค่าครองชีพแย่
1. ราคาน้ำมันในเดือนพฤษภาคมปรับตังสูงขึ้นมากและดีเซลจะเกิน 30 บาทต่อลิตร เชื้อเพลิงทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งคนไทยใช้น้ำมันราคาถูกมานานเริ่มวิตกกังวลผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายหากน้ำมันทะลุ 30 บาท/ลิตร ทำให้ประชาชนต้องปรับตัว ประกอบกับทิศทางราคาน้ำมันโลกยังมองว่าคงสูงอาจถึงหลุด 80 -100 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้ประชาชนช็อก ซึ่งจากทำสำรวจมา 20 ปีเมื่อภาวะน้ำมันแพงประชาชนจะเกิดภาวะช็อกและชะลอการใช้จ่าย จนปลายเดือนพฤษภาคมเริ่มคลี่คลายเมื่อรัฐบาลประกาศตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และกลุ่มประเทศผลิตน้ำมันโลก(โอเปค)ประกาศเพิ่มกำลังผลิต แต่ภาพรวมก็ยังวิตกอยู่
ปัจจัยที่ 2 เป็นครั้งแรกในรอบ 48 เดือนหรือ 4 ปี ที่ผลสำรวจประชาชน 51% ระบุว่าค่าครองชีพจะแย่ ทำให้ดัชนีอยู่ในระดับต่ำสุดรอบ 47 เดือนนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากวิตกราคาน้ำมันสูงขึ้นจะดึงราคาสินค้าปรับสูงขึ้น และรู้สึกว่ารายได้เพิ่มน้อยกว่ารายจ่ายเพิ่ม
อีกปัจจัยที่ 3 คือ ความไม่นิ่งทางการเมืองและไม่รู้ทิศทางที่แน่นอนว่าเป็นอย่างไร ประกอบกับปัจจัยเดิมทั้งความวิตกต่อราคาพืชผลเกษตรยังต่ำ และวิตกปัญหาสงครามการค้าโลก โดยเฉพาะการออกมาตรการต่างๆ ของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากจีนและอียู
จึงมีผลทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 66.9 75.2 และ 98.3 ตามลำดับ ลดลงทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีเดือนเมษายน 2561 ที่ 67.8 75.8 และ 99.1 ตามลำดับ จึงส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ( CCI) ลดลงจากระดับ 80.9 อยู่ที่ระดับ 80.1 ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน ลดลจาก 55.3 อยู่ที่ 54.4 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต (ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า) ลดลงจาก 91.9 อยู่ที่ 91.3
ทั้งนี้ ทางศูนย์ฯจะทบทวนตัวเลขการคาดการณ์ใหม่ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งขณะนี้ยังคงคาดการณ์จีดีพีปีนี้โต 4.4-4.7% และมีโอกาสสูงสุดโต 4.4% ซึ่งหากไม่มีอะไรรุนแรงมีโอกาสปรับเศรษฐกิจดีขึ้น เนื่องจากการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้ 8-10%