อยู่ๆก็รู้สึกแปลกๆ ทำยังไงดีครับ

กระทู้คำถาม
คือวันนี้พึ่งทำงานวาดรูปในคอมพิวเตอร์ จับเมาท์วาดรูปปุป มือไม้สั่นวาดรูปได้ช้ามากครับ เเม้กระทั่งตอนผมพิมพ์ลงคีย์บอร์ดตั้งกระทู้ในตอนนี้ด้วย
ผมคิดว่าเหนื่อยเเต่ผมหยุดพักโดยการนั่งยืดเส้นยืดสายหยุดวาดรูป ปรากฎว่าแม้แต่ตอนขยับตัวก็เป็นเช่นกัน ผมขยับตัวได้ลำบากมาก มันเริ่มสั่นไปทั้งตัวตั้งเเต่มือ เเขน เท้า ขา หัวไหล่ สะโพก หลัง เเละคอ ตามมา ตอนนี้รู้สึกเวียนหัวด้วยครับ พอลองไปนอนพักก็ไม่ช่วยอะไรเลย หัวใจก็เต้นเเรงด้วยครับ หายใจก็ไม่ทั่วท้อง แรงเริ่มไม่มี ทั้งที่ผมพึ่งตื่นด้วยซ้ำ

อยากทราบว่ามันคืออาการอะไรหรอครับ เเล้วเเก้ยังไงบ้าง

ข้อมูลผมนะครับ ผมแค่อายุ 17 ส่วนสูงประมาณ 165 ออกกำลังกายประจำ ครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
คสั่นไม่ทราบสาเหตุรักษาอย่างไร?
โดยทั่วไป ทุกคนจะมีอาการสั่นไม่มากก็น้อย ดังนั้น ถ้าอาการไม่มาก ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรม หรือการดำรงชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา เพียงแต่หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น ฝึกให้มีการผ่อนคลาย การทำสมาธิก็ทำให้อาการดีขึ้น แต่ถ้าอาการรุนแรงก็รักษาด้วยยาโปรปราโนลอล (Propranolol ยาออกฤทธิ์ควบคุมประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ)

ทั้งนี้ นอกจากยาโปรปราโนลอล ยังมีการใช้

สาร โบทูไลนุ่มทอกซิน หรือ โบทอก (Botulinum toxin หรือ Botox สารต้านการทำ งานของเส้นประสาท) ฉีดบริเวณที่มีอาการสั่นรุนแรง
หรือ การฝังเครื่องกระตุ้นสมองบริเวณสมองส่วน Thalamus (ส่วนควบคุมการเคลื่อน ไหว) ก็ได้ผลดี
ซึ่งแพทย์จะพิจารณารักษาในผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีอื่นๆไม่ได้ผลและผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นๆเลย

อนึ่ง การรักษาด้วยวิธี ผ่าตัดสมอง ซึ่งก็คือ การผ่าตัดเพื่อฝังเครื่องกระตุ้นสมองบริเวณสมองส่วน Thalamus ดังกล่าวแล้ว

การใช้ยาโปรปราโนลอลมีข้อควรระวังอย่างไร?
เนื่องจากโปรปราโนลอล เป็นยามีฤทธิ์ควบคุมการเต้นของหัวใจและลดความดันโลหิตด้วย จึงต้องระวังในผู้ป่วยดังต่อไปนี้

มีการเต้นของหัวใจผิดปกติ
มีภาวะหัวใจวาย
ผู้ป่วยเบาหวานเพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ข้อเสียอื่นๆของยาตัวนี้ที่อาจพบได้ คือ อาการซึมเศร้า ทำอะไรช้าลง ความรู้สึกทางเพศลดลง

นอกจากนั้น ยาอื่นๆที่สามารถใช้รักษาโรคสั่นไม่ทราบสาเหตุได้ โดยขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ คือ อะทีโนลอล (Atenolol) เมโทโปรลอล (Metoprolol) คลอนาซีแปม (Clonaze pam) ฟลูนาริซีน (Flunarizine) กาบาเพ็นติน (Gabapentin) และโทฟิราเมต (Topiramate) เป็นต้น

ผู้ป่วยโรคสั่นไม่ทราบสาเหตุมีโอกาสเป็นโรคพาร์กินสันหรืออัมพาตหรือไม่?
โรคสั่นไม่ทราบสาเหตุนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสัน หรือ โรคอัมพาต อย่างไรก็ตามเมื่อมีอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสเป็นโรคอัมพาตได้ตามธรรมชาติของโรคอัมพาตเอง

โรคสั่นไม่ทราบสาเหตุมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
โรคสั่นไม่ทราบสาเหตุ มีการพยากรณ์โรคที่ดีมาก คืออาการสั่นนั้นจะคงที่หรือมีอาการรุนแรงขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อมีอายุที่สูงขึ้น จะไม่มีการดำเนินโรคหรือธรรมชาติของโรคกลายเป็นโรคพาร์กินสันอย่างที่ทุกคนกลัว บางกรณีที่ผู้ป่วยปรับพฤติกรรม ไม่เครียด ผ่อนคลาย ไม่รีบเร่ง ก็พบว่าอาการสั่นดีขึ้นมาก มีผู้ป่วยเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา

แต่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถทำนายได้ว่า ผู้ป่วยรายใดจะตอบสนองต่อการรักษาหรือไม่ อย่างไรก็ตามโรคนี้มีโอกาสหายได้เองน้อยมาก จำเป็นต้องทานยาเพื่อควบคุมอาการอย่างต่อเนื่องหรือเมื่อมีอาการมาก

ผู้ป่วยควรดูแลตนเองอย่างไร? จำเป็นต้องทานยาทุกวันหรือไม่?
ผู้ป่วยโรคสั่นไม่ทราบสาเหตุ ควรฝึกการผ่อนคลาย ทำสมาธิ ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียง พอ กรณีทานยาโปรปราโนลอลนั้น ควรสังเกตอาการผิดปกติว่ามีหรือไม่ เช่น หัวใจเต้นช้าลง อาการวิงเวียนขณะปรับเปลี่ยนท่าจากนอน เป็นนั่ง หรือยืน รวมทั้งความรู้สึกทางเพศที่ลดลง ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อพิจารณาปรับการรักษา

อนึ่ง การทานยานั้นขึ้นกับอาการสั่น และความรุนแรงของอาการสั่นว่า ส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรมต่างๆหรือไม่ และ/หรือส่งผลต่อบุคลิกภาพหรือไม่ ถ้าไม่มีผล ก็อาจทานยาเป็นบางวันก็ได้ เมื่อต้องการให้อาการสั่นมีน้อยที่สุด ทั้งนี้ควรปรึกษาในเรื่องวิธีใช้ยากับแพทย์ผู้ให้การรักษาก่อนเสมอ เพื่อให้ได้วิธีใช้ยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยที่สุด

โรคสั่นไม่ทราบสาเหตุมีผลข้างเคียงอย่างไร?
โรคนี้ไม่น่าจะมีผลข้างเคียง หรือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆทางระบบประสาทหรือระบบอื่นๆ เพียงแต่ทำให้เสียบุคลิกและขาดความมั่นใจเมื่อทำกิจกรรมต่างๆเท่านั้น รวมทั้งเมื่อมีเสียงสั่นด้วย ก็อาจทำให้มีปัญหาในการพูดสื่อสารกับผู้อื่นได้ตามความรุนแรงของเสียงที่สั่น

ป้องกันโรคสั่นไม่ทราบสาเหตุอย่างไร?
โรคนี้ไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถควบคุมให้อาการลดลงได้โดยการควบคุมตัวกระ ตุ้น/ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดและให้อาการรุนแรง ซึ่งก็คือ ความเครียด อารมณ์ที่ฉุนเฉียว โมโห หรือ อารมณ์โกรธ

สรุป
ท่านคงสบายใจขึ้นว่า อาการสั่นนั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง และไม่ใช่จากโรคพาร์กินสันกันทุกคน อย่างไรก็ตาม แนะนำให้อ่านบทความเรื่อง โรคพาร์กินสัน จากเว็บ haamor.com ร่วมด้วย ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจทั้ง 2 โรคได้ขึ้น คือ ทั้งโรคสั่นไม่ทราบสาเหตุ และโรคพาร์กินสัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่