ที่ทำงานฉันเป็นแบบขนาดเล็ก เกิดจากการร่วมหุ้นกันของกลุ่มเพื่อน 3 คน มีพนักงานประจำ 3 คน พาร์ทไทม์ 1 คน ทุกคนมีหน้าที่ชัดเจน ฉันกับอีกคนนึงเป็นผู้หญิงอายุเท่ากัน 26ปี ทำงานตั้งแต่ก่อตั้ง บ. ปีที่แล้วรับ พนักงานผู้ชายมาเพิ่มตำแหน่งพนักงานประจำ พี่ผู้ชายคนนี้อายุประมาณ 31ปี และพี่ผู้หญิงอีกคนอายุประมาณ 34ปี เป็นพนักงานพาร์ไทม์ พี่สองคนนี้รู้จักกันดีกับเจ้าของ บ. ทั้งสาม เคยทำงานด้วยกันมาก่อนในอดีต งานหลักๆจะเป็นแบบบริการค่ะ พอมีพี่ผู้ชายงานไหนหนักเราก็ได้แรงของพี่ผู้ชายช่วย แต่ทีนี้พี่ผู้ชายจะมีปัญหาเรื่องเวลาเข้างาน เริ่มงาน 10 โมง มา สิบครึ่งบ้าง เที่ยงบ้าง ลาแบบกระทันหันบ้าง อ้างธุระนั่นนี้เกี่ยวกับทางบ้าน มีปัญหาเลยมาทำงานสาย แต่บางทีเราได้ยินพี่เขาคุยโทรศัพท์ เรื่องซื้อขายรถ นัดกันวันนั้นนี้บ้าง แต่พี่เขาก็ไม่บอกว่าจะลา ไลน์มาบอกเอาตอนตีหนึ่งว่า ทางบ้านมีปัญหา หรือบางที สายของอีกวันบอกว่าไม่สบาย พอเจอหน้ากันวันที่มาทำงานก็จะบอกว่า พาย่าไปขึ้นศาล (ทั้งที่วันอาทิตย์) พี่ชายเสพยาบ้าอาระวาดทำร้ายแม่ ไม่มีคนไปรับหลาน ทะเลาะกีบเมีย ไม่มีคนดูแลพ่อ สาระพัดทำอธิบายของพี่เขา งานในหน้าที่ทำไม่เรียบร้อย ตามเก็บงานบ่อยๆ สติสมาธิในการทำงานไม่มี ฉันกับเพื่อนอีกคนก็บอกพี่เขานะว่าพี่ทำแบบนี้ ไม่ดีนะ จะเข้างานตอนไหนก็เข้า ทำงานไม่เรียบร้อยสักอย่าง บอกแบบนี้ซ้ำๆวนไปจน บางทีก็ได้ยินเจ้านาย (หุ้นส่วนบางคน) ก็บอกว่า พี่เขาขี้ลืมบอกพี่เขาบ่อยๆให่ชัดเจน บางทีฉันก็อดไม่ได้ก็บอกกลับไปว่า คนเราทำงานเดิมๆหน้าที่เดิมๆมาจะปีนึงแล้ว ยังต้องมาคอยบอกทุกขั้นตอนหรอ ล่าสุด มันพีคมากเลย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พี่เขาลาออก โทรไปลาออกกับเจ้านายทุกคน กับพี่ผู้หญิงอีกคน เราก็รับรู้ที่เจ้านายแจ้งมา วันนี้ หุ้นส่วนอีกคนคุยกันกับพี่ผู้หญิง ว่าพี่ผู้ชายโทรมาลาออกบอกเครียด กดดันหลายอย่าง พี่ชายเสพยาทำร้ายแม่ พ่อก็แก เลี้ยงหลาน ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว หุ้นส่วนคนนั้นเลยพูดว่า ลาออกเผื่อจะเครียดน้อยลงก็ได้นะ ก็ไม่อยากให้ออก เเต่ทำไงได้ เขาไม่อยากให้อยู่นี้ คนอะไรปัญหาเยอะจริง ปัญหาที่บ้านก็เยอะแล้ว ยังจะมาเจอคนที่ทำงานแบบนี้อีก (ตอนนั้นฉันคิดในใจ คงหมายถึงฉันกับเพื่อนอีกคนสินะ ไม่ต้องกดดันหรอก ถึงเวลาฉันไปแน่)
ฉันเลยโพล่งไปว่า คนที่ยิ้มหัวเราะ ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีปัญหานะ และไม่ใช่พี่ผู้ชายคนเดียวที่เป็นเสาหลักของงครอบครัว แล้วฉันก็เดินจากไป(เข้าห้องน้ำ) ไม่อยากได้ยินคำพูดใดๆอีก
