ร้อยวันที่ฉันเปลี่ยน วันที่เจ็ดสิบหก

สาม เดือนหก สองพันห้าร้อยหกสิบเอ็ด

วันนี้เห็ดได้น้อยมากไม่พอส่งพรุ่งนี้ แต่ลูกค้าจ่ายตังค์มาแล้ว ตอนนี้มีความกังวลนิดหน่อย
ถ้าพรุ่งนี้ชั่งรวมไม่ได้ตามที่ลูกค้าสั่ง ต้องส่งรอบสอง ซึ่งต้องมีค่าส่งเพิ่มอีก จะได้กำไรเท่าไหร่หนอ
การค้าขายไม่สนุกอย่างที่คิดตลอดเวลา บางทีก็มีบ้างที่ ชีวิตรันทด
ฉันเคยมีเงินแค่เก้าบาท นั่งรถเมล์ไปส่งของให้ลูกค้า แต่ลูกค้าไม่มาตามนัด ขากลับก็โชคดีสิทีนี้ไม่มีมีตังค์แม้แต่ค่ารถเมล์กลับ ทำยังไงดีล่ะ เหมือนฟ้ามาโปรด มีรถเมล์ฟรีจากภาษีประชาชน วิ่งผ่านหนึ่งสายถ้วน
ฉันนั่งรอรถเมล์ฟรีคันที่ว่า สามชั่วโมง ก็ได้ขึ้นสมใจ คิดย้อนไปก็ขำดี แต่ตอนนั้นขำไม่ออกจริงๆ

กลับมาอยู่บ้านนอก ไปไหนก็ขี่รถไปเอง ก็สะดวกดีไปอย่าง แต่ปัญหาอื่นก็เข้ามาแทน
สรุปว่าอยู่ไหนทำอะไรก็มักจะมีปัญหาสินะ
ดังนั้น คนอื่นก็คงเช่นกันกับเราแหละ
ทุกคนมีปัญหาของตัวเอง และส่วนใหญ่มักจะมองว่าปัญหาของฉันยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันไม่ค่อยอินกับคำที่เขาว่า เวลามีปัญหาให้มองคนที่เขามีปัญหามากกว่าเราแล้วจะดีขึ้น

คือ เรากับคนอื่นก็คนละคนกัน ภูมิคุ้มกันในการเจอปัญหาต่างๆก็ไม่เท่ากัน
แล้วเอาตามความจริงเราเทียบปัญหาสองปัญหา เช่น  การเงิน กับ ความรัก ว่าอันไหนแย่กว่าไม่ได้
เพราะเราให้ความสำคัญกับบางเรื่องก็ไม่เท่ากัน

ดังนั้น ปัญหาของเราก็คือของเรา ส่วนปัญหาของคนอื่นก็ของเขาไป เทียบกันไม่ได้เลย

แล้วอย่างนี้ฉันทำยังไงให้รู้สึกดีเวลาเจอปัญหาละ
ก็.....
ช่างมัน อยู่กับมัน ยอมรับความจริง
ฉันจน ถังแตก
ฉันโง่ บวกเลขนิดเดียวก็ต้องใช้เครื่องคิดเลข
ฉัน ไม่ได้หน้าตาดี หน้าตาธรรมดา หาได้ทั่วไปตามถนนหนทาง
ฉัน ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร แค่คนธรรมดาสามสิบบาท อาจจะมีพิเศษถั่วงอกบ้างแต่มันก็แค่ถั่วงอกใครๆก็กินได้
ฉัน ไม่มีอะไรดีมากพอเขาก็เลยทิ้งฉันไป

ใช่ความจริงมันเจ็บปวด แต่มันก็คือความจริง
เราทำให้มันเป็นแค่ฝันไม่ได้ แต่เราก็เปลี่ยนมันได้

ที่ฉันมีคือ ความหวัง ความศรัทธา ในตัวเอง
ฉันหวังว่าพรุ่งนี้ชีวิตจะดีขึ้น หวังว่าสินค้าใหม่ๆที่เกิดไอเดียจะทำให้รวยได้
และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันศรัทธาในความเชื่อของฉันแค่นั้นเอง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่