นายกทีวีดาวเทียม แจงปม ‘เจ๊ปอง’ คาดเป็น ‘มิติใหม่การอ่านข่าว’ แนะ ‘ไม่ชอบ ก็ย้ายช่องอื่น’
<
<
<
‘เจ๊ปอง’ ก็พูดแบบนี้มานานแล้ว คิดอย่างนี้ เคยมีคนถามว่า มันเป็นจรรยาบรรณหรือเปล่า ต้องบอกว่ามันพัฒนามาไกลมาก
ทุกวันนี้ ไกลเกินกว่าที่จะคาดคิด แล้วถ้าคุณบอกว่า คือจรรยาบรรณ ก็จะถามว่าจรรยาบรรณตรงไหน ของใคร ใครที่เรียกว่า
ตรงไหนคือจรรยาบรรณ บางคนไม่ได้ด่าเลย แต่โกหกตลอดเรื่องก็มี แล้วจรรยาบรรณมันอยู่ตรงไหน วันนี้ถือว่าอะไรก็ตามที่
นำเสนอออกมา ต้องไม่ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญแค่นั้น ถ้าคุณทำตัวเลว แล้วไม่ให้เขาด่าว่าเลวได้ไหม แต่ไม่ได้พูดคน
เดียวนะ เพราะว่าแม้กระทั่งก็ไปดูหลายๆ ที่ อย่างช่วงที่มีการอภิปรายบนเวทีเสื้อเหลืองเสื้อแดง เขาก็เขียนไว้ข้างเวที ว่าห้าม
คำพูดคำหยาบ แต่เวลาขึ้นไปทุกคนก็เลยทุกคน มันมีอารมณ์ร่วม
ดร.นิพนธ์ กล่าวว่า เพราะ สังคมยอมรับถึงได้มีคนดู ในสังคมของเขา ตนอาจจะไม่ใช่คนที่ยอมรับ แล้วก็ไม่เปิดดู เพราะนี่คือ
สังคมผม กรณีนี้ต้องดูฝ่ายตรงข้ามทำพฤติกรรมเหมาะสม พฤติกรรมที่ควรด่าไหม สมมุติคุณกราบพระสักองค์ แล้วคุณคิดว่า
ท่านดี ดีไม่ดีก็อีกเรื่อง แล้วมีคนเข้ามาทำแบบนี้ ในขณะคนอื่นไม่ทำคุณด่าไหม เขาก็ด่าแทนไง ถ้าถามว่าเขาเป็นสื่อหรือเปล่า
เขามีจรรยาบรรณไหม มันไม่ใช่จรรยาบรรณของผู้ประกาศข่าวนะ ผู้ประกาศข่าวมันมีมุมมองของเขาอยู่ มันมีอารมณ์ร่วมได้บาง
ส่วน แต่ทุกวันนี้มันเป็นการใส่อารมณ์เลย เช่น อาจจะเป็นมิติใหม่ในการเสนอข่าวหรือเปล่า
ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของช่อง ถ้าเป็นช่องตนทำแบบนี้ไม่ได้ แต่ก็มีได้ระดับหนึ่ง ถ้าถามว่าระดับไหน ก็ระดับที่ กสทช. ยอมรับได้
เราไม่ได้ตัดสินเอง อย่างเจ๊ปองเนี่ย ตนคงไม่ได้ตัดสินหรอก กสทช. คงจะเป็นผู้ตัดสิน ถ้าออกทางทีวีหรือออกทางวิทยุ
ดร.นิพนธ์ กล่าวว่า ก็ถ้ามาตรฐานเขารับได้ ก็แปลว่ารับได้ เพราะว่าผู้กำกับมาตรฐานในขณะนี้ก็คือ กสทช. แต่ก็เห็น กสทช. ก็ไม่ยอม
รับมาหลายเรื่อง โดยการลงโทษปิดสถานี ไม่ต่ออายุสัญญาใบอนุญาตให้เป็นดาวเทียม ให้เป็นทีวีดิจิตอล ให้หยุดออกอากาศบ้าง ห้าม
โฆษณา ก็ลงโทษไป หรือว่าห้ามบุคคลคนนั้นมาออกอากาศ ซึ่งอันนี้มันเป็นมาตรฐานกลาง ที่ต้องผ่าน กสทช. แต่ถ้าเป็นมาตรฐานของ
ช่องก็อีกเรื่อง
ถ้าไปร้องเรียน ต้องพิจารณาว่า ปกติคุณดูช่องนี้หรือเปล่า ถามว่าช่องดิจิตอลมีให้ตั้ง 20 กว่าช่อง แล้วคุณมาดูช่องตนทำไม ถ้าดาวเทียม
ก็มีตั้ง 300 กว่าช่อง คุณมาดูช่องตนทำไม คุณจะดูเพื่อจับผิด หรือคุณจะด่า หรือดูเพราะคุณชอบ แต่ว่ามาตรฐานเมื่อก่อนมันเคร่งครัด
เพราะ มีอยู่แค่ 4 ช่อง คุณไปไหนไม่ได้ ต้องบังคับให้ดู
ขณะนี้ผู้บริโภคดูทีวีไม่ได้เดือดร้อนเลย ไม่อยากดูตรงไหนก็เปลี่ยนช่องดู
นอกจากคุณเป็นฝ่ายตรงข้ามที่จ้องจับผิดดร.นิพนธ์ กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์มีมาตรฐานของ กสทช. อยู่ ในมาตรา 37 ส่วนใหญ่
จะเป็นเรื่องของความมั่นคง อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับความมั่นคง อันนั้นเป็นเรื่องของ กสทช. ที่จะพิจารณา อะไรก็ตามที่เป็นระบบหลอกลวง
ถ้าออกข่าวโกหก กสทช. ทาง กสทช. ก็จะตัดสิน กสทช. ไม่ได้ตัดสิน ก็ศาลตัดสินได้ คือ ไม่อยากให้ใครคนใดคนหนึ่งไปตัดสินกับใคร
คนใดคนหนึ่ง บังเอิญใครคนนั้นเป็นคนที่เขาชอบ แม้ว่าตนไม่ชอบหรือชอบก็ตาม
“แต่ถามว่าถ้าคุณไม่ชอบคุณจะทนดูทำไม ก็เปลี่ยนช่องแต่ถ้าเขาพูดเท็จแล้วคุณเชื่อ แล้วมาทำให้คุณเสียหาย คุณต้องฟ้องนะ
เพราะเขากล่าวความเท็จ ทำให้คุณเข้าใจอะไรผิด แล้วคุณบังเอิญไปเป็นผู้เสียหาย คุณฟ้องได้เลย และถ้าสมมุติว่า เขาอัดตำรวจ ทั้ง
เสกโลโซ และตำรวจ ก็เป็นคนฟ้อง ถ้าเสกโลโซ กับตำรวจไม่รู้สึกว่าเขาอัด เขาก็ไม่ฟ้อง ในเมื่อถ้าไม่ฟ้องก็ไม่ผิด แต่ถ้าฟ้อง ศาลก็ตัดสิน
ว่ามันใช่หรือไม่ ศาลก็ต้องตัดสินแล้วว่าที่คุณทำนั้นสมควรให้เขาด่าหรือเปล่า แต่ให้ใช้คำที่ว่า
ผู้บริโภคทนไม่ได้เนี่ย ตนว่ามันเป็นคำที่ล้า
สมัย คุณมีช่องมากกว่าคุณจะรับได้ ”
เจ๊ปองอ่านข่าว ... ไม่ชอบก็ย้ายไปดูช่องอื่น .../sao..เหลือ..noi
<
<
<
‘เจ๊ปอง’ ก็พูดแบบนี้มานานแล้ว คิดอย่างนี้ เคยมีคนถามว่า มันเป็นจรรยาบรรณหรือเปล่า ต้องบอกว่ามันพัฒนามาไกลมาก
ทุกวันนี้ ไกลเกินกว่าที่จะคาดคิด แล้วถ้าคุณบอกว่า คือจรรยาบรรณ ก็จะถามว่าจรรยาบรรณตรงไหน ของใคร ใครที่เรียกว่า
ตรงไหนคือจรรยาบรรณ บางคนไม่ได้ด่าเลย แต่โกหกตลอดเรื่องก็มี แล้วจรรยาบรรณมันอยู่ตรงไหน วันนี้ถือว่าอะไรก็ตามที่
นำเสนอออกมา ต้องไม่ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญแค่นั้น ถ้าคุณทำตัวเลว แล้วไม่ให้เขาด่าว่าเลวได้ไหม แต่ไม่ได้พูดคน
เดียวนะ เพราะว่าแม้กระทั่งก็ไปดูหลายๆ ที่ อย่างช่วงที่มีการอภิปรายบนเวทีเสื้อเหลืองเสื้อแดง เขาก็เขียนไว้ข้างเวที ว่าห้าม
คำพูดคำหยาบ แต่เวลาขึ้นไปทุกคนก็เลยทุกคน มันมีอารมณ์ร่วม
ดร.นิพนธ์ กล่าวว่า เพราะ สังคมยอมรับถึงได้มีคนดู ในสังคมของเขา ตนอาจจะไม่ใช่คนที่ยอมรับ แล้วก็ไม่เปิดดู เพราะนี่คือ
สังคมผม กรณีนี้ต้องดูฝ่ายตรงข้ามทำพฤติกรรมเหมาะสม พฤติกรรมที่ควรด่าไหม สมมุติคุณกราบพระสักองค์ แล้วคุณคิดว่า
ท่านดี ดีไม่ดีก็อีกเรื่อง แล้วมีคนเข้ามาทำแบบนี้ ในขณะคนอื่นไม่ทำคุณด่าไหม เขาก็ด่าแทนไง ถ้าถามว่าเขาเป็นสื่อหรือเปล่า
เขามีจรรยาบรรณไหม มันไม่ใช่จรรยาบรรณของผู้ประกาศข่าวนะ ผู้ประกาศข่าวมันมีมุมมองของเขาอยู่ มันมีอารมณ์ร่วมได้บาง
ส่วน แต่ทุกวันนี้มันเป็นการใส่อารมณ์เลย เช่น อาจจะเป็นมิติใหม่ในการเสนอข่าวหรือเปล่า
ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของช่อง ถ้าเป็นช่องตนทำแบบนี้ไม่ได้ แต่ก็มีได้ระดับหนึ่ง ถ้าถามว่าระดับไหน ก็ระดับที่ กสทช. ยอมรับได้
เราไม่ได้ตัดสินเอง อย่างเจ๊ปองเนี่ย ตนคงไม่ได้ตัดสินหรอก กสทช. คงจะเป็นผู้ตัดสิน ถ้าออกทางทีวีหรือออกทางวิทยุ
ดร.นิพนธ์ กล่าวว่า ก็ถ้ามาตรฐานเขารับได้ ก็แปลว่ารับได้ เพราะว่าผู้กำกับมาตรฐานในขณะนี้ก็คือ กสทช. แต่ก็เห็น กสทช. ก็ไม่ยอม
รับมาหลายเรื่อง โดยการลงโทษปิดสถานี ไม่ต่ออายุสัญญาใบอนุญาตให้เป็นดาวเทียม ให้เป็นทีวีดิจิตอล ให้หยุดออกอากาศบ้าง ห้าม
โฆษณา ก็ลงโทษไป หรือว่าห้ามบุคคลคนนั้นมาออกอากาศ ซึ่งอันนี้มันเป็นมาตรฐานกลาง ที่ต้องผ่าน กสทช. แต่ถ้าเป็นมาตรฐานของ
ช่องก็อีกเรื่อง
ถ้าไปร้องเรียน ต้องพิจารณาว่า ปกติคุณดูช่องนี้หรือเปล่า ถามว่าช่องดิจิตอลมีให้ตั้ง 20 กว่าช่อง แล้วคุณมาดูช่องตนทำไม ถ้าดาวเทียม
ก็มีตั้ง 300 กว่าช่อง คุณมาดูช่องตนทำไม คุณจะดูเพื่อจับผิด หรือคุณจะด่า หรือดูเพราะคุณชอบ แต่ว่ามาตรฐานเมื่อก่อนมันเคร่งครัด
เพราะ มีอยู่แค่ 4 ช่อง คุณไปไหนไม่ได้ ต้องบังคับให้ดู ขณะนี้ผู้บริโภคดูทีวีไม่ได้เดือดร้อนเลย ไม่อยากดูตรงไหนก็เปลี่ยนช่องดู
นอกจากคุณเป็นฝ่ายตรงข้ามที่จ้องจับผิดดร.นิพนธ์ กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์มีมาตรฐานของ กสทช. อยู่ ในมาตรา 37 ส่วนใหญ่
จะเป็นเรื่องของความมั่นคง อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับความมั่นคง อันนั้นเป็นเรื่องของ กสทช. ที่จะพิจารณา อะไรก็ตามที่เป็นระบบหลอกลวง
ถ้าออกข่าวโกหก กสทช. ทาง กสทช. ก็จะตัดสิน กสทช. ไม่ได้ตัดสิน ก็ศาลตัดสินได้ คือ ไม่อยากให้ใครคนใดคนหนึ่งไปตัดสินกับใคร
คนใดคนหนึ่ง บังเอิญใครคนนั้นเป็นคนที่เขาชอบ แม้ว่าตนไม่ชอบหรือชอบก็ตาม
“แต่ถามว่าถ้าคุณไม่ชอบคุณจะทนดูทำไม ก็เปลี่ยนช่องแต่ถ้าเขาพูดเท็จแล้วคุณเชื่อ แล้วมาทำให้คุณเสียหาย คุณต้องฟ้องนะ
เพราะเขากล่าวความเท็จ ทำให้คุณเข้าใจอะไรผิด แล้วคุณบังเอิญไปเป็นผู้เสียหาย คุณฟ้องได้เลย และถ้าสมมุติว่า เขาอัดตำรวจ ทั้ง
เสกโลโซ และตำรวจ ก็เป็นคนฟ้อง ถ้าเสกโลโซ กับตำรวจไม่รู้สึกว่าเขาอัด เขาก็ไม่ฟ้อง ในเมื่อถ้าไม่ฟ้องก็ไม่ผิด แต่ถ้าฟ้อง ศาลก็ตัดสิน
ว่ามันใช่หรือไม่ ศาลก็ต้องตัดสินแล้วว่าที่คุณทำนั้นสมควรให้เขาด่าหรือเปล่า แต่ให้ใช้คำที่ว่า ผู้บริโภคทนไม่ได้เนี่ย ตนว่ามันเป็นคำที่ล้า
สมัย คุณมีช่องมากกว่าคุณจะรับได้ ”