ฉันบอกตามตรงเลยว่ามันเชื่ออยากว่าพี่ผู้ชายคนนั้นเขามีปัญหาครอบครัวสารพัดจริง เพราะการกระทำที่ผ่านมาของพี่เขา ไม่มีความจริงใจให้จั้งแต่วันแรกที่ฉันรู้จักเขา จนวันสุดท้ายที่เขาลาออกไป
- บางทีฉันก็อยากจะบอกใให้รู้กันทั่ว บ. บ้างง ว่าครอบครัวฉัน ตัวฉันก็เป็นเสาหลักเหมือนกัน มีน้องสองคนต้องส่งให้เรียน มีแม่ที่ถูกทำร้ายจิตใจและร่างกายจากพ่อ เกือบทุกวัน มีหนี้ เป็นล้าน อีกสาะพัดสาระเพที่ฉันเจอ หนักหนาแค่ไหน เจ็บแค่ไหนก็ไม่มีใครเคยรู้ พวกเขาเคคยเห็นฉันบ่งพร่องต่อหน้าที่ไหม เคยเห็นฉันไปทำงานสายไหม ครอบครัวสำคัญฉันไม่เถียงหรอก ถ้าเป็นเรื่องจริงฉันรู้ว่าเเบบนี้ฉันใจแคบมาก แต่เขาก็ไม่เคยแสดงความจริงใจอะไรให้เห็นเลลย ฉันเลลยไม่เชื่อ
ส่วนตอนนี้ฉันเสียใจ น้อยใจ ที่เจ้านายไม่เห็นคุณค่าที่อุส่าห์ทุ่มเทตลอดเวลา ชั้นจะพยายามเก็บเงิน เพื่อให้มีทุนไปตั้งตัวเริ่มงานใหม่สัก ห้าหมื่น
ฉันขอมีเงินสำรองไว้เยอะๆก่อนที่จะไป เผื่อทางบ้านมีเหตุฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบาก
ทำงานแทบตาย สุดท้ายคนที่เขาต้องการคือคนดราม่าเก่ง
ฉันเลยโพล่งไปว่า คนที่ยิ้มหัวเราะ ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีปัญหานะ และไม่ใช่พี่ผู้ชายคนเดียวที่เป็นเสาหลักของงครอบครัว แล้วฉันก็เดินจากไป(เข้าห้องน้ำ) ไม่อยากได้ยินคำพูดใดๆอีก
ฉันบอกตามตรงเลยว่ามันเชื่ออยากว่าพี่ผู้ชายคนนั้นเขามีปัญหาครอบครัวสารพัดจริง เพราะการกระทำที่ผ่านมาของพี่เขา ไม่มีความจริงใจให้จั้งแต่วันแรกที่ฉันรู้จักเขา จนวันสุดท้ายที่เขาลาออกไป
- บางทีฉันก็อยากจะบอกใให้รู้กันทั่ว บ. บ้างง ว่าครอบครัวฉัน ตัวฉันก็เป็นเสาหลักเหมือนกัน มีน้องสองคนต้องส่งให้เรียน มีแม่ที่ถูกทำร้ายจิตใจและร่างกายจากพ่อ เกือบทุกวัน มีหนี้ เป็นล้าน อีกสาะพัดสาระเพที่ฉันเจอ หนักหนาแค่ไหน เจ็บแค่ไหนก็ไม่มีใครเคยรู้ พวกเขาเคคยเห็นฉันบ่งพร่องต่อหน้าที่ไหม เคยเห็นฉันไปทำงานสายไหม ครอบครัวสำคัญฉันไม่เถียงหรอก ถ้าเป็นเรื่องจริงฉันรู้ว่าเเบบนี้ฉันใจแคบมาก แต่เขาก็ไม่เคยแสดงความจริงใจอะไรให้เห็นเลลย ฉันเลลยไม่เชื่อ
ส่วนตอนนี้ฉันเสียใจ น้อยใจ ที่เจ้านายไม่เห็นคุณค่าที่อุส่าห์ทุ่มเทตลอดเวลา ชั้นจะพยายามเก็บเงิน เพื่อให้มีทุนไปตั้งตัวเริ่มงานใหม่สัก ห้าหมื่น
ฉันขอมีเงินสำรองไว้เยอะๆก่อนที่จะไป เผื่อทางบ้านมีเหตุฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบาก